"เดอะไทม์" สื่อเมืองผู้ดีรายงานว่า แอนดี เมอร์เรย์ นักเทนนิสมือ 4 โลกชาวสกอตต์ กล่าวโจมตีกฏระเบียบใหม่ในการตรวจหาสารกระตุ้นของทางสหพันธ์ เทนนิสนานาชาติ (ไอทีเอฟ) ว่าทำลายความเป็นส่วนตัวของผู้เล่น
เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาไอทีเอฟ เพิ่งประกาศรายละเอียดเกี่ยวกับกฏระเบียบใหม่อันเข้มงวดเพื่อป้องกันการโด๊ปยาในวงการเทนนิส โดยมีรูปแบบตามที่องค์กรต่อต้านการใช้สารกระตุ้นโลก (วาดา) เป็นผู้กำหนด นั้นคือนักกีฬาต้องระบุสถานที่ซึ่งพวกตนจะอยู่เป็นเวลา 1 ชั่วโมงในแต่ละวันเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเดินทางไปตรวจสอบได้ทันทีโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า หากเจ้าหน้าที่เดินทางไปแล้วไม่เจอตัวเป็นจำนวน 3 ครั้งในรอบ 18 เดือนก็จะถูกลงโทษห้ามแข่งเป็นเวลา 2 ปี
ด้าน เมอร์เรย์ ออกมากล่าววิจารณ์กฏระเบียบใหม่ข้างต้นว่า "กฏใหม่มีความเข้มงวดมากจนมันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะปฏิบัติตาม อย่างเช่นผมเองที่เพิ่งถูกตรวจเมื่อ 4 วันก่อน หลังจากเพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศออสเตรเลีย (หลังจากตกรอบที่ 4 ของศึกออสเตรเลีย โอเพน) มีเจ้าหน้าที่เดินทางมาที่บ้าน ผมตื่นขึ้นมาโดยยังไม่รู้ตัวดีเลยว่าอยู่ที่ไหนกันแน่และยังมีอาการอ่อนล้าจากการนั่งเครื่องบิน เขาต้องการให้ผมแสดงหลักฐานว่าผมเป็นใคร จากนั้นก็ยืนยันที่จะดูผมจัดเตรียมตัวอย่างที่จะนำไปตรวจสอบ แล้วยังต้องการให้ผมเขียนที่อยู่ลงอีกไปด้วยทั้งที่เขาเข้ามาในที่พักส่วนตัวและเวลาเพิ่ง 7 โมงเช้า"
สำหรับกฏการตรวจหาสารกระตุ้นแบบใหม่นี้มิใช่นำมาใช้แต่วงการเทนนิสเท่านั้นแต่ยังถูกนำไปใช้ในวงการอื่นด้วย รวมถึงฟุตบอลที่เตรียมจะนำมาใช้เร็ววันนี้จนแม้แต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอดกุนซือชาวสกอตต์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยังบ่นถึงความยุ่งยากน่าปวดหัวเช่นกัน