xs
xsm
sm
md
lg

"หงส์" ปิ๋ว!! เจ๊า "เชลซี" ระทึก 4-4 "บาร์ซา" ลิ่วชปล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"หงส์แดง" ลิเวอร์พูล เริ่มต้นดีออกนำก่อนในครึ่งแรก 2-0 แต่ครึ่งหลังกลับต้านไม่อยู่ถูก เชลซี ทวงประตูคืนจนสุดท้ายจบ 90 นาทีทั้งสองทีมถล่มประตูกันอย่างสุดมันส์จนเสมอ 4-4 แต่ "สิงห์บลูส์" ผ่านเข้ารอบต่อไปด้วยผลประตูรวม 7-5 ขณะที่ บาร์เซโลนา เข้ารอบตัดเชือกตามคาดหลังจากบุกไปเสมอ บาเยิร์น มิวนิก 1-1 ในการแข่งขันฟุตบอลยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา

ผลการแข่งขันยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศ นัดสอง
เชลซี 4 - 4 ลิเวอร์พูล (รวมผลสองนัด เชลซี เข้ารอบด้วยประตูรวม 7-5)

แลมพาร์ด เฮหลังยิงประตู
เชลซี หมดสิทธิ์ใช้งาน จอห์น เทอร์รี ปราการหลังกัปตันทีมเนื่องจากติดโทษแบนทำให้ ริคาร์โด คาร์วัลโญ ลงมาจับคู่กับ อเล็กซ์ ส่วนแดนหน้าส่ง ดิดิเยร์ ดร็อกบา ประสานงานกับ ซาโลมง กาลู ขณะที่ ลิเวอร์พูล ไม่มีกัปตันทีมตัวจริงเช่นกันเนื่องจาก สตีเวน เจอร์ราร์ด แม้หายจากอาการบาดเจ็บโคนขาแล้วแต่ไม่ฟิตพอลงสนาม อย่างไรก็ตามเกมรุกยังมี เฟอร์นานโด ตอร์เรส เป็นความหวังเหมือนเดิม
ออเรลิโอ และ อลอนโซ ซัดคนละลูก
เริ่มครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ทำเกมเหนือกว่าเล็กน้อย จนมีลุ้นโอกาสแรกจากฟรีคิกในนาที 11 ออเรลิโอ รับหน้าที่เปิดเข้ามาจากทางริมเส้นด้านขวา บอลลอยมาทางเสาสองเกือบเข้าหัว เคาท์ แต่ยังดีที่ ปีเตอร์ เช็ก ออกมาตัดบอลปัดทิ้งออกไปทัน อีก 2 นาทีต่อมา ทีมเยือนทำเกมบุกขึ้นมาได้สวย เริ่มจาก เคาท์ ได้บอลหน้าเขตโทษ ก่อนป้ายต่อให้ เบนายูน ไขว่บอลกลับหลังจน ตอร์เรส หลุดเข้าไปปั่นบอลด้วยซ้ายแต่เหินออกหลังไป

เชลซี มีโอกาสลุ้นเป็นครั้งแรกในนาที 14 เมื่อมาได้ฟรีคิกระยะประมาณ 35 หลาหน้าเขตโทษ แลมพาร์ด ขออาสายิง บอลพุ่งแรงเฉียดเสาออกไปนิดเดียว แต่อีก 4 นาทีต่อมา "หงส์แดง" เป็นฝ่ายออกนำก่อน 1-0 จากจังหวะลูกตั้งเตะบริเวณริมเส้นด้านขวา ออเรลิโอ ฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของ เช็ก ไม่เปิดเข้ากลางแต่ตัดสินใจยิงบอลเข้าประตูไปเลย

ทีมเยือนยังคงทำเกมบุกอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นเมื่อมาถึงนาที 28 มาทำประตูออกนำอีกครั้งเป็น 2-0 จากการที่ อิวาโนวิช กองหลังเจ้าถิ่นทำฟาวล์ อลอนโซ ล้มลงในเขตโทษจากจังหวะลูกฟรีคิก กรรมการเป่าให้เป็นลูกจุดโทษทันที มิดฟิลด์ทีมชาติสเปนลุกขึ้นมารับหน้าที่สังหาร ซัดเต็มข้อบอลซุกก้นตาข่ายทางซ้ายมือตัวเอง

"สิงห์บลูส์" พยายามทำเกมเพื่อกดดันเข้าใส่บ้าง มาถึงนาที 37 แลมพาร์ด เปิดฟรีคิกจากหน้าเขตโทษ บอลลอยมาเข้าหัว อเล็กซ์ ได้โขกกดลงพื้นแต่เบาเกินไป เรนา ตามมาคว้าไว้ได้อย่างไม่มีปัญหา อีก 3 นาทีต่อมา มาลูดา เปิดลูกเตะมุม คาร์วัลโญ เบียดกองหลังทีมเยือนขึ้นโหม่ง แต่บอลลอยผ่านหน้าประตูออกไปทางเสาสอง

ช่วงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก ลิเวอร์พูล เกือบมีลุ้นทำประตูถึงสองจังหวะเริ่มที่ ออเรลิโอ ได้เปิดจากริมเส้นด้านซ้าย บอลลอยมาทางเสาสองให้ เคาท์ โหม่งบอลย้อนกลับไปทางเสาแรกของประตู แต่ เช็ก พุ่งปัดทิ้งออกไป ก่อนที่ฟูลแบ็กแซมบ้าจะเปิดกลับเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้เป็น อเล็กซ์ โหม่งสกัดเกือบเข้าประตูตัวเอง แต่บอลไปโดนขา แอชลีย์ โคล กระดอนออกไปทำให้จบ 45 นาทีแรก ทีมเยือนนำอยู่ 2-0
เช็ก ลอยตัวมาตัดบอล
เข้าสู่ครึ่งหลัง ลิเวอร์พูล เริ่มบุกเข้าใส่ก่อนทันที เบนายูน ทำเกมขึ้นมาถึงหน้าเขตโทษ ก่อนจ่ายให้ ลูคัส วิ่งโฉบไปเก็บบอลก่อนที่ ปีเตอร์ เช็ก จะตามมาตัดทัน จนนายทวารเจ้าถิ่นเสียตำแหน่ง มิดฟิลด์ชาวบราซิลจ่ายย้อนกลับมาให้ ออเรลิโอ ลองยิงจากทางริมเขตโทษ แต่บอลไม่ตรงกรอบหลุดออกไปทางเสาสอง

แต่มาถึงนาที 51 เจ้าถิ่นกลับเป็นฝ่ายทำประตูไล่ขึ้นมาอย่างไม่คาดคิด เมื่อ อเนลกา กระชากบอลขึ้นมาทางริมเส้นด้านขวา ก่อนเปิดเรียดเข้ากลาง ดร็อกบา วิ่งเบียดกองหลังคู่แข่งโฉบมาสะกิดบอลเล็กน้อยบวกกับเป็นความผิดพลาดของ เรนา ป้องกันไม่อยู่ทำให้บอลข้ามเส้นเข้าไป สกอร์ขยับเป็น 1-2

เชลซี เริ่มได้ใจบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่องและถูกทำฟาวล์หน้าเขตโทษจนได้ฟรีคิกบ่อยครั้ง ในที่สุดมาทำประตูตีเสมอจนได้จากลูกตั้งแตะหน้าเขตโทษในนาที 57 คราวนี้เป็น อเล็กซ์ ขอรับอาสายิง กองหลังชาวแซมบ้าอัดเต็มข้อ บอลพุ่งแรงหมดสิทธิ์ที่ เรนา จะป้องกันทันทำให้สกอร์พลิกกลับมาเท่ากันที่ 2-2

หลังจากนั้นทั้งสองทีมผลัดกันรุกและรับอย่างสนุกสูสี กระทั่งการแข่งขันเข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย "สิงห์บลูส์" กลับเป็นฝ่ายพลิกขึ้นนำ 3-2 เมื่อ บัลลัก ตัดบอลได้ตรงนอกเขตโทษ ก่อนเปิดข้ามแผงกองหลังทีมเยือน ดร็อกบา ตามไปเก็บบอลก่อนตบเรียดเข้ากลางให้ แลมพาร์ด ตามมาชาร์ตส่งบอลผ่าน เรนา เข้าประตูไป

ทีมเยือนไม่ยอมแพ้ เกมมาถึงนาที 81 เบนายูน ได้บอลหน้าเขตโทษ ก่อนจ่ายกลับมาให้ ลูคัส ซัดบอลเต็มแรงไปแฉลบ เอสเซียง เปลี่ยนทางเข้าประตูไปให้สกอร์เสมอกัน 3-3 หลังจากนั้นอีก 2 นาที ริเอรา เก็บบอลทางริมเส้น ก่อนเปิดเข้ากลางให้ เคาท์ โฉบมาโหม่งหน้าปากประตูเข้าไปให้ ลิเวอร์พูล พลิกนำ 4-3 มีโอกาสลุ้นอีกครั้งหากยิงเพิ่มอีกหนึ่งประตู

แต่นาทีสุดท้ายของเกม ความหวังของ ลิเวอร์พูล มาดับลง เมื่อ ดร็อกบา ตัดบอลได้ ก่อนจ่ายให้ อเนลกา หลุดเข้าไปปาดบอลเข้ากลางและเป็น แลมพาร์ด อัดเต็มแรงบอลชนเสากระดอนเข้าประตูไป เชลซี ตามตีเสมอ 4-4 หลังจากนั้นไม่นานกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาจบ 90 นาทีทำให้ "สิงห์บลูส์" ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศด้วยประตูรวม 7-5

ขณะที่ผลการแข่งขันอีกคู่ "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลนา ที่นัดแรกเอาชนะมาก่อนในบ้านตนเอง 4-0 ยังทำผลงานได้ดีด้วยการบุกไปไล่ตีเสมอ บาเยิร์น มิวนิก 1-1 ทำให้ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกด้วยประตูรวม 5-1

รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เชลซี :
ปีเตอร์ เช็ก, ริคาร์โด คาร์วัลโญ, อเล็กซ์, แอชลีย์ โคล, บรานิสลาฟ อีวาโนวิช, มิชาเอล เอสเซียง, แฟรงค์ แลมพาร์ด, มิชาเอล บัลลัก, ฟลอรองต์ มาลูดา, ดิดิเยร์ ดร็อกบา, ซาโลมง กาลู
ลิเวอร์พูล : เปเป เรนา, เจมี คาร์ราเกอร์, มาร์ติน สเคอร์เทล, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, อัลบาโร อาร์เบลัว, ชาบี อลอนโซ, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, เฟอร์นานโด ตอร์เรส, ลูคัส, ยอสซี เบนายูน, เดิร์ก เคาท์
กำลังโหลดความคิดเห็น