คาร์ลอส แซงค์ ยอดนักขับจากค่ายโฟล์คสวาเกน ผู้นำจาก 11 สเตจที่ผ่านมาของศึกดาการ์ 2009 พลาดขับรถตกหน้าผาต้องออกจากการแข่งขันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะที่ มานะ พรศิริเชิด นักแข่งไทยผลงานสุดยอดเข้าที่ 23 ในการแข่งขันสเตจที่ 12
แรลลีหฤโหด ดาดาร์ 2009 อาร์เจนตินา-ชิลี กลับมาลุยต่อกันอีกครั้งในสเตจที่ 12 หลังจากหยุดพักเป็นเวลา 1 วัน จากการยกเลิกเส้นทางในสเตจ 11 เนื่องสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย โดยเมื่อคืนนี้เป็นเส้นทางจากฟิอัมบาลา มุ่งหน้า ลา ริโอจา ในประเทศอาร์เจนตินา มีช่วงจับเวลาพิเศษ 253 กม. ซึ่งเส้นทางยังเป็นเป็นทะเลทรายกว่า 80%
โดยผลการแข่งขันในสเตจนี้ มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในกลุ่มผู้นำประเภทรถยนต์ เมื่อ คาร์ลอส แซงค์ อดีตแชมป์แรลลีโลก ในรถโฟล์คสวาเกน ที่รั้งอันดับผู้นำเวลารวม มาตั้งแต่สเตจที่ 4 กลายเป็นนักแข่งดังคนล่าสุดที่ต้องออกจากการแข่งขัน
หลังจากนักแข่งจอมเก๋าชวาสเปนประสบอุบัติเหตุขั้นร้ายแรง ขับรถตกหน้าผาในช่วงกิโลเมตรที่ 79 ทำให้รถเสียหายอย่างหนัก และเนวิเกเตอร์ก็ได้รับบาดเจ็บแขนข้างซ้ายหัก ต้องยุติเส้นทางดาการ์ 2009 เช่นเดียวกับ ลุค อัลฟองด์ ,สเตฟาน ปีเตอร์อองเซล ที่ถอนตัวเนื่องจากรถมิตซูบิชิมีปัญหาไปก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี ผู้นำเวลารวมหลังผ่านสเตจ 12 ยังคงเป็นนักขับสังกัดโฟล์คสวาเกน เช่นเดิม หลังจาก จิเนล เดอ วิลเลอร์ส นักแข่งจากแอฟริกาใต้ ในรถหมายเลข 305 คว้าชัยชนะในสเตจนี้ด้วยเวลา 4 ชั่วโมง 6 นาที 43 วินาที พร้อมขยับขึ้นมานำในอันดับเวลารวม ทิ้ง มาร์ค มิลเลอร์ เพื่อนร่วมทีมชาวอเมริกัน อยู่ 2 นาที 35 วินาที
โดยแซงค์ ที่ได้รับบาดเจ็บไหล่ขวาเล็กน้อยเผยหลังต้องถอนตัวว่า "เราไม่เห็นว่าทางตรงนั้นมันเป็นผาลึก เมื่อล้อหน้าหลุดลงไปรถก็เสียหลักทันที ผมพยายามจะเบรก แต่มันก็สายไปแล้ว โชคดีมากที่เราไม่ได้มาด้วยความเร็วสูง หากเรามาเร็วกกว่านี้ ผมคงให้สัมภาษณ์ตอนนี้ไม่ได้แน่นอน"
ส่วนผลงานของ "เจ้าหนึ่ง" มานะ พรศิริเชิด นักแข่งหนึ่งเดียวของไทยในรถมิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต อีโวลูชัน หมายเลข 368 ทำผลงานกระหึ่มดินแดนฟ้า-ขาว หลังควบรถเข้าเส้นชัยที่ลา ริโอจา ได้เป็นอันดับที่ 23 จากรถที่จบการแข่งขันสเตจนี้ 92 คัน
โดย "เจ้าหนึ่ง" และ เธียร์รี ลาคอมป์ ที่ออกตัวลำดับที่ 41 ใช้เวลาเพียง 28:41 นาทีมาถึงจุดเช็คพอยท์ที่ 1 ซึ่งสามารถแซงคู่แข่งขึ้นมาอยู่ที่ 33 จากนั้นเจ้าหนึ่งก็เร่งเครื่องเต็มสูบ สู่จุดเช็คพอยท์ที่ 2 ก่อนควบเข้าเส้นชัยของสเตจนี้ในอันดับที่ 23 ใช้เวลาทั้งหมด 8 ชั่วโมง 12 นาที 38 วินาที ส่วนอันดับเวลารวมรั้งอันดับที่ 77 จากรถ 92 คัน
สำหรับเส้นทางในสเตจที่ 13 จากเมือง ลา ริโอจา ถึงเมือง ดอร์โดบา จะมีช่วงจับเวลาพิเศษถึง 545 กม. สำหรับการเดินทางสู่สเตจสุดท้าย สเตจนี้ก็ถือว่ามีความยากในระดับหนึ่ง โดยเส้นทางจะเป็นดินและก้อนกรวดเกือบ 70% และมีจุดเช็คพอยท์ที่ต้องขับผ่านถึง 5 จุด
สรุปเวลาสเตจที่ 12
1. จิเนล เดอ วิลเลอร์ส (แอฟริกาใต้ / โฟล์คสวาเกน) เวลา 4 ชั่วโมง 6 นาที 43 วินาที
2. มาร์ค มิลเลอร์ (สหรัฐฯ / โฟล์คสวาเกน) ตามหลัง 16 นาที 17 วินาที
3. ร็อบบี กอร์ดอน (สหรัฐฯ / ฮัมเมอร์) ตามหลัง 25 นาที 27 วินาที
4. เดียเตอร์ ดิปปิง (เยอรมนี / โฟล์คสวาเกน) ตามหลัง 42 นาที 2 วินาที
5. เลโอนิด โนวิตสกี (รัสเซีย / บีเอ็มดับเบิลยู) ตามหลัง 55 นาที 25 วินาที
*23 มานะ พรศิริเชิด (ไทย/มิตซูบิชิ ปาเจโรฯ) ตามหลัง 4 ชั่วโมง 5 นาที 55 วินาที
สรุปเวลารวมโอเวอร์ออล
1. จิเนล เดอ วิลเลอร์ส (แอฟริกาใต้ / โฟล์คสวาเกน) เวลา 43 ชั่วโมง 46 นาที 58 วินาที
2. มาร์ค มิลเลอร์ (สหรัฐฯ / โฟล์คสวาเกน) ตามหลัง 2 นาที 35 วินาที
3. ร็อบบี กอร์ดอน (สหรัฐฯ / ฮัมเมอร์) ตามหลัง 1 ชั่วโมง 18 นาที 52 วินาที
4. เอริก ทอลเลฟเซน (นอร์เวย์ / นิสสัน) ตามหลัง 5 ชั่วโมง 48 นาที 21 วินาที
5. เคิร์ซสตอฟ โฮโลว์ซี (โปแลนด์ / นิสสัน) ตามหลัง 6 ชั่วโมง 44 นาที 423 วินาที
* 77 มานะ พรศิริเชิด (ไทย/มิตซูบิชิ ปาเจโรฯ) ตามหลัง 256 ชั่วโมง 58 นาที 18 วินาที
หมายเหตุ - มานะถูกปรับโทษกว่า 200 ชั่วโมง เช่นเดียวกับรถแข่งทุกคันที่ไม่จบการแข่งขันสเตจที่ 5 และ 6
