"เจ้าแม็ก" ขวัญชัย แท่นนิล โปรดาวรุ่งวัย 23 ปีจากหัวหิน รับเสียดายเสีย 2 โบกีใน 3 หลุมสุดท้ายเนื่องจากพัตต์ไม่ดี สกอร์เหลือ 5 อันเดอร์พาร์หล่นจากตำแหน่งผู้นำลงมารั้งอันดับ 6 ร่วม
ผ่านพ้นการแข่งขันวันแรกไปแล้วสำหรับศึก เอเชียน ทัวร์ รายการ "สิงห์ ไทยแลนด์ โอเพน ครั้งที่ 40" ชิงถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่สนามลากูนา ภูเก็ต กอล์ฟ คลับ จังหวัดภูเก็ต ชิงเงินรางวัล 5 แสนเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 17.5 ล้านบาท
ผลปรากฎว่าโปรไทยที่ทำผลงานดีที่สุดคือ "โปรโจ๊ก" ชัพชัย นิราช นักกอล์ฟจากจังหวัดพิษณุโลก ที่เก็บได้ 6 อันเดอร์พาร์ รั้งอยู่อันดับ 3 ร่วมตามหลังผู้นำแค่สโตรกเดียว ขณะที่ ขวัญชัย แท่นนิล ที่ออกหลุม 10 ตีดีมาโดยตลอดเก็บเบอร์ดีได้อย่างเป็นกอบเป็นกำที่หลุม 12, 16, 17, 18 และ 3 รวมถึงมีอีเกิลที่หลุม 1 พาร์ 4 ด้วย จนทำให้ขึ้นเป็นผู้นำร่วมที่ 7 อันเดอร์พาร์ แต่ดันหลุดฟอร์มในช่วงท้ายเสีย 2 โบกีที่หลุม 7 กับ 9 ทำให้สกอร์หล่นลงมาเหลือ 5 อันเดอร์พาร์ รั้งแค่อันดับ 6 ร่วมหลังจบรอบแรก
โดยภายหลังการแข่งขัน "เจ้าแม็ก" ที่เป็นหลานชายของ ประหยัด มากแสง ก้านเหล็กเบอร์ 1 ของไทย เล่าถึงสถานการณ์ในช่วงท้ายเกมให้ฟังว่า "รู้ว่าตัวเองขึ้นนำร่วมอยู่ แต่ที่ตีเสียไม่เกี่ยวกับความกดดัน เพราะไม่ได้คาดหวังมากอยู่แล้วกับการเล่นรายการนี้ ขอเพียงแค่ผ่านการตัดตัวก็พอ ผมพัตต์ไม่ดีเองในช่วง 6 หลุมหลัง ทั้งที่พัตต์มาดีๆ ในช่วง 12 หลุมแรก โดยเฉพาะระยะ 1-2 คันธง ก็รู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกันที่ไม่สามารถรักษาสกอร์ไว้ได้"
"ความจริงตอนแรกไม่คิดว่าตัวเองจะตีได้ดีในสนามที่ยากเช่นนี้ ทั้งรัฟที่หนาและแฟร์เวย์ก็แคบ อีกทั้งผมยังเป็นคนไดร์ฟไม่ไกลมากด้วยระยะเฉลี่ยแค่ราวๆ 270 หลาเท่านั้นเอง แต่พอเล่นได้อย่างนี้ ก็หวังมากกว่าผ่านการตัดตัวแล้ว เพื่อจบฤดูกาลให้อยู่ในท็อป 65 บนตางรางทำเงิน" โปรแม็ก ที่เคยเล่นอยู่ใน โคเรียน ทัวร์ ระหว่างปี 2006-2007 กล่าว
ด้าน ดิกวีเจย์ ซิงห์ จากอินเดีย ผู้นำร่วมหลังจบรอบแรก กล่าวว่า"ผมโชคดีที่ได้อีเกิลที่หลุมแรกและหลุดสุดท้าย ก่อนมาเสียลูกพัตต์ในช่วง 9 หลุมหลัง รวมถึงไดร์ฟไม่ดีด้วย แต่ผมก็ไม่ได้ตั้งความหวังกับการเล่นในสัปดาห์นี้ไว้มากอยู่แล้ว เนื่องจากคิดว่ามาพักผ่อนมากกว่า รอดูกันต่อไปว่าอะไรจะเกิดขึ้น"
ส่วนผู้ร่วมอีกคนอย่าง มิทเชลล์ บราวน์ ก้านเหล็กจากแดนจิงโจ้ ที่ลงเล่นปีนี้ไปแล้ว 4 รายการ แต่กลับไม่ผ่านตัดตัวถึง 2 รายการและถูกจับดิสควอลิฟายด์อีกหนึ่งรายการ บอกว่า "สัปดาห์ที่แล้วที่อินโดฯ ผมป่วย ย้อนหลังไปอีกสัปดาห์ผมถูกจับดิสควอลิฟายด์ อีกทั้งก่อนหน้านั้นก็ปวดกล้ามเนื้อที่คอ ถือเป็นช่วงเวลาที่แย่จริงๆ คงดีหากได้หยุดพักเสียบ้าง ส่วนสนามนี้ผมคิดว่าขึ้นอยู่กับการไดร์ฟ หากไดร์ฟอยู่ในแฟร์เวย์ก็มีโอกาสเก็บเบอร์ดีได้"
ผ่านพ้นการแข่งขันวันแรกไปแล้วสำหรับศึก เอเชียน ทัวร์ รายการ "สิงห์ ไทยแลนด์ โอเพน ครั้งที่ 40" ชิงถ้วยพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่สนามลากูนา ภูเก็ต กอล์ฟ คลับ จังหวัดภูเก็ต ชิงเงินรางวัล 5 แสนเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 17.5 ล้านบาท
ผลปรากฎว่าโปรไทยที่ทำผลงานดีที่สุดคือ "โปรโจ๊ก" ชัพชัย นิราช นักกอล์ฟจากจังหวัดพิษณุโลก ที่เก็บได้ 6 อันเดอร์พาร์ รั้งอยู่อันดับ 3 ร่วมตามหลังผู้นำแค่สโตรกเดียว ขณะที่ ขวัญชัย แท่นนิล ที่ออกหลุม 10 ตีดีมาโดยตลอดเก็บเบอร์ดีได้อย่างเป็นกอบเป็นกำที่หลุม 12, 16, 17, 18 และ 3 รวมถึงมีอีเกิลที่หลุม 1 พาร์ 4 ด้วย จนทำให้ขึ้นเป็นผู้นำร่วมที่ 7 อันเดอร์พาร์ แต่ดันหลุดฟอร์มในช่วงท้ายเสีย 2 โบกีที่หลุม 7 กับ 9 ทำให้สกอร์หล่นลงมาเหลือ 5 อันเดอร์พาร์ รั้งแค่อันดับ 6 ร่วมหลังจบรอบแรก
โดยภายหลังการแข่งขัน "เจ้าแม็ก" ที่เป็นหลานชายของ ประหยัด มากแสง ก้านเหล็กเบอร์ 1 ของไทย เล่าถึงสถานการณ์ในช่วงท้ายเกมให้ฟังว่า "รู้ว่าตัวเองขึ้นนำร่วมอยู่ แต่ที่ตีเสียไม่เกี่ยวกับความกดดัน เพราะไม่ได้คาดหวังมากอยู่แล้วกับการเล่นรายการนี้ ขอเพียงแค่ผ่านการตัดตัวก็พอ ผมพัตต์ไม่ดีเองในช่วง 6 หลุมหลัง ทั้งที่พัตต์มาดีๆ ในช่วง 12 หลุมแรก โดยเฉพาะระยะ 1-2 คันธง ก็รู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกันที่ไม่สามารถรักษาสกอร์ไว้ได้"
"ความจริงตอนแรกไม่คิดว่าตัวเองจะตีได้ดีในสนามที่ยากเช่นนี้ ทั้งรัฟที่หนาและแฟร์เวย์ก็แคบ อีกทั้งผมยังเป็นคนไดร์ฟไม่ไกลมากด้วยระยะเฉลี่ยแค่ราวๆ 270 หลาเท่านั้นเอง แต่พอเล่นได้อย่างนี้ ก็หวังมากกว่าผ่านการตัดตัวแล้ว เพื่อจบฤดูกาลให้อยู่ในท็อป 65 บนตางรางทำเงิน" โปรแม็ก ที่เคยเล่นอยู่ใน โคเรียน ทัวร์ ระหว่างปี 2006-2007 กล่าว
ด้าน ดิกวีเจย์ ซิงห์ จากอินเดีย ผู้นำร่วมหลังจบรอบแรก กล่าวว่า"ผมโชคดีที่ได้อีเกิลที่หลุมแรกและหลุดสุดท้าย ก่อนมาเสียลูกพัตต์ในช่วง 9 หลุมหลัง รวมถึงไดร์ฟไม่ดีด้วย แต่ผมก็ไม่ได้ตั้งความหวังกับการเล่นในสัปดาห์นี้ไว้มากอยู่แล้ว เนื่องจากคิดว่ามาพักผ่อนมากกว่า รอดูกันต่อไปว่าอะไรจะเกิดขึ้น"
ส่วนผู้ร่วมอีกคนอย่าง มิทเชลล์ บราวน์ ก้านเหล็กจากแดนจิงโจ้ ที่ลงเล่นปีนี้ไปแล้ว 4 รายการ แต่กลับไม่ผ่านตัดตัวถึง 2 รายการและถูกจับดิสควอลิฟายด์อีกหนึ่งรายการ บอกว่า "สัปดาห์ที่แล้วที่อินโดฯ ผมป่วย ย้อนหลังไปอีกสัปดาห์ผมถูกจับดิสควอลิฟายด์ อีกทั้งก่อนหน้านั้นก็ปวดกล้ามเนื้อที่คอ ถือเป็นช่วงเวลาที่แย่จริงๆ คงดีหากได้หยุดพักเสียบ้าง ส่วนสนามนี้ผมคิดว่าขึ้นอยู่กับการไดร์ฟ หากไดร์ฟอยู่ในแฟร์เวย์ก็มีโอกาสเก็บเบอร์ดีได้"