กอล์ฟ เอเชี่ยน ทัวร์ ฤดูกาล 2009 ใกล้เปิดฉากขึ้นแล้ว โดยในปีนี้มีทัวร์นาเมนต์แข่งขันทั้งสิ้น 28 รายการ พร้อมเงินรางวัลรวมกว่า 36 ล้านเหรียญสหรัฐ ขณะที่ประเทศไทยเตรียมรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพถึง 4 รายการ เรียกได้ว่าเป็นจำนวนทัวร์นาเม้นท์เทียบเท่า 2 ชาติยักษ์ใหญ่อย่าง จีน กับ เกาหลีใต้ ช่วยตอกย้ำศักยภาพของเมืองไทยในเรื่องของการจัดการแข่งขัน ตลอดจนพัฒนาการของวงการกอล์ฟบ้านเราได้เป็นอย่างดี
นับตั้งแต่ คีย์ ลา ฮาน โปรเชื้อสายพม่าเข้ามาปฏิรูป เอเชี่ยน ทัวร์ เมื่อปี 2004 ประเทศไทยถือเป็นกลจักรสำคัญในการพัฒนา เอเชียน ทัวร์ ให้มีศักยภาพสูงดังเช่นทุกวันนี้ ทั้งในส่วนของการผลิตนักกอล์ฟคุณภาพขึ้นมาประดับวงการอย่างต่อเนื่อง หรือกระทั่งการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันทัวร์นาเมนต์สำคัญๆ มากมาย อาทิ จอห์นนี วอคเกอร์ คลาสสิค รายการโค-แซงชันกับ ยูโรเปียน ทัวร์ ที่มีเงินรางวัลสูงถึง 2 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อปี 2004 และ 2007, วอลโว มาสเตอร์ส ออฟ เอเชีย รายการปิดท้ายฤดูกาล ที่จัดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2005 หรือแม้แต่ศึก รอยัล โทรฟี ทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมาก็ล้วนแล้วแต่จัดขึ้นที่เมืองไทยทั้งสิ้น
สำหรับในปี 2009 การขาดหายไปของรายการในเมืองไทยที่มีเงินรางวัลระดับ 3 แสนเหรียญสหรัฐอย่าง บางกอก แอร์เวย์ โอเพน กับ สิงห์ ไทยแลนด์ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิป คงไม่ใช่เรื่องที่น่าวิตกกังวลแต่อย่างใดหากมองในภาพรวม เมื่อกำลังมี 2 รายการใหม่เข้ามาแทนที่ พร้อมเปิดตัวในปี 2009 ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความน่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
“แบล็ค เมาเทน มาสเตอร์ส” เป็นทัวร์นาเมนต์ใหม่ที่มีเงินรางวัลให้ชิงกันไม่มากไม่น้อย 5 แสนเหรียญสหรัฐ ระหว่างวันที่ 26-29 มีนาคมนี้ ขณะที่ความน่าสนใจอยู่ที่สังเวียน แบล็ค เมาน์เทน กอล์ฟ คลับ หัวหิน ที่มีดีกรีเป็นถึงเจ้าของรางวัลสนามกอล์ฟใหม่ที่ดีที่สุดของเมืองไทยจากนิตยสาร เอเชี่ยน กอล์ฟ มันธ์ลีย์ (Asian Golf Monthly) รวมถึงการเชิญผู้เล่นที่มีชื่อชั้นอย่าง เจสเปอร์ พาร์เนวิค กับ โยฮัน เอ็ดฟอร์ส มาร่วมสร้างสีสันกับเหล่าโปรใน เอเชียน ทัวร์
ส่วนอีกหนึ่งรายการใหม่ถือเป็นปรากฏการณ์ระดับสะท้านวงการกอล์ฟเอเชีย เมื่อชื่อของ “ธงชัย ใจดี” โปรขวัญใจชาวไทย ถูกตั้งเป็นชื่อทัวร์นาเมนต์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในศึก “ใจดี อินวิเทชันแนล” ชิงเงินรางวัล 5 แสนเหรียญสหรัฐ ที่สนามสยาม คันทรี คลับ พัทยา ระหว่างวันที่ 30 เมษายน ถึง 3 พฤษภาคมนี้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบทพิสูจน์คุณภาพความยอดเยี่ยมของ “โปรช้าง” ในการเป็นนักกอล์ฟมือดีของวงการกอล์ฟไทยและเอเชียตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
ไม่เพียงแต่รายการใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้นเท่านั้น อีกหลายทัวร์นาเมนต์ที่ประสบความสำเร็จด้วยดียังอยู่กันครบ โดยเมืองไทยเตรียมต้อนรับ เอเชี่ยน ทัวร์ รายการแรกของปี 2009 ด้วยศึก “เอเชี่ยน ทัวร์ อินเตอร์เนชันแนล” ชิงเงินรางวัล 3 แสนเหรียญสหรัฐ ระหว่างวันที่ 5-8 กุมภาพันธ์นี้ บนสังเวียนใหม่ สุวรรณ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ส่วนรายการปิดท้ายฤดูกาลยังคงให้สิทธิ์เฉพาะนักกอล์ฟ 65 อันดับแรกบนตารางทำเงินลงชิงความเป็นโปรมือ 1 ของ เอเชียน ทัวร์ ในศึก “วอลโว มาสเตอร์ส ออฟ เอเชีย” ชิงเงินรางวัล 7.5 แสนเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในเมืองไทยเหมือนเดิม
จากการถือกำเนิดขึ้นของทัวร์นาเมนต์ใหม่ถึง 2 รายการ ผนวกกับคุณภาพของรายการเดิมล้วนแล้วแต่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของวงการกอล์ฟอาชีพบ้านเรา แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากปราศจากบรรดาโปรไทยหลายรายที่ออกไปโชว์ผลงาน จนก้าวเข้าสู่ระดับแถวหน้าของ เอเชี่ยน ทัวร์ ส่งผลให้มีผู้สนับสนุนเข้ามาผลักดันให้เกิดรายการใหม่ๆ ซึ่งหมายถึงโอกาสและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกีฬากอล์ฟในประเทศไทยต่อไปในภายภาคหน้านั่นเอง