หากการแข่งขันวอลโว่ มาสเตอร์ส บนสนามวัลเดอร์ราม่า ประเทศสเปนคือประเพณีปิดฤดูกาลของทัวร์เม้นท์กอล์ฟอาชีพในยุโรป ในลักษณะเดียวกัน วอลโว่ มาสเตอร์ส ออฟ เอเชีย คือการดวลสวิงสุดท้ายเพื่อปิดเทอมยาวของวงการกอล์ฟในแดนบูรพา ด้วยการให้สิทธินักกอล์ฟที่มีอันดับทำเงิน 1-65 เข้าร่วมการแข่งขันบนสนามไทยคันทรี คลับ เจ้าภาพซึ่งรับบทเป็นสนามเหย้าให้กับรายการเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน (2005-2008)
ความน่าสนใจของทัวร์นาเม้นท์ที่ไม่มีโปรระดับซูเปอร์สตาร์ของโลกเข้าร่วมและมีเงินรางวัลยู่ในระดับกลาง (750,000 เหรียญสหรัฐฯ) แต่ วอลโว่ มาสเตอร์ส ออฟ เอเชีย ถือเป็นการแข่งขันระดับพรีเมียร์ในการเก็บคะแนนสะสมโลก (เวิลด์ กอล์ฟ แรงกิ้ง) โดยผู้ชนะจากรายการนี้จะได้รับคะแนนสะสมในตารางถึง 20 แต้มซึ่งส่งผลต่อเหล่าโปรที่ต้องการยกระดับอันดับโลกของตนเอง เพื่อได้สิทธิในการร่วมรายการในระดับพีจีเอและเมเจอร์ทั้งสี่รายการ แน่นอนว่าเหล่านักกอล์ฟที่เข้าร่วมต่างกระตือรือร้นยิ่ง และมีหลายรายที่ตั้งเป้าคว้าแชมป์โดยเฉพาะเหล่าโปรทำเงินในช่วงท้อป 10 ของตาราง และเมื่อพิจารณาจากสถานะก็พอจะเห็นภาพรวมของการแข่งขันล่วงหน้าว่า นี่คือทัวร์นาเม้นท์ที่ต้องเฉือดเฉือนกันระหว่าง โปรต่างชาติและสวิงเจ้าถิ่น ที่อาจต้องวัดกันถึงหลุม 18 ในวันสุดท้ายเลยทีเดียว
สำหรับนักกอล์ฟต่างชาติที่น่าจะเรียกผู้ชมตามก๊วนแข่งได้มากที่สุดเห็นจะเป็น จีฟ มิลคาห์ ซิงห์โปรชื่อดังจากอินเดีย และปัจจุบันคือนักกอล์ฟทำเงินอันดับหนึ่งของเอเชี่ยน ทัวร์ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ ซิงห์ น่าจะลงเล่นโดยปราศจากความกดดัน ขณะที่ฟอร์มการเล่นของโปรชาวอินเดียในฤดูกาลนี้เรียกได้ว่าร้อนแรง พิสูจน์จากผลงานการคว้า 3 แชมป์จากสามทัวร์นาเม้นท์อันได้แก่ เอเชียน ทัวร์ฯ, เจแปน ทัวร์ฯ และ ยูโรเปียน ทัวร์ และที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือความสำเร็จของซิงห์ ในรายการของวอลโว่ เพราะที่ผ่านมาโปรจากแดนภารตะคว้ามาแล้วทั้ง วอลโว ไชน่า โอเพน และ วอลโว มาสเตอร์ส ที่ประเทศสเปนในปี 2006
โปรต่างชาติอีกรายที่น่าจะได้รับกำลังใจมากพอสมควรเห็นจะเป็น หลิน เหวินถัง โปรทำเงินอันดับสองของตาราง โดยผลงานของหนุ่มจากไต้หวันในฤดูกาลนี้คว้าชัยมาแล้ว 2 รายการจาก ฮ่องกง โอเพ่น และ เอเชียน ทัวร์ อินเตอร์เนชันแนล ที่เมืองไทย สำหรับวอลโว่ มาสเตอร์ส ออฟ เอเชีย นั้น หลิน ตั้งเป้าคว้าแชมป์ที่ 3 เพื่อปิดฉากขวบปีที่ดีที่สุดของตนเองและสิ่งสำคัญคือคะแนนสะสมในเวิลด์แรงกิ้ง ที่ปัจจุบันโปรชาวไต้หวันรั้งอยู่อันดับ 51 ของโลก และจำเป็นต้องเข้าไปอยู่ในท็อป 50 ให้ได้เพื่อได้รับเชิญไปเล่น เดอะ มาสเตอร์ส ในปีหน้า
นอกเหนือจากสองสวิงที่เป็นเพื่อนบ้านในแถบเอเชียแล้ว โปรจากทวีปดาวน์อันเดอร์อย่าง มาร์ค บราวน์ ก็มิสามารถมองข้ามไปได้ เนื่องจากโปรชาวนิวซีแลนด์รายนี้ครองพื้นที่อันดับหนึ่งในเอเชี่ยนทัวร์ ตั้งแต่ต้นปีจนกระทั่งผลงานมาแผ่วลงในช่วงไตรมาสสุดท้ายของฤดูกาลอันเนื่องมาจากผลงานที่ไม่น่าประทับใจนักในยูโรเปี้ยนทัวร์ การได้กลับมาลงสนามที่ตนเองคุ้นเคยอย่าง ไทย คันทรี่ คลับน่าจะเป็นโอกาสสำคัญที่นักกอล์ฟจากแดนกีวี จะเรียกกำลังใจให้กับตนเองหากคว้าแชมป์มาครองได้สำเร็จ
หันมามองนักกอล์ฟเจ้าถิ่นเวลานี้เต็งหามมีสิทธิคว้าแชมป์นั้นมีอยู่ด้วยกันสามราย เริ่มจาก ประหยัด มากแสง โปรชาวไทยที่ได้รับการเสนอชื่อให้รับรางวัล นักกอล์ฟที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดประจำฤดูกาล (Special Achievement Award )ซึ่งการลงสนามครั้งนี้ ประหยัด อยู่ในตำแหน่ง “แชมป์เก่า” แน่นอนว่าเจ้าตัวต้องการสร้างประวัติศาสตร์ครองแชมป์สมัยที่สองติดต่อกันเป็นคนแรกของเอเชียให้กับตนเอง ขณะที่โปรหมายเอง ก็อยู่ในช่วงเวลาที่มีความมั่นใจเต็มตัว หลังคว้าแชมป์ไปถึง 3 รายการในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาและไต่ขึ้นไปรั้งมืออันดับที่ 49 ของโลกหากรักษาตำแหน่งอยู่ในท็อป 50 ได้หลังจบสัปดาห์นี้ประหยัดจะได้สิทธิ์ลงแข่ง เดอะ มาสเตอร์ส ประจำฤดูกาลใหม่ในทันที"
ส่วนโปรไทยที่ร้อนแรงไม่แพ้ "ประหยัด" หนีไม่พ้น ธงชัย ใจดี อดีตแชมป์สองสมัยของรายการในปี 2003 และ 2006 ที่เวลานี้อยู่ในฟอร์มที่รีดสวิงเพอร์เฟกท์ ได้เต็มร้อยเมื่อเจ้าตัว คว้าแชมป์ 2 รายการติดต่อกัน ได้แก่ เวียดนาม มาสเตอร์ส และ แคมโบเดียน โอเพน โดย ธงชัย เคยชนะที่สนามไทย คันทรี คลับ มาแล้วเมื่อปี 2006 และที่สนามบางกอก กอล์ฟ คลับ เมื่อปี 2003 ตลอดจนพร้อมแล้วที่จะคว้าแชมป์ วอลโว มาสเตอร์สฯ สมัยที่ 3 ให้ได้ในครั้งนี้
ทั้งหมดนี้คือเหล่าตัวเก็งที่มีสิทธิคว้าโทรฟี่ วอลโว่ มาสเตอร์ส ออฟเอเชีย ประจำปี 2008 หากแต่ยังคงไม่สามารถการันตีความแน่นอนได้เพราะ การแข่งขันตลอดทั้ง 4 วันนั้นอะไรก็ฌกิดขึ้นได้แม้แต่เรื่องผลงานที่พลิกความคาดหมายกลายเพราะไม่แน่ว่าเมื่อจบการแข่งขันวันสุดท้าย โอกาสที่ม้ามืดจะฉวยเอาแชมป์ไปครองแทนเหล่ามือวางก็มีความเป็นไปได้เช่นกัน
