รายงานพิเศษ เวียงจันทร์เกมส์ ตอนที่ 2
“สปป.ลาวกำลังจะเปิดประเทศด้วยซีเกมส์ครั้งที่ 25” เชื่อว่าใครที่มีโอกาสได้ไปเยือนเมืองเวียงจันทร์ในช่วงเวลานี้คงคิดไม่ต่างกันมากนัก ถึงแม้กระแสของผู้คนในเมืองเวียงจันทร์จะยังไม่ค่อยตื่นตัวกับการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งที่ 25 เท่าใดนัก หากแต่การเตรียมตัวระหว่างรัฐต่อรัฐของบ้านพี่เมืองน้องของไทยที่ห่างกันเพียงแค่แม่น้ำโขงกั้นนั้นนับว่ารวดเร็วและคืบหน้าเป็นอย่างยิ่ง
จากรายงานพิเศษเวียงจันทร์เกมส์ตอนที่ 1 ซึ่งทีมข่าว MGR Sportได้รายงานความคืบหน้าของการก่อสร้างสนาม ความร่วมมืออันเป็นผลประโยชน์ชนิด “วิน วิน” ระหว่างเจ้าภาพและประเทศที่ให้ความช่วยเหลืออย่างจีน เกาหลี รวมถึงไทยที่เสธ.โต พล.ร.อ. สุรวุฒิ มหารมย์ ประธานคณะทำงานซีเกมส์ครั้งที่ 25 มั่นใจว่าการประสานผลประโยชน์ทางกีฬาในครั้งนี้ จะเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในการเปิดเส้นทางเศรษฐกิจสายใหม่ให้กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นับเป็นความเคลื่อนไหวระหว่างรัฐต่อรัฐในเวียงจันทร์เกมส์ ที่น่าสนใจยิ่งเมื่อถึงตอนที่ 2 ก็นับเป็นวาระของการทักทายระหว่างผู้มาเยือนและเจ้าบ้านด้วยคำเมืองที่คุ้นเคย “สบายดีเวียงจันทร์” ณ พุทธศักราช 2552 หลังบ้านเมืองผ่านสงครามกลางเมืองเอายาวนาน จากประเทศที่ถูกปิดตายจากโลกภายนอก จากเมืองที่ไม่เคยมีใครคิดมาก่อนว่าจะเป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาใหญ่ของภูมิภาคได้ มาวันนี้เวียงจันทร์เกมส์ กำลังจะเป็นการงานประชาสัมพันธ์ครั้งสำคัญของ สปป.ลาวที่จะทำให้ทั่วโลกรู้ว่า นครหลวงแห่งนี้ได้เดินออกจากเงาของความทุกข์ยากและกำลังก้าวเข้าสู่ทศวรรษแห่งการพัฒนาประเทศอย่างจริงจัง
ด้วยความที่มีเขตแดนใกล้กันการเดินทางเพื่อมาถึงนครเวียงจันทร์จึงไม่ใช่เรื่องยากนักสำหรับสื่อไทย ตลอดระยะทางที่เข้าสู่ตัวเมืองหลังผ่านด่านที่สะพานมิตรภาพไทย-ลาว สองข้างทางมีป้ายโฆษณาเชิญชวนให้เข้าร่วมชมและเชียร์การแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 25 ตลอดทั้งสองข้างทาง จนเมื่อเข้าถึงเขตเมือง ความคึกคักของป้ายเชิญชวนเริ่มลดน้อยลง และไปคึกคักอีกที่ในจุดที่เรียกว่าเป็น “ซิตี้ เซนเตอร์” ของเวียงจันทร์อย่าง “ตลาดเซ้า” ที่ทางการลาวได้ติดตั้งจอขนาดใหญ่กลางสี่แยกเพื่อนับถอยถึงวันที่จะเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งที่ 25
แม้ว่าจะเหลือเวลาอีกกว่าครึ่งปีก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มต้นและกระแสของซีเกมส์ยังไม่ซึมเข้าสู่อณูเนื้อของเมือง หากแต่ผู้คนในเวียงจันทร์ที่ทีมข่าว MGR Sport ได้มีโอกาสพูดคุยด้วยนั้นส่วนใหญ่หวังว่าการเป็นเจ้าภาพกีฬาที่ยิ่งใหญ่ระดับภูมิภาคจะทำให้เวียงจันทร์ และ สปป.ลาว ได้รับความสนใจจากนานาประเทศเพิ่มมากขึ้นและทำให้เศรษฐกิจลาวที่กำลังอยู่ในช่วงเติบโตปรับดัชนีเป็นขาขึ้นชนิดติดจรวจ
สำหรับการก่อสร้างสนามกีฬาใหญ่หรือสปอร์ตคอมเพล็กซ์ ที่ทางการจีนเข้ามาลงทุนให้เพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางธุรกิจบริเวณกม.13 ใต้ของนครเวียงจันทร์นั้นนับว่ารุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นถนนที่มุ่งหน้าสู่สนามกีฬาได้ถูกปรับให้กลายเป็นถนนคอนกรีตเสริมเหล็กสี่เลน ขณะที่ตัวสนามกีฬาหลักนั้นเรียกได้ว่าแล้วเสร็จเกิน 70 เปอร์เซ็นต์ไปแล้ว แถมเจ้าหน้าที่ของทางการลาวก็ยินดีให้สื่อจากต่างแดนเข้าไปสำรวจการก่อสร้างได้ชนิดทะลุไปถึงที่พักคนงานที่กว่าครึ่งเป็นชาวจีน
บนพื้นที่ของสปอร์ตคอมเพล็กขนาดใหญ่ ณ กม.13 ใต้แห่งนี้ในอดีตคือพื้นที่ป่ารกร้าง ชาวบ้านในพื้นที่เล่าให้ฟังว่าตอนที่ได้ข่าวว่าจะมีการก่อสร้างสนามกีฬาเพื่อใช้ในการแข่งขันซีเกมส์ ก็ไม่ได้คิดว่าจะใหญ่โตขนาดนี้ เพราะแม้แต่สนามกีฬาแห่งชาติภายในตัวเมืองเวียงจันทร์ ยังมีขนาดเล็กกว่ามากเมื่อเทียบกับสนามที่กำลังสร้างอยู่”
ส่วนความรู้สึกของชาวบ้านที่มีต่อความเจริญที่เดินทางมาหาชนิดรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ติดนั้น พวกเขากล่าวว่า “เป็นเรื่องดีสำหรับคนเวียงจันทร์ เพราะถนนหนทางได้ปรับปรุงและในช่วงการแข่งขันเชื่อว่าจะทำให้มีคนเดินทางมาเที่ยวลาวกันมากขึ้น”
จากกม.13 ใต้ อันเป็นศูนย์กลางการแข่งขันซีเกมส์ครั้งที่ 25 ยังมีอีกสองสนามที่อยู่ในละแวกเดียวกันคือมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว และ บริเวณบึงขยองซึ่งทั้งหมดนี้การก่อสร้างคืบหน้าไปมากแล้วซึ่งแน่นอนว่าเมื่อสนามกีฬาไปลง ณ จุดใดความเจริญของถนนหนทางรวมไปถึงความคึกคักทางการค้าก็เดินทางตามไปด้วย
ภาพของเวียงจันทร์ ณ วันที่เตรียมตัวเพื่อเป็นเจ้าภาพซีเกมส์นั้นถ้าจะวัดกันตามสายตาผู้ไปเยือนแล้วนับเป็นความคล้ายที่ต่างกันเพียงแค่ขนาดทัวร์นาเม้นท์ระหว่าง เวียงจันทร์ และ ปักกิ่ง ที่ใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์ โดยในรายของพี่ใหญ่จีนนั้นประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามในฐานะเจ้าภาพโอลิมปิก 2008 ส่วนสปป.ลาวจะเดินทางไปถึงเป้าหมายเดียวกันได้หรือไม่นั้นคงต้องรอดูกันระหว่างวันที่ 9-18 ธันวาคมที่ดอกผลจากซีเกมส์จะผลิบานอย่างเต็มที่ ถึงเวลานั้นคงขึ้นอยู่กับเจ้าภาพว่าจะมีแรงเก็บเกี่ยวได้มากน้อยเพียงใด