“ยอโควิช” สแลมเดียวก็ดับแล้ว?

ในระยะเวลาเพียง 2 ฤดูกาล โนวัค ยอโควิช นักเทนนิสหนุ่มจากเซอร์เบียพัฒนาฝีมือขึ้นมารั้งมือ 3 ของโลก การันตีคุณภาพด้วยตำแหน่งแชมป์ออสเตรเลียน โอเพน ปี 2008 ในวัยเพียง 21 ปีส่งให้ "เจ้าจ็อกเกอร์" ที่มีเสน่ห์ตรงอารมณ์ขันเป็นหนึ่งในยอดหวดที่มีแฟนคลั่งไคล้มากที่สุด หากแต่ช่วงครึ่งปีหลังของฤดูกาล 2008 มาถึงต้นปี 2009 อาการเครื่องสะดุดเริ่มมีให้เห็นอยู่เกือบตลอด นอกจากจะพลาดท่าแพ้มือรองบ่อนบ่อยครั้งแล้ว บางช่วงยัง "ถอดใจ" แพ้ง่ายๆ ล่าสุดความพ่ายแพ้ต่อ ดาวรุ่งชาวสก๊อตอย่าง แอนดี้ เมอร์เรย์ ในรอบชิงชนะเลิศ “โซนี อิริกส์สัน โอเพน” แบบไร้ทางสู้ทำให้เสียงวิจารณ์เริ่มหนาหูขึ้นมาว่า “หนุ่มเซิร์บ” รายนี้คือยอดนักเทนนิสตัวจริงหรือไม่?

ย้อนไปในศึกแกรนด์สแลม ยูเอส โอเพน 2007" ยอโควิช ในวัย 20 ปีต่อกรกับ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ มือ 1 โลกในเวลานั้นได้อย่างสูสีเรียกเสียงเชียร์และความประทับใจให้แก่ผู้ชมทั่วโลกได้ตลอดแมตช์ แม้แพ้ไป 1-3 เซตแต่ ยอโควิช ยังถูกสื่อทุกสำนักชูขึ้นเป็นหนึ่งใน "ไตรเทพ" ต่อจาก เฟดเอ็กซ์ และ ราฟาเอล นาดาล ได้อย่างเต็มภาคภูมิ

ต้นปี 2008 ความมั่นใจของ ยอโควิช เพิ่มเป็นทวีคูณหลังคว้าแชมป์แกรนด์สแลมแรกในชีวิตในรายการ ออสเตรเลียน โอเพน โดยเสียไปเพียงเซตเดียวตลอด โดยเฉพาะผลงานในรอบตัดเชือกที่สยบ เฟดเอ็กซ์ สามเซตรวดก่อนจะผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศพบกับโจ วิลเฟรด ซองกา ที่ “ยอโควิช” พิชิตไปได้แบบไร้ข้อกังขาคว้าถ้วยนอร์แมน บรูกส์มาครอง

ทว่าสถานการณ์เริ่มพลิกผันเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลคอร์ตหญ้า ยอโควิช ซึ่งปกติซ้อมบนคอร์ตดินที่บ้านในโมนาโก แพ้ นาดาล ในรอบชิงชนะเลิศที่ ควีนส์ คลับ ก่อนไปพ่ายพลิกล็อกให้กับ มารัต ซาฟิน จากรัสเซีย 3 เซตรวดตกรอบ 2 วิมเบิลดันในแบบที่ "โนเล่" เล่นแย่เสิร์ฟดับเบิลฟอลต์ไปถึง 10 ลูกแถมตีเสียเองอีก 28 ครั้ง เรียกได้ว่าฟอร์มบู่จนหายไปจากหน้าสื่อพักใหญ่

เมื่อเข้าสู่ฤดูกาลฮาร์ดคอร์ตซึ่งตรงกับหน้าร้อนของทวีปอเมริกาเหนือ ยอโควิช เผยจุดอ่อนข้อสำคัญคือ "กลัวร้อน" เมื่อพลาดท่าให้กับ แอนดี เมอร์เรย์ ดาวรุ่งชาวสกอต 2 แมตช์ติดต่อกันเริ่มตั้งแต่ รอบ 8 คนสุดท้าย โตรอนโต มาสเตอร์ส ที่ตนเองเป็นแชมป์เก่าอยู่มาจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ซินซิเนติ มาสเตอร์ส ต่อจากนั้นบินลัดฟ้าสู่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน คว้าเหรียญทองแดงชายเดี่ยวให้กับเซอร์เบียหลังพ่าย นาดาล ในรอบรองชนะเลิศ โอลิมปิก 2008 ซึ่งเจ้าตัวเจ็บใจถึงขนาดน้ำตาซึมระหว่างเดินไปจับมือที่หน้าเนต

อากาศร้อนบวกกับตารางการแข่งขันที่ค่อนข้างแน่นส่งผลให้ ยอโควิช เริ่มเจ็บสะโพกระหว่างลงแข่งขัน ยูเอส โอเพน 2008 โดยในนัดที่พบกับ ทอมมี โรเบรโด นักหวดหนุ่ม เรียกแพทย์มาดูอาการในสนามถึง 2 ครั้ง โดยให้เหตุผลว่าเจ็บสะโพกและอ่อนเพลียทำเอาคู่แข่งจากสเปนหัวเสียจนพ่ายไปในเซตที่ 5 และเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในรอบ 8 คนสุดท้าย ยอโควิช ถูกกองเชียร์อเมริกันทั้งสนามรุมโห่เมื่อขอเวลานอกเรียกแพทย์มาดูอาการรวมถึงเล่นดึงเวลาหลายครั้งในแมตช์ที่เอาชนะ แอนดี รอดดิก ขวัญใจเจ้าถิ่น ทำให้รอบชิงชนะเลิศ ยอโควิช ถูกกองเชียร์เมืองลุงแซมโห่อย่างหนักจนเสียสมาธิและนำมาซึ่งความปราชัยต่อ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์

“อาการใจเสาะ” กำเริบอีกครั้งในรอบก่อนรองชนะเลิศ ออสเตรเลียน โอเพน ต้นปีที่ผ่านมาเมื่อ ยอโควิช ทนอุณหภูมิ 40 องศาเซลเซียสของเมืองเมลเบิร์นไม่ไหวขอยอมแพ้ รอดดิก ในเซตที่ 4 ทั้งที่ตนเองออกนำอยู่ 2-1 เซต และมาแพ้ รอดดิก อีกครั้งด้วยสกอร์ 2 เซตรวดในรอบ 8 คนสุดท้าย บีเอ็นพี พาริบาส โอเพน ที่ อินเดียน เวลส์ โดยใช้เวลาแข่งขันแค่ 1 ชั่วโมง 8 นาที ก่อนทำท่าจะคืนฟอร์มเมื่อพลิกชนะ เฟเดอเรอร์ ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ “โซนี อิริกส์สัน โอเพน” ที่ไมอามี เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาแต่สุดท้ายก็หลุดแพ้ เมอร์เรย์ แบบไร้ทางสู้ในรอบชิงชนะเลิศ

หลายต่อหลายครั้งที่เด็กหนุ่มซึ่งประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในวันที่ใจยังไม่พร้อม ทำให้ทนแบกรับกับความกดดันในเกมการแข่งขันไม่ได้เช่นเดียวกับยอโควิช ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการคาดหมายว่าจะขึ้นมาต่อกรกับ เฟเดอเรอร์ และ นาดาล เพื่อแย่งบัลลังก์มือหนึ่งโลก แต่ความสำเร็จกลับกลายเป็นดาบแห่งความคาดหวังที่ย้อนศรเข้าสู่นักหวดหนุ่มจากเซอร์เบีย ผลักให้ฟอร์มของเขาไม่คงเส้นคงวา ต่อจากนี้คงต้องจับตากันต่อไปว่าชื่อ “โนวัค ยอโควิช” ในวงการเทนนิสโลกจะอยู่ต่อไปในฐานะอะไร ระหว่างตำนานลูกสักหลาด หรือ “วันฮิต วันเดอร์” จอมหวดที่ดังได้เพียงแค่สแลมเดียว