ลอเรนา โอชัว ยอดโปรสาวชาวเม็กซิกัน พิสูจน์ศักศรีดิ์ความเป็นก้านเหล็กสตรีหมายเลขหนึ่งของโลกให้แฟนกอล์ฟชาวไทยได้เห็นกับตา เมื่อเร่งเครื่องทำ 6 อันเดอร์พาร์ในรอบสุดท้าย ผงาดซิวแชมป์ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2009 ไปครองอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมรับเงินรางวัลไป 2.1 แสนเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 7.3 ล้านบาท โดยถือเป็นโทรฟีแชมป์ แอลพีจีเอ ใบที่ 25 แล้ว
การแข่งขันกอล์ฟ แอลพีจีเอ ทัวร์ รายการ "ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ 2009" ที่สนามสยาม คันทรี คลับ พัทยา แพลนเทชัน จังหวัดชลบุรี ระยะ 6,477 พาร์ 72 ชิงเงินรางวัล 1.45 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งคัดเอาเฉพาะโปรสาว 50 อันดับแรกของโลก และนักกอล์ฟรับเชิญอีก 10 คน ลงดวลวงสวิงกันแบบสโตรกเพลย์ 4 รอบ โดยไม่มีการตัดตัว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมาเป็นการแข่งขันรอบสุดท้าย
โดยบรรยากาศภายในสนามคึกคักเป็นอย่างยิ่ง เมื่อมีแฟนกอล์ฟทั้งชาวไทยและต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาชมร่วม 1 หมื่นคน ท่ามกลางอากาศเย็นสบาย เนื่องจากแสงแดดไม่ร้อนมาก โดยก๊วนที่ผู้ชมให้ความสนใจมากที่สุดก็คือกลุ่มผู้นำที่สถานการณ์ก่อนลงสนาม "พิงแพนเตอร์" พอลลา เครเมอร์ โปรสาวสวยชาวอเมริกันมือ 3 ของโลก นำ ลอเรนา โอชัว สวิงเบอร์ 1 ของโลกจากเม็กซิโก อยู่ 3 สโตรก
แต่ทันทีที่เริ่มการแข่งขัน โอชัว ที่เพิ่งลงเล่นเป็นเป็นรายการแรกของปี 2009 ออกสตาร์ทอย่างร้อนแรงด้วยการทำ 4 เบอร์ดีที่หลุม 2, 5, 6 และ 8 ขณะที่ เครเมอร์ เสีย 2 โบกีติดต่อกันที่หลุม 2 กับ 3 ส่งผลให้จบ 9 หลุมแรก โอชัว ขึ้นไปมีสกอร์รวม 12 อันเดอร์พาร์ พลิกกลับมานำ เครเมอร์ 3 สโตรก
สถานการณ์ของ เครเมอร์ ยังไม่ดีขึ้นเมื่อทำได้แค่ 2 เบอร์ดี เสีย 1 โบกี ในช่วง 9 หลุมหลัง ขณะที่ โอชัว เล่นประคองทำอีก 3 เบอร์ดี เสียไป 1 โบกี จบ 18 หลุม โอชัว เก็บเพิ่ม 6 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวมขึ้นไปมี 14 อันเดอร์พาร์ คว้าแชมป์ แอลพีจีเอ ทัวร์ รายการที่ 25 ให้กับตัวเอง พร้อมรับเงินรางวัลไป 2.1 แสนเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 7.3 ล้านบาท ปล่อยให้ ปาร์ค ฮี ยัง จากเกาหลี ที่มาแรงในวันสุดท้าย ทำ 7 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวม 11 อันเดอร์พาร์ ได้รองแชมป์ รับเงินไป 1.3 แสนเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 4.8 ล้านบาท ส่วน เครเมอร์ ตกม้าตาย ตีเกิน 1 โอเวอร์พาร์ สกอร์รวมเหลือ 10 อันเดอร์พาร์ ได้แค่อันดับ 3 รับเงินไป 1 แสนเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 3.5 ล้านบาท
ส่วนอีกหนึ่งไฮไลท์ของวันนี้อยู่ที่ฟอร์มการเล่นของ สเตซี พราหมณสุทธิ์ โปรสาวลูกครึ่งไทย-อเมริกัน ที่ไล่หวดรวดเดียว 9 เบอร์ดีไล่ตั้งแต่หลุม 1, 2, 4, 6, 8, 14, 15, 16 และ 18 โดยไม่เสียโบกีเลย เก็บเพิ่ม 9 อันเดอร์พาร์ เป็นสถิติสนาม สกอร์รวมขึ้นไปมี 7 อันเดอร์พาร์ ได้อันดับ 4 ร่วมกับ บริททานย์ แลง จากสหรัฐฯ แบ่งเงินไปคนละ 7 หมื่นเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 2.4 ล้านบาท
ด้านผลงานของโปรชื่อดังรายอื่น แองเจลา สแตนฟอร์ด จากสหรัฐฯ เจ้าของแชมป์ เอสบีเอส โอเพน เมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว ทำ 1 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวม 5 อันเดอร์พาร์ ได้อันดับ 7 ร่วมกับ เจิง หยาหนี มือ 2 ของโลกจากไต้หวัน เจ้าของตำแหน่งรุคกียอดเยี่ยม แอลพีจีเอ เมื่อปี 2008 ทำ 4 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวม 5 อันเดอร์พาร์, ชิน จีไย ดาวรุ่งวัย 20 ปีจากไต้หวันมือ 5 ของโลก ทำ 2 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวม 3 อันเดอร์พาร์ ได้อันดับ 13 ร่วม, นาตาลี กูลบิส สวิงสาวเซกซีชาวอเมริกัน ตีเกิน 1 โอเวอร์พาร์ สกอร์รวม 1 โอเวอร์พาร์ ได้อันดับ 26, มาเรีย เวอร์เชโนวา สาวสวยจากรัสเซีย ที่ถูกยกให้เป็น มาเรีย ชาราโปวา แห่งวงการกอล์ฟหญิง ทำ 2 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวมยังเกิน 4 โอเวอร์พาร์ ได้อันดับ 37 ร่วม และ "แชมป์เก่า" ซูซานน์ เพตเตอร์สัน มือ 4 ของโลกจากนอร์เวย์ ตีอีเวนพาร์ สกอร์รวมเกิน 6 โอเวอร์พาร์ ได้อันดับ 42 ร่วม
ด้านผลงานของนักกอล์ฟไทย 3 รายที่ลงเล่นรายนี้ด้วย “น้องโม” โมรียา จุฑานุกาล นักกอล์ฟสมัครเล่นวัย 14 ปี ทำผลงานดีที่สุด วันสุดท้ายตีเกิน 1 โอเวอร์พาร์ สกอร์รวมเกิน 2 โอเวอร์พาร์ ได้อันดับ 28 ร่วม ส่วน "โปรฝน” รัศมี กัลยานมิตตา สวิงมือ 133 ของโลก ตีเกินอีก 4 โอเวอร์พาร์ สกอร์รวมเกิน 14 โอเวอร์พาร์ ได้อันดับ 55 รับเงินไป 4 พันเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1.4 แสนบาท ขณะที่ “น้องจูเนียร์” ธิฎาภา สุวัณณะปุระ นักกอล์ฟสมัครเล่นวัย 16 ปี ตีเกิน 3 โอเวอร์พาร์ สกอร์รวม 17 โอเวอร์พาร์ ได้อันดับรองสุดท้ายที่ 59
