ผลงานของราฟาเอล นาดาลที่ย้ำรอยช้ำให้กับแร็กเก็ตเทพอย่างโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ อีกครั้งพร้อมกับครองแชมป์ออสเตรเลี่ยน โอเพ่น เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยังคงเป็นโบว์แดงชิ้นสำคัญที่ทำให้แฟนเทนนิสทั่วโลกยอมรับว่า เด็กหนุ่มจากเมืองมาร์ยอก้า กำลังก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ราชันย์ลูกสักหลาดอย่างแท้จริง
โดยบทวิเคราะห์ที่บรรดาสื่อและนักวิเคราะห์ประจำวงการกล่าวถึงนาดาลหลังครองสแลมแห่งดาวน์อันเดอร์ ล้วนฟันธงตรงกันว่าความสำเร็จของหนุ่มสเปนเกิดจากความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ และ เทคนิกการเล่นที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเทคนิคการเล่นดังกล่าวนั้นเรียกได้ว่าเป็นรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ของนักเทนนิสจากมาร์ยอก้า ละทิ้งวัฒนธรรมเทนนิสกระเเสหลักบนฝั่งสเปนและภาคพื้นยุโรป อันเป็นที่มาที่ทำให้นาดาล ก้าวขึ้นมาเป็นนักเทนนิสมือ 1 ของโลก ในวัยเพียง 22 ปี
ย้อนรอยของ “สายพันธุ์นาดาล” จะพบว่าเด็กหนุ่มรายนี้เติบโตขึ้นมาในครอบครัวชาวมายอร์ก้าแท้ๆที่มีฐานะค่อนข้างร่ำรวยมี บิดา “เซบาสเตียน” เป็นเจ้าของบริษัทกระจกยักษ์ใหญ่ สำหรับนาดาล นั้นทำความรู้จักกับแร็กเกตเป็นครั้งแรกเมื่ออายุ 3 ขวบ มีคุณอาโทนี นาดาล ทำหน้าที่เป็นโค้ชส่วนตัวโดยยึดคติว่า "ห้ามแพ้โดยเด็ดขาด" อีกทั้งจะอนุญาตให้ นาดาล เดินทางออกจากเกาะมายอร์กาข้ามมาแข่งที่แผ่นดินใหญ่ของสเปนก็ต่อเมื่อมีทัวร์นาเมนต์ที่คิดว่าจะชนะเลิศได้แน่นอนเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังปฏิเสธเงินทุนจากสหพันธ์เทนนิสสเปนรวมทั้งโรงเรียนเทนนิสชื่อดังในสหรัฐอเมริกาเนื่องจากไม่ต้องการให้ “เอล มาทาดอร์” ใช้ชีวิตร่วมกับนักเทนนิสคนอื่นๆมากจนเกินไป
หลังจากวิวัฒนาการมาเกือบสองทศวรรษ นาดาล กลายเป็นนักหวดสายพันธุ์ใหม่ที่ทั้งทรงพลังและปรับตัวเก่งพิสูจน์ชัดจากผลงานมหัศจรรย์ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาซึ่งสิงห์อีซ้ายจากเมืองมานาคอร์กลายเป็นผู้เล่นคนแรกในรอบ 28 ปีต่อจาก บียอร์น บอร์ก ตำนานชาวสวีดิชที่ควบทั้งแชมป์เฟรนช์ โอเพ่นบนคอร์ตดินต่อแชมป์วิมเบิลดันบนพื้นหญ้าภายในปีเดียวกัน นอกจากนี้ยังได้เหรียญทองชายเดี่ยว โอลิมปิก ปักกิ่ง บนฮาร์ดคอร์ตและแม้จะได้รับบาดเจ็บในช่วงปลายปี 2008 หากแต่ยังกลับมาคว้าแชมป์ ออสเตรเลียน โอเพน ต้นปี 2009 ได้อย่างยิ่งใหญ่
คุณอา โทนี ผู้มีส่วนสำคัญในการโน้มน้าวให้ นาดาล ซึ่งแต่เดิมถนัดขวาหันมาใช้มือซ้ายและสอนให้จับกริป(Grip) ปิดหน้าไม้ให้มากที่สุด อีกทั้งยังแนะนำให้หลานชายสวิงแร็กเกตขึ้นด้านบนศีรษะเเทนที่การสวิงพาดไหล่ตามพื้นฐานเทนนิสทั่วไปเพื่อสร้าง "อัศจรรย์โฟร์แฮนด์จากคนมือซ้าย"และกลายเป็นลูกที่สร้างปัญหาให้กับคู่ต่อสู้มาแล้วหลายราย ดังกรณีของ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ผู้มีทักษะสมบูรณ์แบบกลับไม่สามารถต้านทานลูกท็อปสปินอันหนักหน่วงจนต้องแพ้ นาดาล 5 แมตช์ติดต่อกันเข้าให้แล้วนับตั้งแต่ต้นปี 2008
สำหรับมัดกล้ามใหญ่โตที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่ามีส่วนทำให้ นาดาล หวดบอลได้แรงกว่าคนอื่นๆนั้น เจ้าตัวออกมาเผยว่าเกิดจากเทคนิคการสะบัดแขนอย่างรวดเร็วที่ได้ฝึกฝนมาผสานกับความแข็งแรงที่ได้รับถ่ายทอดมาจากคนในตระกูล โดย จอห์น แยนเดล นักวิจัยเทนนิสจากซาน ฟรานซิสโก ทำการศึกษาลูกโฟร์แฮนด์ของ นาดาล พบว่ามีแรงหมุนถึง 3,200 รอบต่อนาทีเร็วกว่าโฟร์แฮนด์ของ อังเดร อากัสซี อดีตมือ 1 โลกชาวอเมริกันที่ปั่นบอลได้ 1,900 รอบต่อนาที และเร็วกว่าโฟร์แฮนด์ของ เฟเดอเรอร์ ที่สวิงบอลได้ 2,700 รอบต่อนาที สมแล้วที่ แพตทริก แม็คเอนโร กัปตันทีมเดวิส คัพ สหรัฐฯเคยกล่าวไว้ว่า "แม้จะเป็นลูกโฟร์แฮนด์ธรรมดาๆที่นาดาล ต้องการตีออกมาเพื่อป้องกันตัวก็ยังรุนเเรงกว่าโฟร์แฮนด์วินเนอร์ของนักเทนนิสคนอื่นทั่วไป"
ถึงแม้ว่านักวิจารณ์หลายรายเคยออกมาตั้งคำถามว่า "สายพันธุ์นาดาล" จะทนทานกับสไตล์การเล่นวิ่งสู้ฟัดและหวดเต็มแรงทุกลูกได้นานแค่ไหน หลังจากเจ้าตัวเริ่มประสบปัญหาบาดเจ็บรุนแรงที่หัวเข่าจนต้องพักยาวตลอดท้ายฤดูกาลที่แล้ว
ทว่าข้อสงสัยต่างๆเริ่มจางหายไปหลังเปิดฤดูกาลได้ไม่นานเมื่อ นาดาล หายเจ็บกลับมาคว้าแชมป์ แกรนด์สแลมบนฮาร์ดคอร์ตรายการแรกในชีวิตได้ที่ นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย หลังจากก่อนหน้านี้ยังไม่เคยเข้าชิงชนะเลิศด้วยซ้ำ ซึ่งนับเป็นพัฒนาการที่สุดยอดจน โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ แชมป์แกรนด์สแลม 13 สมัย ถึงกับหลั่งน้ำตายอมรับในฝีมือ เป็นไปในทิศทางเดียวกับที่ พีต แซมพราส ตำนานชาวอเมริกันออกมาทำนายว่า
"นอกจาก เฟเดอเรอร์ แล้ว นาดาล กำลังจะเป็นคนต่อไปที่จะทำลายสถิติแชมป์แกรนด์สแลมสูงสุด 14 สมัยของผมลงได้ เพราะตอนนี้เขากำลังมีฟอร์มการเล่นเข้าขั้นไร้เทียมทาน ขณะที่จิตใจก็กำลังฮึกเหิมเต็มที่หลังใช้เวลาไม่ถึง 1 ปีคว้าแกรนด์สแลมบนพื้นสนามแตกต่างกันไล่ตั้งแต่ เฟรนช์ โอเพน และ วิมเบิลดัน กลางปี 2008 มาจนถึง ออสเตรเลียน โอเพน เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา" ส่วนคำทำนายของ “สวีตพีท” จะเป็นจริงได้แค่ไหนนั้นคำตอบอยู่ที่ ราฟาเอล นาดาล เพียงผู้เดียว