xs
xsm
sm
md
lg

"มาร์ติน โอนีลล์" ยอดกุนซือคืนบัลลังก์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มาร์ติน โอนีลล์
มาร์ติน โอนีลล์ ยื่นใบลาต่อวงการลูกหนังเมื่อปี 2005 เนื่องจากต้องการให้เวลากับภรรยาที่ป่วย หลังสร้างชื่อพาทีมเล็กๆ อย่าง เลสเตอร์ ซิตี คว้าแชมป์ลีกคัพ ถึง 2 สมัยในปี 1997 และ 2000 ต่อด้วยนำ กลาสโกว์ เซลติก มหาอำนาจแห่งลีกสกอตแลนด์ คว้าแชมป์ลีกมาครอง 3 สมัย รวมถึงเข้าชิง ยูฟา คัพ ในปี 2002-03 ซึ่งก็เป็น แอสตัน วิลลา ที่อยู่ในช่วงตกต่ำไล่ตั้งแต่ยุค จอห์น เกรกอรี, เกรแฮม เทย์เลอร์ และ เดวิด โอเลียรี โน้มแน้วใจให้กุนซือชาวไอริชกลับมาคุมทีมได้สำเร็จในช่วงฤดูร้อนของปี 2006

2 ปีที่ผ่านมาแทบไม่มีใครคาดหวังกับผลงานของ โอนีลล์ เพราะร้างมือไปนานถึง 14 เดือน ฤดูกาลแรกพา วิลลา จบที่ 11 แม้จะเป็นอันดับที่ไม่น่าพอใจ แต่ก็ถือว่าดีกว่า 8 ปีก่อนหน้านี้ ถัดมาเมื่อปีที่แล้วยอดทีมจากแถบมิดแลนด์ วืดคว้าที่ 5 อันหมายถึงโควตาลุย ยูฟา คัพ ในวันสุดท้ายได้เพียงแค่ที่ 6 แม้จะเก็บได้ถึง 60 แต้มมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1996-97 แต่ถึงกระนั้นก็ตามยังไปลุย อินเตอร์โตโต คัพ จนคว้าสิทธิได้สำเร็จ ซึ่งเวลานี้ผลงานก็ยอดเยี่ยมผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ 32 ทีมสุดท้ายแล้ว โดยจะพบกับ ซีเอสเคเอ มอสโก

ทันทีที่ตบเท้าสู่ถิ่น วิลลา ปาร์ค งานแรกของ โอนีลล์ คือจัดการถ่ายเลือดนักเตะในยุคของ โอเลียรี ที่จบด้วยอันดับ 16 ถูกขายทิ้งรวมปล่อยฟรีทั้งหมด 19 คน ได้เงินมาแค่ 12,150,000 ปอนด์ (ประมาณ 607 ล้านบาท) เท่านั้น พวกที่ถูกมองว่าพอจะมีอนาคตก็ไม่เหลือทั้ง สตีเวน เดวีส์ 4 ล้านปอนด์ (ประมาณ 200 ล้านบาท), เลียม ริดจ์เวลล์ 2 ล้านปอนด์ (ประมาณ 100 ล้านบาท), แกรี เคฮิลล์ 5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 250 ล้านบาท) และ ลุค มัวร์ 2.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 125 ล้านบาท)

จากนั้นตามด้วยการเสริมเกมรับให้เหนียวแน่น จนแฟน วิลลา สงสัยว่าจะซื้อกองหลังทำไมเยอะหนักหนา ไม่ว่าจะเป็น แซต ไนท์, เคอร์ติส เดวีส์, นิคกี ชอเรย์, ลุค ยัง และ คาร์ลอส กูเอยาร์ โดยเฉพาะ 3 รายสุดท้ายซื้อมาเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว รวมกับที่เหลืออยู่อีกคือ มาร์ติน เลาร์เซน และ วิลเฟรด บูมา ซึ่งก็สามารถตอบข้อคลางแคลงใจทั้งหลายทั้งปวงอย่างชัดเจนในปีนี้ที่เสียประตูน้อยลงเฉลี่ยแค่เกมละลูกเท่านั้น ลบฉายาเดิมๆ คือ "ทีมจอมเสมอ" ยิงได้เท่าไหร่ก็เสียคืนเท่านั้น จนหมดสิ้น

ตามด้วยการหาเพลย์เมกเกอร์ที่จะมาปั้นเกมและสร้างมิติในแนวรุก ซึ่งก็คือ แอชลีย์ ยัง ปีกหุ่นสะโอดสะองจาก วัตฟอร์ด ซึ่งได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่น้อยกับค่าตัวที่แพงถึง 9.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 475 ล้านบาท) แต่ โอนีลล์ ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงสายตาอันแหลมคมเมื่อปั้นจนติดทีมชาติอังกฤษ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมถึง สติลิยัน เปตรอฟ กองกลางบัลแกเรียน เด็กเก่าที่หอบหิ้วมาจาก กลาสโกว์ เซลติก อีก 6.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 325 ล้านบาท) ที่เล่นได้ครบเครื่องทั้งรุกและรับ

อย่างไรก็ตาม โอนีลล์ ก็ใช้เงินไปไม่น้อยเหมือนกันถึง 82.7 ล้านปอนด์ (ประมาณ 4,135 ล้านบาท) แลกกับผู้เล่น 23 คน ที่แพงที่สุดก็คือ เดวีส์ กองหลังจาก เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน 10 ล้านปอนด์ (ประมาณ 500 ล้านบาท) เท่ากับ เจมส์ มิลเนอร์ ปีกจาก นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ที่ย้ายมาเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา รวมถึง กูเอยาร์ กองหลังจาก กลาสโกว์ เรนเจอร์ 7.8 ล้านปอนด์ (ประมาณ 390 ล้านบาท) และ ไนเจล รีโอ โคเกอร์ กองกลางจาก เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด 7.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 375 ล้านบาท)

วิลลา ยังน่าจะเป็นสโมสรเดียวใน พรีเมียร์ชิป ที่จัดนักเตะผู้ดีลงสนาม 11 คนได้อย่างไม่ขัดเขิน เพราะ โอนีลล์ ให้โอกาสผู้เล่นท้องถิ่นอย่าง กาเบรียล อักบอนลาฮอร์, เคร็ก การ์ดเนอร์ และ นาธาน เดลฟูเนโซ รวมถึงเน้นซื้อแข้งอังกฤษอย่าง สตีฟ ซิดเวลล์ ล่าสุดก็ เอมิล เฮสกีย์ ที่เคยสร้างชื่อด้วยกันตอนอยู่ เลสเตอร์ ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มทางเลือกในแนวรุก เพราะก่อนหน้านี้ วิลลา เน้นเกมสไตล์รอจังหวะสวนกลับ เนื่องจากมีนักเตะที่มีความเร็ว แต่จากนี้สามารถเปิดเกมยาวให้เป็นตัวพักบอล รวมถึงโจมตีได้ทั้งภาคพื้นดินและกลางอากาศ

โอนีลล์ ที่ได้รับการยกย่องว่าเหมาะจะเป็นทายาท เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึงเคยเป็นตัวเต็งคุมทีมชาติอังกฤษ ยังโชคดีไม่น้อยกับการที่มีเจ้าของทีมอย่าง แรนดี เลอร์เนอร์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐฯ ที่เปิดโอกาสให้ทำทีมเต็มที่ไม่เคยเข้ามายุ่มย่าม โดยเก็บตัวเงียบจะโผล่มาก็แค่ตอนเข้ามาเชียร์ที่ วิลลา ปาร์ค เท่านั้น ไม่เหมือน เชลซี ที่มีเจ้าของเงินใจร้อนอย่าง โรมัน อบราโมวิช รวมถึง ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ที่มีผู้อำนวยการด้านกีฬา เข้ามาสอดแทรกในการซื้อนักเตะที่ไม่ต้องการ

เป็นระยะเวลาเกือบ 13 ปีแล้วที่ วิลลา 1 ใน 4 สโมสรของอังกฤษ ที่เคยหยิบแชมป์ ยูโรเปียน คัพ ห่างหายจากความสำเร็จ นับตั้งแต่คว้าแชมป์ลีกคัพเมื่อปี 1996 แต่ฤดูกาลนี้ชายที่ชื่อ มาร์ติน โอนีลล์ กำลังจะทำให้สาวก "สิงห์ผงาด" กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ด้วยการขยับเข้าใกล้โควตา ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก ในปีหน้า เมื่อเวลานี้รั้งที่ 3 ในเวที พรีเมียร์ชิป ด้วยการทิ้งทีมอันดับ 5 อย่าง อาร์เซนอล ห่างออกไปเป็น 7 คะแนนแล้ว ที่แม้จะไม่ใช่การซิวถ้วยรางวัลใดๆ แต่รับรองว่ามีคุณค่ายิ่งใหญ่ไม่แพ้กันแน่นอน
แรนดี เลอร์เนอร์
อักบอนลาฮอร์ และ ยัง 2 แข้งอังกฤษ
เฮสกีย์ จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายสู่แชมเปียนส์ลีก?
กำลังโหลดความคิดเห็น