หลังเปิดตัวปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่าน จากนั้นต้นเดือนกันยายน บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด (MMTH)รีบจัดทริปทดสอบ “ปาเจโร สปอร์ต” ทันที ทั้งนี้ก็พอเข้าใจในสถานการณ์อันบีบรัด เพราะคู่แข่งเบอร์หนึ่ง “โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ ไมเนอร์เชนจ์” พร้อมกว่าและเปิดตัวไปก่อนหน้าสักระยะแล้ว
ตามแผนงานของ MMTH นั้น พีพีวีรุ่นใหม่ที่พัฒนามาจากปิกอัพไทรทัน จะพร้อมจริงๆก็เดือนตุลาคม และการที่โตโยต้าปาดหน้า ก็ไม่ได้เกินความคาดหมายของค่ายตราเพชรเท่าไหร่นัก ซึ่งการชิงไหวชิงพริบทางการตลาดมันมีมาตลอดอยู่แล้ว เอาเป็นว่าโปรดักต์ใครพร้อมก่อน บวกกับสถานการณ์ตลาดเหมาะสมก็เดินหน้าลุยทันที
ดังนั้นวิธีการตั้งรับเชิงรุกของมิตซูบิชิ ก็ต้องปล่อยกระแส แย่งชิงพื้นที่ข่าว(บ้าง) หวังให้สาวกหรือลูกค้าที่มุ่งหมายอยากได้รถอเนกประสงค์คันโต รอ..รอ...รอ...จนถึงวันที่จะได้รักกัน
สำหรับโมเดลเรนจ์ของ “ปาเจโร สปอร์ต” มีเพียง 4 รุ่น แบ่งเป็นขับเคลื่อนสองล้อและสี่ล้อ อย่างละ 2 รุ่นคือตัวท็อป GT และตัวรอง GLS โดยราคาที่จ่ายเพิ่มในรุ่น GT นั้น คุณจะได้ความสบาย-ปลอดภัยระดับ เบาะหนัง เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เครื่องเล่นดีวีดี พร้อมจอแสดงผล 7 นิ้วแบบทัชสกรีน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และถุงลมนิรภัยคู่หน้า(รุ่น GLS จะมีแค่ด้านคนขับ) ส่วนเครื่องยนต์ก็แบ่งง่ายๆคือ รุ่นขับสองวางเครื่อง 2.5 ลิตร ขับ 4 ก็วาง 3.2 ลิตร บล็อกเดียวกับไทรทัน ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติทุกรุ่น
ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกระหว่างรุ่นขับสองกับขับเคลื่อนสี่ล้อแทบไม่ต่าง ที่สำคัญด้านท้ายไม่มีตัวหนังสือหรือโลโก้ใดๆบ่งบอกถึงชั้นคลาส (ไม่แน่ใจว่าตัวขายจริงจะแปะเพิ่มมารึเปล่า) แต่ก็พอสังเกตได้ ในรุ่นขับสี่จะเสริมราวหลังคา กับกาบประตูหลัง และตัวรถจะสูงกว่ารุ่นขับสองนิดหน่อย (ตามสเปคบอกต่างกัน 40 มม.)
ภายในรุ่นท็อป ตกแต่งโทนสีดำตัดเมเทลิก ส่วนเบาะหนัง-แผงประตูข้างสีเบจ ก็กลมกลืนงามหยดทุกกระเบียด ซึ่งถ้าเทียบกับคู่แข่งหลายๆเจ้าในตลาด ต้องบอกว่า“ปาเจโร สปอร์ต”กินขาดเรื่องการออกแบบภายใน
มิตซูบิชิ ค่อนข้างมั่นใจใน รูปลักษณ์ คุณภาพ สมรรถนะของ “ปาเจโร สปอร์ต” ตัวนี้มาก (ไทรทันก็มั่นใจแบบนี้) ดังนั้นทริปทดสอบถึงจะเป็นระยะทางสั้นๆ แต่ก็ถือว่าให้ผู้สื่อข่าวได้ลองขับกันแทบทุกรสชาติ กับสองสถานีแบบ ออนโรด และออฟโรด โดยยึดอำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี เป็นที่มั่น พร้อมด้วยรถ 4 คัน ไว้รองรับนักข่าวกว่า 30 ชีวิต ทั้งนี้ด้วยข้อจำกัดของเวลา-สถานที่-จำนวนรถ ทีมงานของมิตซูบิชิจึงจัดลำดับคิวไว้ให้เรียบร้อย
“ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ได้คิวประเดิมในสนามออฟโรดก่อน โดยพาหนะเป็นรุ่นท็อปขับเคลื่อนสี่ล้อ เครื่องยนต์ 3.2 ลิตร พร้อมเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้าที่ 4000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 351 นิวตัน-เมตรที่ 2000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Invest II 4 สปีด พร้อมSportronic ปรับเปลี่ยนเกียร์เล่นเองได้
ความมุ่งหมายของผู้จัดที่สถานีนี้ เขาอยากให้ลองระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD ที่คุยว่าถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากรุ่นพี่ “ปาเจโร”โดยปรับเปลี่ยนโหมดขับเคลื่อนได้ 4 รูปแบบ ทั้งขับเคลื่อนสองล้อหลัง 2H ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา 4Hโดยล้อคู่หน้า-หลัง จะกระจายกำลัง 50 : 50 และ 4HLc ที่ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้า-หลัง ให้สัมพันธ์กับสภาพเส้นทาง รวมถึง 4LLc หรือ โฟร์โลว์ อัตราทดเฟืองสูงพิเศษ สำหรับปีนป่ายหรือทางทุรกันดารที่ไม่ได้ใช้ความเร็วสูง
สำหรับ Super Select 4WD ถือเป็นระบบเทพ ที่มิตซูบิชิภูมิใจเสนอ เพราะมันทำให้“ปาเจโร สปอร์ต” ต่างจากปิกอัพไทรทัน รวมถึงพีพีวี คู่แข่งอย่าง อีซูซู มิว-7 หรือ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ขึ้นมาอีกระดับ เพราะพวกที่กล่าวมาระบบขับเคลื่อนจะมีเพียงสามรูปแบบ คือขับสอง(ล้อหลัง) – ขับ 4 แบบ 4H – ขับสี่แบบโฟร์โลว์ 4L ทั้งยังไม่มี Center Differential lock ควบคุมการส่งแรงบิดของล้อหน้าและหลังให้เหมาะกับสภาพเส้นทาง
อย่างไรก็ตามในฟอร์จูนเนอร์ ระบบขับเคลื่อนเป็น 3 สเต็ปเช่นกัน แต่เริ่มจาก 4H ขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลา และขับสี่แต่ส่งกำลังไปยังล้อคู่หน้าหลังแบบแปรผันตามสภาพเส้นทาง โดยเรียกชื่อตัวควบคุมต่างกันว่า “ลิมิเต็ด ทอร์ชัน” และสุดท้ายเป็นเกียร์แบบโฟร์โลว์
ขณะเดียวกันปาเจโร สปอร์ต และ ฟอร์จูนเนอร์ ยังใช้การเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนด้วยเกียร์จิ๋วแบบเมนวล ขณะที่ มิว-7 และฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใช้กดปุ่มการสั่งงานด้วยไฟฟ้า ซึ่งตรงนี้ก็แล้วคนชอบครับ เพราะถ้าพวกขาลุยจริงๆ เขายังชอบและเชื่อใจในระบบแมนวลสั่งงานผ่านสายเคเบิ้ลอยู่
...กลับมาที่สนามทดสอบ ปาเจโร สปอร์ต เพื่อลองของจริงหลังเล่ามาเสียยืดยาว โดยผู้เขียนเริ่มออกตัวจากระบบขับเคลื่อนแบบ 2H ผ่านเนินขึ้น-ลงลูกเตี้ยๆ พาสบโอกาสใช้ความเร็วได้บ้าง จึงผลักเจ้าเกียร์จิ๋วไปยัง 4H จากนั้นสักระยะก็เปลี่ยนมาเป็นแบบ 4HLc พร้อมเล่นกับเกียร์ออโต้แบบสปอร์ตทรอนิกไปด้วย
โดยเส้นทางวกไปวนมาในทางฝุ่นหลุมเนินประมาณ 5-6 กิโลเมตร ใช้ความเร็วไม่สูงมาก(บางช่วงชัดเต็มที่ 60 กม./ชม.) โดย ปาเจโร สปอร์ต ไปของมันได้เรื่อยๆ ทั้ง ผ่านน้ำ ลุยโคลน รวมถึงเนินสูงที่เราปรับเกียร์เป็นแบบ โฟร์โลว์ ก็ไม่ลำบากครับ โดยเข้าไปที่เกียร์ว่าง กดหัวเจ้าคันเกียร์จิ๋วก่อนดันไปด้านขวา-หน้า ซึ่งกำลังเครื่องยนต์ส่งผ่านไปยังล้อทั้ง 4 อย่างมีประสิทธิภาพ ปีนป่ายก้อนหินก้อนแล้วก้อนเล่า ขณะที่พวงมาลัยไม่ดีดสะท้อนกลับมาแรงและเร็ว ดังนั้นไม่ต้องใช้พลังในการควบคุมมาก...เรียกว่าผ่านไปได้แบบสบายๆ
จากนั้น “ผู้จัดการมอเตอริ่ง’” มีโอกาสได้ลองในเส้นทางออนโรด โดยเริ่มจากรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรก่อน โดยช่วงแรกเป็นทางตรง ยิงกันยาวๆ รู้สึกว่าการเก็บเสียงในห้องโดยสารดี แต่อัตราเร่งดูเนือยไปนิด และพาลคิดว่า ถ้านั่งกันหลายคน หรือบวกของสัมภาระอีก รถมันจะแบกน้ำหนักขนาดไหน ที่สำคัญน่าจะส่งผลถึงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันด้วย นอกจากนี้การลองเหยียบสุดๆความเร็วจะตื้ออยู่เพียง 160 กม./ชม.
ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ 3.2 ลิตร ที่มีโอกาสลองในเวลาต่อมา แน่นอนว่าขุมพลังและระบบส่งกำลังดูกระตือรือล้นมากขึ้น เมื่อเทียบกับตัว 2.5 ลิตร แต่กระนั้นก็ยังไม่จี๊ดจ๊าดเท่า ฟอร์จูนเนอร์ อยู่ดี...การวิ่งทางยาวๆ ที่เกียร์สูงสุด สังเกตความเร็ว 120 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์อยู่ แถวๆ 2,200 ก็ถือว่าไม่สูงครับ ส่วนความเร็วสูงสุด ไหลไป 180 กม./ชม.(ทางลงเนินนิดๆ)ก็ตัดแล้ว
อย่างไรก็ตามต้องชื่นชมในระบบช่วงล่าง หน้าปีกนกสองชั้น คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง หลังเป็นแบบ 3 จุดยึด คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ที่ส่วนตัวคิดว่าลงตัว ไม่เป็นรองหรืออาจจะเหนือกว่าพีพีวีหลายยี่ห้อในตลาดด้วยซ้ำ ทั้งการซับแรงสะเทือนจากพื้นถนนดี ไม่กระเด้งโดดให้ปวดหัวปวดตับ
ในความเร็วสูง 120 -140 กม./ชม.ยังทรงตัวดี สภาพรถนิ่ง ถึงแม้จะมีการโยกโยนของตัวถังบ้างเวลาเข้าโค้งก็เป็นเรื่องธรรมดา ด้านเบรกหน้าดิสก์ หลังดรัมเหมือนเจ้าอื่นๆ รู้สึก “โอเค” เลย ที่ระยะเบรกสัมพันธ์กับน้ำหนักการกดแป้นเบรก เรียกว่ากะคะเนได้พอสมควร รวมถึงอุปกรณ์มาตรฐานอย่าง ABS EBD มีมาพร้อมในทุกรุ่น
รวมรัดตัวความ...ถึงแม้จะเป็นการทดสอบสั้นๆ แต่ก็พอรู้สึกได้ถึง นิสัยรถได้ระดับหนึ่ง เห็นความตั้งใจของทีมงานมิตซูบิชิ ที่พยายามยกระดับมาตรฐานรถพีพีวี ถึงแม้จะใช้พื้นฐานเดียวกับปิกอัพไทรทัน แต่สมรรถนะ คุณภาพ นั้นไปไกลกว่ามาก หรือใครชอบเรียกรถพวกนี้ว่า“ปิกอัพติดหลังคาหลัง”คงจะดูถูกกันเกินไปสำหรับ ปาเจโร สปอร์ต
เอาเป็นว่าอดใจรอกันอีกนิด ถ้าใครอยากเห็นตัวสัมผัสจริง เพราะต้นเดือนตุลาคมนี้ มิตซูบิชิ เค้าเตรียมปูพรมลงโชว์รูม และเดินสายลงพื้นที่ทั่วประเทศ ...ขณะเดียวกัน “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” จะนำเสนอการทดสอบแบบเต็มๆอีกครั้ง
ราคา มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ต
รุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ
- 2.5 GLS เกียร์อัตโนมัติ ราคา 950,000 บาท
- 2.5 GT เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,070,000 บาท
รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ
- 3.2 GLS เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,120,000 บาท
- 3.2. GT เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,240,000 บาท