วงการเทนนิสโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งแร็กเก็ตอาชีพชายกำลังจะถูกเขย่าอีกครั้ง หลังมีการส่งสัญญาณจากฝ่ายจัดการแข่งขันอย่างเอทีพี รวมไปถึงเหล่าตำนานของวงการลูกสักหลาดที่ออกมากล่าวถึง “โรคถ่วงเวลา” ซึ่งแพร่ระบาดอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออนาคตแห่งวงการเทนนิสอย่าง ราฟาเอล นาดาล และโนวัค ยอโควิช คือสองรายในจตุรเทพที่ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมพฤติกรรมขอผ้าเช็ดหน้า เคาะบอลนับครั้งไม่ถ้วน รวมถึงเรียกแพทย์สนามเข้ามาดูอาการบาดเจ็บบ่อยเกินความจำเป็น ทั้งหมดนี้คือโรคร้ายในวงการเทนนิสที่ต้องรีบทำการรักษา มิเช่นนั้นแล้วเหล่าจอมหวดในรุ่นหลังจะเห็นเป็นเรื่องปกติจนทำให้พฤติกรรมน่ารังเกียจดังกล่าวเกาะติดอยู่บนคอร์ตเทนนิสจนไม่สามารถแยกออกจากกันได้
โดย แพท แคช อดีตแชมป์วิมเบิลดันปี 1987 ชาวออสเตรเลียคือบุคคลสำคัญในวงการเทนนิสรายล่าสุดที่ออกมาแสดงทรรศนะผ่านเว็บไซต์ “ไทม์ ออนไลน์” (Times Online) ของอังกฤษว่าอนาคตเทนนิสโลกอาจตกต่ำลงหากการถ่วงเวลาการแข่งขันของเหล่าผู้เล่นชั้นนำในทัวร์ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง นอกจากนี้เขายังได้ส่งสารตรงไปถึง นาดาล และ ยอโควิช ว่า “ขอให้พวกคุณตระหนักในหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเองด้วยการทำสมาธิอย่างพอประมาณ หลีกเลี่ยงการถ่วงเวลาสร้างความรำคาญโดยให้คิดถึงคู่ต่อสู้และผู้ชมที่ต้องซื้อตั๋วเข้ามาชมเกม"
ทั้งนี้มีการตั้งข้อสังเกตว่ากฎระเบียบที่ระบุไว้ในเทนนิสระดับแกรนด์สแลมและเดวิส คัพ นั้นผู้เล่นห้ามใช้เวลาเกิน 20 วินาทีระหว่างการสิ้นสุดของแต้มก่อนหน้ากับการเสิร์ฟเเต้มต่อไป ดังนั้นการที่ นาดาล “มือ 1 โลก”ขอผ้าเช็ดหน้า ดึงกางเกงชั้นใน ยืนตัวตรงอีกครั้งก่อนจ้องคู่ต่อสู้และเคาะบอลอีก 15 ครั้งก่อนโยนเสิร์ฟออกไปซึ่งบางครั้งยาวนานกว่า 40 วินาทีจึงนับเป็นการละเมิดกฎข้อนี้อย่างอุกอาจที่สุด
ก่อนการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศวิมเบิลดันที่ผ่านมา โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ คู่แค้นฟ้าลิขิตของหวดสเปนเคยออกมาวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนว่า “แค่เดินไปที่เส้นเสิร์ฟ นาดาล ก็ใช้เวลาไปแล้ว 20 วินาที กว่าจะตั้งท่าก็ต้องใช้อีก 10-15 วินาที ซึ่งในกฎระบุไว้ว่าถ้าใช้เวลาเกิน 20 วินาทีจะต้องถูกเตือน และหากถูกเตือนเป็นครั้งที่ 2 กรรมการจะต้องตัดเเต้ม แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยถูกเตือนครั้งที่ 2 เลยแม้แต่หนเดียว”
จากคำกล่าวของ “เฟดเอ็กซ์” สอดคล้องกับคำบอกเล่าของ แคช ที่เล่าย้อนกลับไปว่าในทศวรรษที่ 80 ถึงต้น 90 ว่าเวลานั้นมีการถ่วงเวลาเกิดขึ้นหลายครั้งหากแต่ถูกมองข้ามไปเช่นกัน "จอห์น แม็คเอนโร ทำลายจังหวะคู่ต่อสู้แบบครบวงจรด้วยการประท้วงตั้งแต่แชร์เอมไพร์ไปจนถึงกรรมการสนามและผู้จัดการทัวร์นาเมนต์ ตัวผมเคยสัมผัสมาเองในรอบสอง วิมเบิลดันปี 1992 ระหว่างไทเบรคเซตที่ 3 แม็คเอนโร เถียงแชร์เอมไพร์และเปลี่ยนแร็กเก็ตโดยใช้เวลารวมกันถึง 3 นาที"
หลังสับ "จอห์นนี แม็ค" เป็นชิ้นๆไปแล้ว แคช ในวัย 43 ปีหันมาแฉพฤติกรรมเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นๆต่อว่า “จิมมี คอนเนอร์ส ถ่วงเวลาโดยการผูกเชือกรองเท้า ขณะที่ กิลเยร์โม บิยาส จากอาร์เจนตินามักแกล้งทำเป็นเหนื่อย ส่วนคนที่กวนประสาทคู่แข่งได้เนียนที่สุดในความเห็นของผมคือ อีวาน เลนเดิล ที่จะหยุดเล่นกะทันหันเมื่อเห็นวัตถุใดๆก็ตามเคลื่อนที่บนอัฒจันทร์"
สำหรับวงการฟุตบอลได้มีการแก้ปัญหาเรื่องการถ่วงเวลาอย่างเป็นรูปเป็นร่างจนทำให้เกมในปัจจุบันมีความสนุกตื่นเต้นมากขึ้น โดยเมื่อปี 2000 สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติหรือฟีฟาได้ออกกฎเหล็กห้ามมิให้ผู้รักษาประตูถือบอลเกิน 6 วินาที รวมทั้งยังให้สิทธิ์ผู้ตัดสินแจกใบเหลืองให้กับนักเตะที่จงใจถ่วงเวลาเอาเปรียบคู่ต่อสู้ได้ทันที
ส่วนสหพันธ์เทนนิสนานาชาติหรือไอทีเอฟ(ITF)ยังคงนิ่งเฉยมานานเป็นผลให้กฎ 20 วินาทีระหว่างแต้มซึ่งมีอยู่แล้วปราศจากอำนาจบังคับใช้ได้จริงเดือนร้อนถึง แคช ซึ่งปัจจุบันอยู่ในฐานะสื่อต้องออกมาตอกย้ำอีกครั้งว่า “เอทีพี ดับเบิลยูทีเอ สหพันธ์เทนนิสนานาชาติ และ เดวิส คัพ ควรร่วมมือกันกำหนดให้เป็นมาตรฐานเดียวว่าจะให้เวลาผู้เล่นระหว่างแต้ม 20 หรือ 25 วินาที และเมื่อได้ข้อสรุปที่น่าพอใจแล้ว ก็ให้มอบอำนาจให้แชร์เอมไพร์นำไปใช้ลงโทษผู้เล่นที่ฝ่าฝืนได้โดยไม่ต้องเกรงใจ ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะเป็นนักเทนนิสมือ 1 ของโลกหรือมือสมัครเล่น”
เชื่อว่าความคิดเห็นของ “แพท แคช” ที่แสดงวิสัยทัศน์ผ่านสื่อในครั้งนี้น่าจะช่วยกระตุกต่อมความคิดของเหล่าผู้บริหารในวงการเทนนิสอาชีพโลกได้บ้าง และถ้ามีคนคิดจะให้กฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้มีความศักดิ์สิทธิ ผลดีก็จะกระจายในวงการมิใช่ปล่อยให้นักเทนนิสหัวแถวอย่าง นาดาล หรือ ยอโควิช ถ่วงเวลาเอาเปรียบเพื่อนร่วมอาชีพกันตามใจชอบ ซึ่งพฤติกรรมน่ารังเกียจเช่นนี้จะกลายเป็นโรคร้ายที่กัดกร่อนภาพลักษณ์ของวงการเทนนิสโลกให้เสื่อมลงในเวลาอันใกล้อย่างแน่นอน