คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
เรียบร้อยโรงเรียน NFL เป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการแข่งขัน อเมริกัน ฟุตบอล ประจำฤดูกาล 2008/09 หลังเสร็จศึกโพรโบว์ลที่สายเอ็นเอฟซี (NFC) ย้ำชัยเหนือฝั่งเอเอฟซี (AFC) 30-21 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แลร์รี ฟิตซ์เจอรัลด์ รับ 2 ทัชดาวน์ คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ประจำเกมนี้ไปครอง แต่ถ้าเลือกได้ปีกนอก อริโซนา คาร์ดินัลส์ คงอยากได้ “วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี” มานอนกอดมากกว่า
แม้ซีซั่นปิดฉากลงแล้วแต่ประเด็นศึกซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 43 ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เมื่อ เบน โรธลิสเบอร์เกอร์ ควอเตอร์แบ็ก “คนเหล็ก” พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ยอมรับกับสื่อมะกันเพิ่งทราบว่าตัวเองซี่โครงหักถึง 2 ซี่ เดชะบุญที่ทีมรับ “นกหัวแดง” ปราณีไม่อัดหนักเข้าใส่ มิฉะนั้นกระดูกของ “บิ๊กเบน” อาจแหลกละเอียดคา เรย์มอนด์ เจมส์ สเตเดียม ในเมืองแทมปา รัฐฟลอริดา
พูดถึง โรธลิสเบอร์เกอร์ ก็นึกไปถึงบทความของ นิค บาเคย์ ที่ผมได้อ่านใน NFL.com ทำให้คิดย้อนไปถึงการดราฟท์ประจำปี 2004 ปีที่ อีลาย แมนนิง หยามเหยียด ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส ขอเทรดย้ายไปอยู่กับ นิวยอร์ก ไจแอนท์ส ปีที่ คาร์ดินัลส์ ใช้สิทธิอันดับ 3 คัดเลือก ฟิตซ์เจอรัลด์ จากมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก ปีที่ วอชิงตัน เรดสกินส์ ทีมโปรดของผมดึง ชอน เทย์เลอร์ เซฟตี้ดาวรุ่งจากไมอามี ฟลอริดา เข้ามาเสริมหลัง แต่ ณ วันนี้ เทย์เลอร์ ขึ้นไปเชียร์ต้นสังกัดบนสรวงสวรรค์จากเหตุการณ์ฆาตกรรมอันน่าเศร้าเมื่อสองปีก่อน
ปีดังกล่าวมีผู้เล่นฝีมือดีหลายคนได้โอกาสเข้ามาเล่นอาชีพใน NFL ไม่ว่าจะเป็น เคลเลน วินสโลว์, รอย วิลเลียมส์, ดีแอนเจโล ฮอลล์, โจนาธาน วิลมา, วินซ์ วิลฟอล์ค หรือ สตีเวน แจ็คสัน และที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ โรธลิสเบอร์เกอร์ ควอเตอร์แบ็กที่ประกาศศักดามีแหวนแชมป์ 2 วงเป็นของตัวเอง เป็นผู้นำ สตีลเลอร์ส เถลิงแชมป์สมัยที่ 6 ในประวัติศาสตร์ด้วยวัยเพียง 26 ปี
ความอึดทรหดบวกด้วยประสบการณ์ที่โตวันโตคืนทำให้ บาเคย์ ยิ่งเสียดายที่เห็น ดีทรอยต์ ไลออนส์ ปล่อยให้ “บิ๊กเบน” หล่นมาถึงอันดับ 11 โดยคราวนั้น “สิงโตน้อย” ปักป้ายสิทธิดราฟท์อันดับ 7 ใส่ รอย วิลเลียมส์ ปีกนอกที่ไม่ได้ช่วยให้ผลงานของต้นสังกัดงอกเงย ที่สุดแล้วก็ถูกเทรดไปอยู่กับ ดัลลัส คาวบอยส์ นี่ถ้าย้อนกลับไปได้ ไลออนส์ อาจเสียดายเหมือน บาเคย์ ที่ไม่ยอมเลือก โรธลิสเบอร์เกอร์ ขึ้นมาเป็นผู้นำของเฟรนไชส์
ซึ่งเมื่อผมสืบเสาะลงไปให้ลึกอีกสักหน่อยพบว่านับตั้งแต่เข้าสู่สหัสวรรษใหม่ “เจ้าสิงโต” ใช้สิทธิอันดับแรกในมือเลือก “ปีกนอก” เข้ามาเสริมมากที่สุดถึง 4 ราย แต่จะให้ ชาร์ลส โรเจอร์ส, วิลเลียมส์, ไมค์ วิลเลียมส์ และ แคลวิน จอห์นสัน แจ้งเกิดได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาไม่มีควอเตอร์แบ็กให้เชื่อมือได้เลย โจอี แฮร์ริงตัน อดีตดราฟท์อันดับ 3 เมื่อปี 2002 เกือบพึ่งพาได้ จอน คิตนา, ดันเต คัลเพพเพอร์ ดีกรีไม่เลวร้ายแต่สุขภาพอารมณ์ประมาณ 3 วันดี 4 วันไข้ ครั้นจะหวังกับ แดน ออร์ลอฟสกี ก็ไร้ประโยชน์ จึงมิน่าแปลกใจกับ “เพอร์เฟกต์ ลูสเซอร์” ที่ ไลออนส์ ทำงามหน้าเอาไว้ 0-16 เกมเมื่อฤดูกาลก่อน
ครั้งหนึ่งหลายคนเคยชมเชย แมตต์ มิลเลน ว่าจะเข้ามาเป็นกุญแจสำคัญในการพา ไลออนส์ กลับสู่ยุครุ่งเรืองที่มี แบร์รี แซนเดอร์ เป็นตัวชูโรง แต่หากย้อนเวลากลับไปได้ วิลเลียม เคลย์ ฟอร์ด เจ้าของทีมคงอยากตะเพิด มิลเลน ออกจากตำแหน่งให้เร็วกว่านี้ ปล่อยให้บริหารจัดการทีมอย่างห่วยแตกอยู่นานสองนาน 8 ฤดูกาลผ่านไปไม่เคยมีสักครั้งที่ ไลออนส์ ชนะมากกว่าแพ้
ตอนนี้งานบริหารเปลี่ยนมาอยู่ในมือ มาร์ติน เมย์ฮิว ผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ของ ไลออนส์ ต้องทำงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ หากหวังพลิกฟื้นสถานการณ์ของทีม ระหว่างวันที่ 26-27 เมษายน ถือเป็นโอกาสดีในการพิสูจน์ฝีมือและวิสัยทัศน์คัดเลือกทรัพยากรบุคคลเข้ามาเสริม แม้ mock draft มองว่า “สิงโต” จะใช้สิทธินัมเบอร์วัน ดราฟท์ชอยซ์ กับ แอรอน เคอร์รี ไลน์แบ็กเกอร์ดาวเด่นของ เวค ฟอเรสต์
แต่ จิม ชวาร์ซ หัวหน้าโค้ชคนใหม่คงสบายใจมากกว่าหาก เมย์ฮิว ปรับกลยุทธ์มามองหาควอเตอร์แบ็กเข้ามาเป็น “ผู้นำ” ของทีมอย่างแท้จริงเสียที แมตต์ สตาฟฟอร์ด (ม.จอร์เจีย) น่าสนใจไม่น้อย หรือถ้าอยากใช้สิทธิดราฟท์ทีมแรกให้คุ้มค่าเสียหน่อยก็อาจเทรดลงล่างเพื่อดึงตัว มาร์ค ซานเชซ (ยูเอสซี) มาปลุกปั้น
หาก ไลออนส์ ลองศึกษาความผิดพลาดจากประสบการณ์กันให้ดี ประวัติศาสตร์ไม่น่าซ้ำรอยช้ำ แต่ถ้ายังไม่คิดจะ Change คงไม่มี “ไทม์ แมชชีน” ในโลกแห่งความจริงให้นั่งย้อนเวลาไปแก้ไขเรื่องในอดีตได้หรอก แม้เป็นสิ่งที่หลายคนคร่ำครวญอยู่เสมอก็ตาม
เรียบร้อยโรงเรียน NFL เป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับการแข่งขัน อเมริกัน ฟุตบอล ประจำฤดูกาล 2008/09 หลังเสร็จศึกโพรโบว์ลที่สายเอ็นเอฟซี (NFC) ย้ำชัยเหนือฝั่งเอเอฟซี (AFC) 30-21 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แลร์รี ฟิตซ์เจอรัลด์ รับ 2 ทัชดาวน์ คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ประจำเกมนี้ไปครอง แต่ถ้าเลือกได้ปีกนอก อริโซนา คาร์ดินัลส์ คงอยากได้ “วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี” มานอนกอดมากกว่า
แม้ซีซั่นปิดฉากลงแล้วแต่ประเด็นศึกซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 43 ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เมื่อ เบน โรธลิสเบอร์เกอร์ ควอเตอร์แบ็ก “คนเหล็ก” พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส ยอมรับกับสื่อมะกันเพิ่งทราบว่าตัวเองซี่โครงหักถึง 2 ซี่ เดชะบุญที่ทีมรับ “นกหัวแดง” ปราณีไม่อัดหนักเข้าใส่ มิฉะนั้นกระดูกของ “บิ๊กเบน” อาจแหลกละเอียดคา เรย์มอนด์ เจมส์ สเตเดียม ในเมืองแทมปา รัฐฟลอริดา
พูดถึง โรธลิสเบอร์เกอร์ ก็นึกไปถึงบทความของ นิค บาเคย์ ที่ผมได้อ่านใน NFL.com ทำให้คิดย้อนไปถึงการดราฟท์ประจำปี 2004 ปีที่ อีลาย แมนนิง หยามเหยียด ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส ขอเทรดย้ายไปอยู่กับ นิวยอร์ก ไจแอนท์ส ปีที่ คาร์ดินัลส์ ใช้สิทธิอันดับ 3 คัดเลือก ฟิตซ์เจอรัลด์ จากมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก ปีที่ วอชิงตัน เรดสกินส์ ทีมโปรดของผมดึง ชอน เทย์เลอร์ เซฟตี้ดาวรุ่งจากไมอามี ฟลอริดา เข้ามาเสริมหลัง แต่ ณ วันนี้ เทย์เลอร์ ขึ้นไปเชียร์ต้นสังกัดบนสรวงสวรรค์จากเหตุการณ์ฆาตกรรมอันน่าเศร้าเมื่อสองปีก่อน
ปีดังกล่าวมีผู้เล่นฝีมือดีหลายคนได้โอกาสเข้ามาเล่นอาชีพใน NFL ไม่ว่าจะเป็น เคลเลน วินสโลว์, รอย วิลเลียมส์, ดีแอนเจโล ฮอลล์, โจนาธาน วิลมา, วินซ์ วิลฟอล์ค หรือ สตีเวน แจ็คสัน และที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ โรธลิสเบอร์เกอร์ ควอเตอร์แบ็กที่ประกาศศักดามีแหวนแชมป์ 2 วงเป็นของตัวเอง เป็นผู้นำ สตีลเลอร์ส เถลิงแชมป์สมัยที่ 6 ในประวัติศาสตร์ด้วยวัยเพียง 26 ปี
ความอึดทรหดบวกด้วยประสบการณ์ที่โตวันโตคืนทำให้ บาเคย์ ยิ่งเสียดายที่เห็น ดีทรอยต์ ไลออนส์ ปล่อยให้ “บิ๊กเบน” หล่นมาถึงอันดับ 11 โดยคราวนั้น “สิงโตน้อย” ปักป้ายสิทธิดราฟท์อันดับ 7 ใส่ รอย วิลเลียมส์ ปีกนอกที่ไม่ได้ช่วยให้ผลงานของต้นสังกัดงอกเงย ที่สุดแล้วก็ถูกเทรดไปอยู่กับ ดัลลัส คาวบอยส์ นี่ถ้าย้อนกลับไปได้ ไลออนส์ อาจเสียดายเหมือน บาเคย์ ที่ไม่ยอมเลือก โรธลิสเบอร์เกอร์ ขึ้นมาเป็นผู้นำของเฟรนไชส์
ซึ่งเมื่อผมสืบเสาะลงไปให้ลึกอีกสักหน่อยพบว่านับตั้งแต่เข้าสู่สหัสวรรษใหม่ “เจ้าสิงโต” ใช้สิทธิอันดับแรกในมือเลือก “ปีกนอก” เข้ามาเสริมมากที่สุดถึง 4 ราย แต่จะให้ ชาร์ลส โรเจอร์ส, วิลเลียมส์, ไมค์ วิลเลียมส์ และ แคลวิน จอห์นสัน แจ้งเกิดได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาไม่มีควอเตอร์แบ็กให้เชื่อมือได้เลย โจอี แฮร์ริงตัน อดีตดราฟท์อันดับ 3 เมื่อปี 2002 เกือบพึ่งพาได้ จอน คิตนา, ดันเต คัลเพพเพอร์ ดีกรีไม่เลวร้ายแต่สุขภาพอารมณ์ประมาณ 3 วันดี 4 วันไข้ ครั้นจะหวังกับ แดน ออร์ลอฟสกี ก็ไร้ประโยชน์ จึงมิน่าแปลกใจกับ “เพอร์เฟกต์ ลูสเซอร์” ที่ ไลออนส์ ทำงามหน้าเอาไว้ 0-16 เกมเมื่อฤดูกาลก่อน
ครั้งหนึ่งหลายคนเคยชมเชย แมตต์ มิลเลน ว่าจะเข้ามาเป็นกุญแจสำคัญในการพา ไลออนส์ กลับสู่ยุครุ่งเรืองที่มี แบร์รี แซนเดอร์ เป็นตัวชูโรง แต่หากย้อนเวลากลับไปได้ วิลเลียม เคลย์ ฟอร์ด เจ้าของทีมคงอยากตะเพิด มิลเลน ออกจากตำแหน่งให้เร็วกว่านี้ ปล่อยให้บริหารจัดการทีมอย่างห่วยแตกอยู่นานสองนาน 8 ฤดูกาลผ่านไปไม่เคยมีสักครั้งที่ ไลออนส์ ชนะมากกว่าแพ้
ตอนนี้งานบริหารเปลี่ยนมาอยู่ในมือ มาร์ติน เมย์ฮิว ผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ของ ไลออนส์ ต้องทำงานกันตั้งแต่เนิ่นๆ หากหวังพลิกฟื้นสถานการณ์ของทีม ระหว่างวันที่ 26-27 เมษายน ถือเป็นโอกาสดีในการพิสูจน์ฝีมือและวิสัยทัศน์คัดเลือกทรัพยากรบุคคลเข้ามาเสริม แม้ mock draft มองว่า “สิงโต” จะใช้สิทธินัมเบอร์วัน ดราฟท์ชอยซ์ กับ แอรอน เคอร์รี ไลน์แบ็กเกอร์ดาวเด่นของ เวค ฟอเรสต์
แต่ จิม ชวาร์ซ หัวหน้าโค้ชคนใหม่คงสบายใจมากกว่าหาก เมย์ฮิว ปรับกลยุทธ์มามองหาควอเตอร์แบ็กเข้ามาเป็น “ผู้นำ” ของทีมอย่างแท้จริงเสียที แมตต์ สตาฟฟอร์ด (ม.จอร์เจีย) น่าสนใจไม่น้อย หรือถ้าอยากใช้สิทธิดราฟท์ทีมแรกให้คุ้มค่าเสียหน่อยก็อาจเทรดลงล่างเพื่อดึงตัว มาร์ค ซานเชซ (ยูเอสซี) มาปลุกปั้น
หาก ไลออนส์ ลองศึกษาความผิดพลาดจากประสบการณ์กันให้ดี ประวัติศาสตร์ไม่น่าซ้ำรอยช้ำ แต่ถ้ายังไม่คิดจะ Change คงไม่มี “ไทม์ แมชชีน” ในโลกแห่งความจริงให้นั่งย้อนเวลาไปแก้ไขเรื่องในอดีตได้หรอก แม้เป็นสิ่งที่หลายคนคร่ำครวญอยู่เสมอก็ตาม