เดนมาร์ก ตามตีเสมอ ไทย ในนาทีสุดท้ายจนเสมอกัน 2-2 ในเวลาปกติ ก่อนที่ทัพลูกหนังโคนมจะเป็นฝ่ายยิงจุดโทษได้แม่นยำกว่า คว้าแชมป์ฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 39 ไปครอง ที่สนามสุระกุล จังหวัดภูเก็ต
ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 39 รอบชิงชนะเลิศ
ไทย 2-2 เดนมาร์ก (ดวลจุดโทษ เดนมาร์ก ชนะ 5-3)
นัดนี้ ไทย ยังคงใช้ระบบ 4-5-1 เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนผู้เล่นจากนัดเอาชนะ เลบานอน เล็กน้อย โดย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ได้โอกาสลงเฝ้าเสา ขณะที่ ซาลาฮูดิน อาแว มิดฟิลด์ดาวรุ่งออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแทน ดัสกร ทองเหลา ส่วนกองหน้าตัวเป้าส่ง รณชัย รังสิโย ล่าตาข่ายแทน ธีรศิลป์ แดงดา
เปิดฉากมานาทีที่ 9 เดนมาร์ก มีจังหวะเข้าทำครั้งแรกของเกมจากลูกเปิดทางด้านซ้ายที่โยนมาให้ ราสมุสเซน ขึ้นโหม่งแถวจุดโทษ แต่ไปตรงตัว ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็พยายามเซตเกมขึ้นไป แต่หาโอกาสเข้าทำกันแทบไม่ได้เลย โดยที่ขุนแข้งสยามต้องตัดฟาวล์บ่อยครั้ง จังหวะลุ้นแบบจะแจ้งยังคงเป็นของทัพนักเตะโคนม นาทีที่ 26 โพลเซน เลี้ยงจี้เข้าหาแนวรับไทยก่อนสับไกจากหน้าเขตโทษทันทีไปแฉลบหลัง ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ ข้ามคาน ก่อนที่แข้งเลือดสยามจะมีโอกาสแบบชัดเจนครั้งแรกในนาทีที่ 31 จากลูกเตะมุมฝั่งขวา พิชิตพงษ์ เปิดมาให้ สุเชาว์ นุชนุ่ม โหม่งสะบัดออกไปทางเสาสอง
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 35 เดนมาร์ก เป็นฝ่ายสังหารประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากลูกฟรีคิกที่วางบอลเข้าเขตโทษให้ ราสมุสเซน โหม่งชงต่อมาที่ โอลเซน แปจ่อๆ ตุงตาข่าย พอเสียประตู ไทย พยายามทวงคืนและเกือบตีเสมอได้ทันควันใน 2 นาทีต่อมาโดย สุเชาว์ ยิงไกลด้วยซ้ายส่งลูกติดไซด์ก้อยออกไปทางเสาไกลเพียงนิดเดียว นาทีที่ 42 สุรีย์ สุขะ เติมขึ้นมาทางขวาแล้วหลอกยิงทันที หลังจากเห็น คริสเตนเซน ไม่ยืนคุมเสาแรก แต่ลูกไปเข้าข้างตาข่าย ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก รณชัย ดีดลูกส้นชิ่งให้ ซาลาฮูดิน วิ่งสอดทะลุแผงหลังเดนมาร์กเข้าไปได้แล้ว แต่ลูกสะดุดหนึ่งทีทำให้เสียเวลาแต่งก่อนซัดไปติดเซฟของ คริสเตนเซน จบครึ่งแรก ไทย ตามหลัง 0-1
ครึ่งหลัง ปีเตอร์ รีด กุนซือชาวอังกฤษของไทย แก้เกมด้วยการเปลี่ยนตัวทีเดียว 3 คน โดยส่ง ดัสกร ทองเหลา, สุธี สุขสมกิจ และ ธีรศิลป์ แดงดา ลงมาแทน ซาลาฮูดิน, ณัฐพงษ์ สมณะ และ รณชัย ตามลำดับ ก่อนที่จะมีโอกาสอย่างรวดเร็วจากการยิงไกลของ พิชิตพงษ์ แต่ก็ไม่เข้ากรอบ จากนั้นทัพนักเตะไทยก็เปิดเกมรุกอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 52 ปฏิภาณ เพชรพูล ดันสูงขึ้นมาแล้วจ่ายให้ ธีรศิลป์ หาช่องซัดด้วยซ้ายหน้าเขตโทษบอลพุ่งตรงตัว คริสเตนเซน ถัดมา 3 นาที ดัสกร ลองยิงจากแถวสองโด่งข้ามคาน ตามด้วย พิชิตพงษ์ หลุดเข้าไปกระทุ้งในเขตโทษด้านซ้ายก็ยังถูก คริสเตนเซน ล้มตัวรับเข้าซองอีกในนาทีที่ 58
ไทย น่าได้ลูกตีเสมออย่างยิ่งในนาทีที่ 59 เมื่อ สุรีย์ ไหลเข้ากลางให้ สุธี วางเท้าปั่นไซด์โป้งแบบถนัดถนี่จากหน้าเขตโทษ ทว่า คริสเตนเซน บินปัดออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม จากนั้นนาทีเดียวเกิดจังหวะกังขาขึ้น โดย สุรีย์ ไปหวดผู้เล่นเดนมาร์กล้มลงในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินกลับชูใบเหลืองให้นักเตะเดนมาร์ก โดยมองว่า พุ่งล้ม กระทั่งนาทีที่ 66 ไทย ก็มาได้ลูกจุดโทษบ้าง เมื่อ ดัสกร โยนโด่งเข้าไปให้ ธีรศิลป์ ถูกกองหลังเดนมาร์กดึงเล็กน้อยจนล้มลงในกรอบ 6 หลา ซึ่ง “เจ้าเบิร์ท” สุธี รับหน้าที่สังหารไม่พลาดส่ง คริสเตนเซน พุ่งไปคนละทาง สกอร์จึงเท่ากันที่ 1-1 แล้ว
ถึงนาทีที่ 80 ไทย พลิกสถานการณ์แซงนำ 2-1 จากลูกที่ สุรีย์ สาดยาวจากแดนหลังขึ้นมา เดนมาร์ก โหม่งสกัดกลางสนามไปเข้าทาง ธีรศิลป์ ดีดต่อให้ สุธี สปีดควบบอลขึ้นหน้าก่อนกดเต็มข้อด้วยซ้ายเสียบมุมอย่างเด็ดขาด จากนั้น 3 นาที สุธี เบียดแย่งลูกจากกองหลังโคนมมาได้ก่อนที่ ดัสกร จะรับช่วงไปยิงต่อ ลูกชนเสาอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่ อานนท์ สังสระน้อย หัวหอกตัวสำรองจะได้ชิป บอลเบาเกินไปถูก คริสเตนเซน ปัดได้ปลายมือ
อย่างไรก็ตาม เดนมาร์ก มาตีเสมอเป็น 2-2 ในนาทีสุดท้ายจากการวางยาวให้พักอกต่อถึง อิลโซ ซัดในเขตโทษเสียบเสาแรก ทำให้ต้องตัดสินแชมป์ด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่ง ดัสกร เป็นคนเดียวใน 4 คนของ ไทย ที่ยิงไม่เข้า ส่วน เดนมาร์ก สังหารตุงตาข่ายทั้ง 5 คน ทำให้ทัพลูกหนังเดนส์คว้าถ้วยพระราชทานไปครองเป็นสมัยที่ 2 ด้วยสกอร์รวม 7-5
สำหรับผลคู่ชิงที่ 3 เลบานอน เป็นฝ่ายเฉือนชนะ เกาหลีเหนือ 1-0 โดยได้ประตูชัยจากการสังหารจุดโทษของ อับบาส อัตวี ในครึ่งหลัง ทำให้ เลบานอน ครองอันดับ 3 ของฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 39
รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทีมชาติไทย
ผู้รักษาประตู ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน กองหลัง สุรีย์ สุขะ, ปฏิภาณ เพชรพูล, ณัฐพร พันธ์ฤทธิ์, ณัฐพงษ์ สมณะ กองกลาง สุรัตน์ สุขะ, สุเชาว์ นุชนุ่ม, ซาลาฮูดิน อาแว, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค กองหน้า รณชัย รังสิโย
ฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 39 รอบชิงชนะเลิศ
ไทย 2-2 เดนมาร์ก (ดวลจุดโทษ เดนมาร์ก ชนะ 5-3)
นัดนี้ ไทย ยังคงใช้ระบบ 4-5-1 เหมือนเดิม แต่เปลี่ยนผู้เล่นจากนัดเอาชนะ เลบานอน เล็กน้อย โดย ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน ได้โอกาสลงเฝ้าเสา ขณะที่ ซาลาฮูดิน อาแว มิดฟิลด์ดาวรุ่งออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแทน ดัสกร ทองเหลา ส่วนกองหน้าตัวเป้าส่ง รณชัย รังสิโย ล่าตาข่ายแทน ธีรศิลป์ แดงดา
เปิดฉากมานาทีที่ 9 เดนมาร์ก มีจังหวะเข้าทำครั้งแรกของเกมจากลูกเปิดทางด้านซ้ายที่โยนมาให้ ราสมุสเซน ขึ้นโหม่งแถวจุดโทษ แต่ไปตรงตัว ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน จากนั้นต่างฝ่ายต่างก็พยายามเซตเกมขึ้นไป แต่หาโอกาสเข้าทำกันแทบไม่ได้เลย โดยที่ขุนแข้งสยามต้องตัดฟาวล์บ่อยครั้ง จังหวะลุ้นแบบจะแจ้งยังคงเป็นของทัพนักเตะโคนม นาทีที่ 26 โพลเซน เลี้ยงจี้เข้าหาแนวรับไทยก่อนสับไกจากหน้าเขตโทษทันทีไปแฉลบหลัง ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ ข้ามคาน ก่อนที่แข้งเลือดสยามจะมีโอกาสแบบชัดเจนครั้งแรกในนาทีที่ 31 จากลูกเตะมุมฝั่งขวา พิชิตพงษ์ เปิดมาให้ สุเชาว์ นุชนุ่ม โหม่งสะบัดออกไปทางเสาสอง
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 35 เดนมาร์ก เป็นฝ่ายสังหารประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากลูกฟรีคิกที่วางบอลเข้าเขตโทษให้ ราสมุสเซน โหม่งชงต่อมาที่ โอลเซน แปจ่อๆ ตุงตาข่าย พอเสียประตู ไทย พยายามทวงคืนและเกือบตีเสมอได้ทันควันใน 2 นาทีต่อมาโดย สุเชาว์ ยิงไกลด้วยซ้ายส่งลูกติดไซด์ก้อยออกไปทางเสาไกลเพียงนิดเดียว นาทีที่ 42 สุรีย์ สุขะ เติมขึ้นมาทางขวาแล้วหลอกยิงทันที หลังจากเห็น คริสเตนเซน ไม่ยืนคุมเสาแรก แต่ลูกไปเข้าข้างตาข่าย ช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรก รณชัย ดีดลูกส้นชิ่งให้ ซาลาฮูดิน วิ่งสอดทะลุแผงหลังเดนมาร์กเข้าไปได้แล้ว แต่ลูกสะดุดหนึ่งทีทำให้เสียเวลาแต่งก่อนซัดไปติดเซฟของ คริสเตนเซน จบครึ่งแรก ไทย ตามหลัง 0-1
ครึ่งหลัง ปีเตอร์ รีด กุนซือชาวอังกฤษของไทย แก้เกมด้วยการเปลี่ยนตัวทีเดียว 3 คน โดยส่ง ดัสกร ทองเหลา, สุธี สุขสมกิจ และ ธีรศิลป์ แดงดา ลงมาแทน ซาลาฮูดิน, ณัฐพงษ์ สมณะ และ รณชัย ตามลำดับ ก่อนที่จะมีโอกาสอย่างรวดเร็วจากการยิงไกลของ พิชิตพงษ์ แต่ก็ไม่เข้ากรอบ จากนั้นทัพนักเตะไทยก็เปิดเกมรุกอย่างต่อเนื่อง นาทีที่ 52 ปฏิภาณ เพชรพูล ดันสูงขึ้นมาแล้วจ่ายให้ ธีรศิลป์ หาช่องซัดด้วยซ้ายหน้าเขตโทษบอลพุ่งตรงตัว คริสเตนเซน ถัดมา 3 นาที ดัสกร ลองยิงจากแถวสองโด่งข้ามคาน ตามด้วย พิชิตพงษ์ หลุดเข้าไปกระทุ้งในเขตโทษด้านซ้ายก็ยังถูก คริสเตนเซน ล้มตัวรับเข้าซองอีกในนาทีที่ 58
ไทย น่าได้ลูกตีเสมออย่างยิ่งในนาทีที่ 59 เมื่อ สุรีย์ ไหลเข้ากลางให้ สุธี วางเท้าปั่นไซด์โป้งแบบถนัดถนี่จากหน้าเขตโทษ ทว่า คริสเตนเซน บินปัดออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม จากนั้นนาทีเดียวเกิดจังหวะกังขาขึ้น โดย สุรีย์ ไปหวดผู้เล่นเดนมาร์กล้มลงในเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินกลับชูใบเหลืองให้นักเตะเดนมาร์ก โดยมองว่า พุ่งล้ม กระทั่งนาทีที่ 66 ไทย ก็มาได้ลูกจุดโทษบ้าง เมื่อ ดัสกร โยนโด่งเข้าไปให้ ธีรศิลป์ ถูกกองหลังเดนมาร์กดึงเล็กน้อยจนล้มลงในกรอบ 6 หลา ซึ่ง “เจ้าเบิร์ท” สุธี รับหน้าที่สังหารไม่พลาดส่ง คริสเตนเซน พุ่งไปคนละทาง สกอร์จึงเท่ากันที่ 1-1 แล้ว
ถึงนาทีที่ 80 ไทย พลิกสถานการณ์แซงนำ 2-1 จากลูกที่ สุรีย์ สาดยาวจากแดนหลังขึ้นมา เดนมาร์ก โหม่งสกัดกลางสนามไปเข้าทาง ธีรศิลป์ ดีดต่อให้ สุธี สปีดควบบอลขึ้นหน้าก่อนกดเต็มข้อด้วยซ้ายเสียบมุมอย่างเด็ดขาด จากนั้น 3 นาที สุธี เบียดแย่งลูกจากกองหลังโคนมมาได้ก่อนที่ ดัสกร จะรับช่วงไปยิงต่อ ลูกชนเสาอย่างน่าเสียดาย ก่อนที่ อานนท์ สังสระน้อย หัวหอกตัวสำรองจะได้ชิป บอลเบาเกินไปถูก คริสเตนเซน ปัดได้ปลายมือ
อย่างไรก็ตาม เดนมาร์ก มาตีเสมอเป็น 2-2 ในนาทีสุดท้ายจากการวางยาวให้พักอกต่อถึง อิลโซ ซัดในเขตโทษเสียบเสาแรก ทำให้ต้องตัดสินแชมป์ด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่ง ดัสกร เป็นคนเดียวใน 4 คนของ ไทย ที่ยิงไม่เข้า ส่วน เดนมาร์ก สังหารตุงตาข่ายทั้ง 5 คน ทำให้ทัพลูกหนังเดนส์คว้าถ้วยพระราชทานไปครองเป็นสมัยที่ 2 ด้วยสกอร์รวม 7-5
สำหรับผลคู่ชิงที่ 3 เลบานอน เป็นฝ่ายเฉือนชนะ เกาหลีเหนือ 1-0 โดยได้ประตูชัยจากการสังหารจุดโทษของ อับบาส อัตวี ในครึ่งหลัง ทำให้ เลบานอน ครองอันดับ 3 ของฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 39
รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทีมชาติไทย
ผู้รักษาประตู ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน กองหลัง สุรีย์ สุขะ, ปฏิภาณ เพชรพูล, ณัฐพร พันธ์ฤทธิ์, ณัฐพงษ์ สมณะ กองกลาง สุรัตน์ สุขะ, สุเชาว์ นุชนุ่ม, ซาลาฮูดิน อาแว, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค กองหน้า รณชัย รังสิโย