“ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 9 คนบุกเสียท่า “เจ้าสัวน้อย” ฟูแลม 0-2 ทำให้สถานการณ์ลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดกว้างอีกครั้ง ขณะที่ “สิงห์บลูส์” เชลซี พลาดโอกาสทองบุกไปโดน “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ จิกหวิว 1-0
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ฟูแลม 2-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
รอย ฮอดจ์สัน จัดทัพใหญ่ “เจ้าสัวน้อย” ฟูแลม ในการเปิดบ้านรับมือ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากเคยปราชัยคาถิ่นยับทั้งสองนัดที่เจอกันก่อนหน้านี้ในฤดูกาล 2008/09 เกมนี้เจ้าบ้านฝากความหวังไว้กับ แดนนี เมอร์ฟีย์, คลินท์ เดมซีย์ และ แอนดี จอห์นสัน ด้าน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มีการปรับหมากให้ทีมเยือนใส่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ยืนเป็นหน้าเป้าโดยมี คริสเตียโน โรนัลโด และ ปาร์ค จี ซอง สนับสนุนเกมรุก แผงหลังให้ จอนนี อีแวนส์ ปักหลักคู่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ เนื่องจาก เนมันยา วิดิช ตัวแกร่งติดโทษแบน 2 นัด ตรงกลางมีทั้ง ไรอัน กิกส์ กับ พอล สโคลส์ ช่วยคุมเกม
เริ่มเกมการแข่งขัน ฟูแลม ทำใจดีสู้เสือเป็นฝ่ายเดินเกมบุกใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด ทันที คลินท์ เดมซีย์ ตัดเข้ากรอบโทษด้านขวาก่อนตะบันทันทีบอลหักไม่เข้าหลุดออกหลังไป นาทีที่ 5 ทีมเยือนได้โอกาสแรก ปาทริซ เอฟรา เติมขึ้นมาเปิดบอลไปในกรอบโทษ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ โหนโหม่งจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับ มาร์ค ชวาร์เซอร์ เกมดำเนินถึงนาที่ 18 “เจ้าสัวน้อย” มาได้ลูกที่จุดโทษเมื่อ พอล สโคลส์ เผลอใช้มือปัดลูกโหม่งจ่อๆ ของ บ็อบบี ซาโมรา ทำให้ผู้ตัดสิน ฟิล ดาวด์ ไม่ลังเลเป่าให้จุดโทษทันทีพร้อมกับชักใบแดงไล่มิดฟิลด์ตัวเก๋าทีมเยือนออกไป แดนนี เมอร์ฟีย์ กัปตันเจ้าบ้านรับหน้าที่เพชฌฆาตสังหารไม่เหลือส่ง “เจ้าสัวน้อย” ออกนำ 1-0
มีผู้เล่นมากกว่า ฟูแลม ได้ใจเดินหน้าบุกใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นชุดๆ ซาโมรา หลอกทาง จอนนี อีแวนส์ ก่อนอัดเต็มข้อ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เซฟออกมาเข้าทาง แอนดี จอห์นสัน แต่กองหน้าหัวเหม่งช้าเกินไปจึงโดนแผงรับผู้มาเยือนช่วยกันเคลียร์ทิ้ง นาทีที่ 23 เจ้าถิ่นสบโอกาสอีกจากการยิงด้วยซ้ายติดไซด์โป้งของ ซาโมรา ร้อนถึง ฟาน เดอร์ ซาร์ ต้องปัดก่อนปรี่เข้าตะปบบอลอีกครั้ง ผ่านครึ่งชั่วโมงเกมเป็นไปในลักษณะวันเวย์ ไซมอน เดวีส์ ลากตัดจากซ้ายเข้าในก่อนยิงเรียดด้วยซ้าบอลพุ่งเฉียดเสาแบบได้ลุ้น ปลายครึ่งแรก “ผีแดง” ออกอาการเหม่อจนเกือบเป็นเรื่องดีที่จังหวะวอลเลย์ของ ซาโมรา ไม่ตรงกรอบ จบ 45 นาทีแรก “แชมป์เก่า” เสียเปรียบทั้งตัวผู้เล่นและสกอร์
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง ท่านเซอร์ ต้องถอด เบอร์บาตอฟ ที่บาดเจ็บข้อเท้าตั้งแต่ปลายครึ่งแรกออกมาพร้อมกับใส่ เวย์น รูนีย์ ไปล่าตาข่ายแทน และทีมเยือนก็เริ่มได้ลุ้น ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ เปิดบอลให้ โรนัลโด โถมเข้ามาโหม่งเต็มๆ แต่บอลไม่ตรงกรอบ นาทีที่ 55 “หนูโด้” ชักออกอาการหงุดหงิดโดนทำฟาล์วแต่กรรมการไม่เป่าให้ เลยระบายอารมณ์ด้วยการเสียบใส่ เมอร์ฟีย์ คราวนี้ตัวเองโดนใบเหลืองไปแทน หนึ่งชั่วโมงผ่านไป แมนฯ ยูไนเต็ด เดินหน้ารุกเร้าใส่เป็นลำดับ เฟล็ทเชอร์ สบโอกาสยิงเรียดลอดขา อารอน ฮิวจ์ส แต่ตรงตัว มาร์ค ชวาร์เซอร์
นาทีที่ 65 “ผีแดง” พลาดโอกาสได้ประตูอย่างเหลือเชื่อที่สุด รูนีย์ ปาดบอลให้ ปาร์ค จี ซอง ได้ยิงจ่อๆ ชวาร์เซอร์ ปัดมาเข้าทาง โรนัลโด ได้ซ้ำเหน่งๆ แต่นายทวารทีมชาติออสเตรเลียอาศัยปฏิกิริยาที่ว่องไวใช้ขาสกัดบอลทิ้งได้อีก จากนั้นเจ้าถิ่นตัวหมากใส่ โอลิวิเยร์ ดากูร์ ลงมาตัดเกมแดนกลางและก็ถอด เมอร์ฟีย์ ออกไป ด้านทีมเยือนเสี่ยงมากขึ้นปล่อย คาร์ลอส เตเบซ ลงมาช่วยแดนหน้าโดยดึง จอห์น โอเชีย แบ็กขวาออกมา เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย รอย ฮอดจ์สัน ส่ง ดิโอม็องซี กามารา มาช่วยไล่แดนหน้าแทน ซาโมรา ที่วิ่งจนหมดแรง
ท้ายเกม เดวีส์ อาศัยความเร็วลากเข้ากรอบโทษก่อนยิงแต่โดน ริโอ เฟอร์ดินานด์ เข้ามาบล็อกได้ทัน ก่อนหมดเวลา 3 นาที ฟูแลม มาได้ประตูฝังชัย 2-0 เมื่อ โซลตัน เกรา มิดฟิลด์ตัวสำรองชิ่งหนึ่งสองกับ จอห์นสัน ก่อนตัวเองเอี้ยวตัวยิงด้วยขวาส่งบอลผ่าน ฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าไป สถานการณ์ของทีมเยือนยิ่งเลวร้าย รูนีย์ มาโดนใบเหลือง-แดงจากการพยายามโยนบอลให้เพื่อนเล่นเร็ว แต่เชิ้ตดำตีความหมายว่าดาวยิงเลือดร้อนออกอาการหงุดหงิด หมดเวลาการแข่งขัน ฟูแลม คว้าชัยงดงาม เก็บเพิ่มเป็น 40 คะแนนจากการลงสนาม 30 นัด ขึ้นมาอยู่อันดับ 8 ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด นั่งจ่าฝูงมี 65 คะแนนเท่าเดิมจากการเล่น 29 นัด แต่ก็ห่างจาก เชลซี และ ลิเวอร์พูล แค่ 4 แต้มเท่านั้น
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ฟูแลม : มาร์ค ชวาร์เซอร์ , จอห์น เพนท์ซิล , อารอน ฮิวจ์ส , เบรเด ฮันเกลันด์ , พอล คอนเชสกี , คลินท์ เดมซีย์ , แดนนี เมอร์ฟีย์ , ดิกสัน เอตูฮู , ไซมอน เดวีส์ , แอนดี จอห์นสัน , บ็อบบี ซาโมรา
แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , จอห์น โอเชีย , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , จอนนี อีแวนส์ , ปาทริซ เอฟรา , ปาร์ค จี ซอง , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , พอล สโคลส์ , ไรอัน กิกส์ , คริสเตียโน โรนัลโด , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
ผลฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันเสาร์
ปอร์ทมสัธ 2-1 เอฟเวอร์ตัน
[0-1 : เลห์ตัน เบนส์ (น.4) , 1-1 : ปีเตอร์ เคราช์ (น.22) , 2-1 : ปีเตอร์ เคราช์ (น.75)]
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 1-1 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
[0-1 : มาร์ค โนเบิล (น.35) , 1-1 : คีธ แอนดรูว์ส (น.51)]
ฟูแลม 2-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
[1-0 : แดนนี เมอร์ฟีย์ (จุดโทษ น.18) , 2-0 : โซลตัน เกรา (น.87)]
สโตค ซิตี 1-0 มิดเดิลสโบรช์
[1-0 : ไรอัน ชอว์ครอสส์ (น.84)]
เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 1-1 โบลตัน วันเดอเรอร์ส
[0-1 : แม็ทธิว เทย์เลอร์ (น.67) , 1-1 : แดนนี ซิตตู (ทำเข้าประตูตัวเอง น.82)]
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 1-0 เชลซี
[1-0 : ลูกา โมดริช (น.50)]
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 1-3 อาร์เซนอล
[0-1 : นิคลาส เบนด์ทเนอร์ (น.57) , 1-1 : โอบาเฟมี มาร์ติน (น.58) , 1-2 : อาบู ดิยาบี (น.64) , 1-3 : ซาเมียร์ นาสรี (น.67)]
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ฟูแลม 2-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
รอย ฮอดจ์สัน จัดทัพใหญ่ “เจ้าสัวน้อย” ฟูแลม ในการเปิดบ้านรับมือ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากเคยปราชัยคาถิ่นยับทั้งสองนัดที่เจอกันก่อนหน้านี้ในฤดูกาล 2008/09 เกมนี้เจ้าบ้านฝากความหวังไว้กับ แดนนี เมอร์ฟีย์, คลินท์ เดมซีย์ และ แอนดี จอห์นสัน ด้าน เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มีการปรับหมากให้ทีมเยือนใส่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ยืนเป็นหน้าเป้าโดยมี คริสเตียโน โรนัลโด และ ปาร์ค จี ซอง สนับสนุนเกมรุก แผงหลังให้ จอนนี อีแวนส์ ปักหลักคู่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ เนื่องจาก เนมันยา วิดิช ตัวแกร่งติดโทษแบน 2 นัด ตรงกลางมีทั้ง ไรอัน กิกส์ กับ พอล สโคลส์ ช่วยคุมเกม
เริ่มเกมการแข่งขัน ฟูแลม ทำใจดีสู้เสือเป็นฝ่ายเดินเกมบุกใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด ทันที คลินท์ เดมซีย์ ตัดเข้ากรอบโทษด้านขวาก่อนตะบันทันทีบอลหักไม่เข้าหลุดออกหลังไป นาทีที่ 5 ทีมเยือนได้โอกาสแรก ปาทริซ เอฟรา เติมขึ้นมาเปิดบอลไปในกรอบโทษ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ โหนโหม่งจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับ มาร์ค ชวาร์เซอร์ เกมดำเนินถึงนาที่ 18 “เจ้าสัวน้อย” มาได้ลูกที่จุดโทษเมื่อ พอล สโคลส์ เผลอใช้มือปัดลูกโหม่งจ่อๆ ของ บ็อบบี ซาโมรา ทำให้ผู้ตัดสิน ฟิล ดาวด์ ไม่ลังเลเป่าให้จุดโทษทันทีพร้อมกับชักใบแดงไล่มิดฟิลด์ตัวเก๋าทีมเยือนออกไป แดนนี เมอร์ฟีย์ กัปตันเจ้าบ้านรับหน้าที่เพชฌฆาตสังหารไม่เหลือส่ง “เจ้าสัวน้อย” ออกนำ 1-0
มีผู้เล่นมากกว่า ฟูแลม ได้ใจเดินหน้าบุกใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นชุดๆ ซาโมรา หลอกทาง จอนนี อีแวนส์ ก่อนอัดเต็มข้อ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เซฟออกมาเข้าทาง แอนดี จอห์นสัน แต่กองหน้าหัวเหม่งช้าเกินไปจึงโดนแผงรับผู้มาเยือนช่วยกันเคลียร์ทิ้ง นาทีที่ 23 เจ้าถิ่นสบโอกาสอีกจากการยิงด้วยซ้ายติดไซด์โป้งของ ซาโมรา ร้อนถึง ฟาน เดอร์ ซาร์ ต้องปัดก่อนปรี่เข้าตะปบบอลอีกครั้ง ผ่านครึ่งชั่วโมงเกมเป็นไปในลักษณะวันเวย์ ไซมอน เดวีส์ ลากตัดจากซ้ายเข้าในก่อนยิงเรียดด้วยซ้าบอลพุ่งเฉียดเสาแบบได้ลุ้น ปลายครึ่งแรก “ผีแดง” ออกอาการเหม่อจนเกือบเป็นเรื่องดีที่จังหวะวอลเลย์ของ ซาโมรา ไม่ตรงกรอบ จบ 45 นาทีแรก “แชมป์เก่า” เสียเปรียบทั้งตัวผู้เล่นและสกอร์
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง ท่านเซอร์ ต้องถอด เบอร์บาตอฟ ที่บาดเจ็บข้อเท้าตั้งแต่ปลายครึ่งแรกออกมาพร้อมกับใส่ เวย์น รูนีย์ ไปล่าตาข่ายแทน และทีมเยือนก็เริ่มได้ลุ้น ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ เปิดบอลให้ โรนัลโด โถมเข้ามาโหม่งเต็มๆ แต่บอลไม่ตรงกรอบ นาทีที่ 55 “หนูโด้” ชักออกอาการหงุดหงิดโดนทำฟาล์วแต่กรรมการไม่เป่าให้ เลยระบายอารมณ์ด้วยการเสียบใส่ เมอร์ฟีย์ คราวนี้ตัวเองโดนใบเหลืองไปแทน หนึ่งชั่วโมงผ่านไป แมนฯ ยูไนเต็ด เดินหน้ารุกเร้าใส่เป็นลำดับ เฟล็ทเชอร์ สบโอกาสยิงเรียดลอดขา อารอน ฮิวจ์ส แต่ตรงตัว มาร์ค ชวาร์เซอร์
นาทีที่ 65 “ผีแดง” พลาดโอกาสได้ประตูอย่างเหลือเชื่อที่สุด รูนีย์ ปาดบอลให้ ปาร์ค จี ซอง ได้ยิงจ่อๆ ชวาร์เซอร์ ปัดมาเข้าทาง โรนัลโด ได้ซ้ำเหน่งๆ แต่นายทวารทีมชาติออสเตรเลียอาศัยปฏิกิริยาที่ว่องไวใช้ขาสกัดบอลทิ้งได้อีก จากนั้นเจ้าถิ่นตัวหมากใส่ โอลิวิเยร์ ดากูร์ ลงมาตัดเกมแดนกลางและก็ถอด เมอร์ฟีย์ ออกไป ด้านทีมเยือนเสี่ยงมากขึ้นปล่อย คาร์ลอส เตเบซ ลงมาช่วยแดนหน้าโดยดึง จอห์น โอเชีย แบ็กขวาออกมา เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย รอย ฮอดจ์สัน ส่ง ดิโอม็องซี กามารา มาช่วยไล่แดนหน้าแทน ซาโมรา ที่วิ่งจนหมดแรง
ท้ายเกม เดวีส์ อาศัยความเร็วลากเข้ากรอบโทษก่อนยิงแต่โดน ริโอ เฟอร์ดินานด์ เข้ามาบล็อกได้ทัน ก่อนหมดเวลา 3 นาที ฟูแลม มาได้ประตูฝังชัย 2-0 เมื่อ โซลตัน เกรา มิดฟิลด์ตัวสำรองชิ่งหนึ่งสองกับ จอห์นสัน ก่อนตัวเองเอี้ยวตัวยิงด้วยขวาส่งบอลผ่าน ฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าไป สถานการณ์ของทีมเยือนยิ่งเลวร้าย รูนีย์ มาโดนใบเหลือง-แดงจากการพยายามโยนบอลให้เพื่อนเล่นเร็ว แต่เชิ้ตดำตีความหมายว่าดาวยิงเลือดร้อนออกอาการหงุดหงิด หมดเวลาการแข่งขัน ฟูแลม คว้าชัยงดงาม เก็บเพิ่มเป็น 40 คะแนนจากการลงสนาม 30 นัด ขึ้นมาอยู่อันดับ 8 ส่วน แมนฯ ยูไนเต็ด นั่งจ่าฝูงมี 65 คะแนนเท่าเดิมจากการเล่น 29 นัด แต่ก็ห่างจาก เชลซี และ ลิเวอร์พูล แค่ 4 แต้มเท่านั้น
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ฟูแลม : มาร์ค ชวาร์เซอร์ , จอห์น เพนท์ซิล , อารอน ฮิวจ์ส , เบรเด ฮันเกลันด์ , พอล คอนเชสกี , คลินท์ เดมซีย์ , แดนนี เมอร์ฟีย์ , ดิกสัน เอตูฮู , ไซมอน เดวีส์ , แอนดี จอห์นสัน , บ็อบบี ซาโมรา
แมนฯ ยูไนเต็ด : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , จอห์น โอเชีย , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , จอนนี อีแวนส์ , ปาทริซ เอฟรา , ปาร์ค จี ซอง , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , พอล สโคลส์ , ไรอัน กิกส์ , คริสเตียโน โรนัลโด , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
ผลฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันเสาร์
ปอร์ทมสัธ 2-1 เอฟเวอร์ตัน
[0-1 : เลห์ตัน เบนส์ (น.4) , 1-1 : ปีเตอร์ เคราช์ (น.22) , 2-1 : ปีเตอร์ เคราช์ (น.75)]
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 1-1 เวสต์แฮม ยูไนเต็ด
[0-1 : มาร์ค โนเบิล (น.35) , 1-1 : คีธ แอนดรูว์ส (น.51)]
ฟูแลม 2-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
[1-0 : แดนนี เมอร์ฟีย์ (จุดโทษ น.18) , 2-0 : โซลตัน เกรา (น.87)]
สโตค ซิตี 1-0 มิดเดิลสโบรช์
[1-0 : ไรอัน ชอว์ครอสส์ (น.84)]
เวสต์บรอมวิช อัลเบียน 1-1 โบลตัน วันเดอเรอร์ส
[0-1 : แม็ทธิว เทย์เลอร์ (น.67) , 1-1 : แดนนี ซิตตู (ทำเข้าประตูตัวเอง น.82)]
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 1-0 เชลซี
[1-0 : ลูกา โมดริช (น.50)]
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 1-3 อาร์เซนอล
[0-1 : นิคลาส เบนด์ทเนอร์ (น.57) , 1-1 : โอบาเฟมี มาร์ติน (น.58) , 1-2 : อาบู ดิยาบี (น.64) , 1-3 : ซาเมียร์ นาสรี (น.67)]