กลายเป็นคดีสะเทือนขวัญและโจษขานไปทั่วเมืองท่องเที่ยวอันเงียบสงบฝั่งอันดามัน เมื่อตำรวจกองปราบปราม นำกำลังจับกุม นายประสิทธิ์ หรือ เล็ก บุญคง หนุ่มสวนยาง เมืองกระบี่ วัย 36 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุสังหาร นางลำใย แพทย์จันลา อายุ 36 ปี และ ด.ช.พรเทพ บุญคง อายุ 3 ขวบ ภรรยา และบุตรตัวเองอย่างโหดเหี้ยมก่อนนำศพไปหมกในบ่อเกรอะนานกว่า 2 ปี
10 กว่าปีที่แล้ว เด็กสาวจากอีสานเหนือ หนีความแร้นแค้นจากบ้านเกิดเมืองนอนไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ และนี่คือสถานที่เริ่มต้นชีวิตใหม่ของ “ลำใย” เมื่อพบรักกับ นายประสิทธิ์ หนุ่มใต้ผิวเข้ม ก่อนทั้งคู่ตกลงปลงใจอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาโดยยึดอาชีพทำสวนยาง จนมี ด.ช.พรเทพ เป็นบุตรสืบสกุล
“ปกติคู่นี้มักทะเลาะกันเป็นประจำประสาผัวเมีย ซึ่งเปรียบเหมือนลิ้นกับฟัน แต่ฝ่ายสามีอารมณ์รุนแรง โมโหร้าย ส่วน นางลำใย ตกเป็นเบี้ยล่างยอมเป็นกระสอบทรายให้คู่ชีวิตระบายอารมณ์ใส่เป็นประจำ”เพื่อนบ้านรายหนึ่งให้ข้อมูล
แต่เสียงวิวาทเมื่อกลางดึกวันที่ 12 เม.ย.2549 ดูรุนแรงกว่าปกติและ เสียงร้องขอความช่วยเหลือของ นางลำใย ได้ทำลายความเงียบในยามค่ำคืนอันสงัด เพื่อนบ้านต่างเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่มีใคร กล้าเข้าไปเกี่ยวดองหนองยุ่ง เนื่องจากรู้กิตติศัพท์ นายประสิทธิ์ ดีว่า ลองบ้าขึ้นแล้วไม่มีสิ่งใดมายับยั้งเขาได้ หลังจากนั้นไม่มีใครเห็นเธอและบุตรชายอีกเลย
“ เมื่อใครถามถึงเรื่องลูกเมีย ไอ้เล็กมันจะบอกว่า “มันพาลูกหนีตามชู้พร้อมเงินแสนไปแล้ว” หลังจากนั้นไม่กี่วัน นายประสิทธิ์ ก็ไปบวชพระอยู่ที่วัดเทวดาราม อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เป็นเวลา10 วัน เมื่อสึกออกมา ได้ไปอาศัยอยู่บ้านญาติซึ่งอยู่ใกล้กัน และจะกลับมาดูแลบ้านเป็นครั้งคราว” เพื่อนบ้านรายเดิมกล่าว
เวลาผ่านไปเป็นเดือนไม่มีข่าวคราวของลูก นายตุ๊ และนางพิศมัย แพทย์จันลา พ่อแม่ทุกข์ร้อนใจยิ่งนัก เดินทางไปหาลูกที่บ้าน นายประสิทธิ์ แต่ได้รับคำตอบจากปากลูกเขยเหมือนที่ชาวบ้านได้รับ
จากเดือนเลื่อนเป็นปีและ 2 ปีผ่าน... ลูกสาวไม่เคยติดต่อกลับบ้านเลย จึงสงสัยว่าจะมีเหตุร้ายกับลูก หัวอกคนเป็นแม่ ทนร้อนรุ่มใจไม่ไหว ลงทุนนั่งรถทัวร์จากอุดรธานี มาหาลูกที่กระบี่อีกครั้ง
ตะวันกำลังลับแสงในหุบเขา ความมืดห่มคลุมป่ายาง ขณะ นางพิศมัย กำลังจ้ำอ้าวเดินเข้าไปบ้านลูกเขย ปรากฏว่ามีมือหนึ่งคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อ “เข้าไปเดี๊ยวก็ถูกมันฆ่าหรอก” เสียง เจ้าของมือ เบาเหมือนกระซิบ เมื่อหันไปทางต้นเสียงพบว่าเป็นหญิงวัยกลางคนเพื่อนบ้านที่เคยสนิทชิดเชื้อกันสมัยมาเยี่ยมลูก ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาลากตัว นางพิศมัย เข้าบ้านตัวเองพร้อมเล่าเรื่องราวและข้อระแวงสงสัยที่เกิดขึ้นให้ฟัง
จากนั้น นางพิศมัย จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.อ่าวลึก กระทั่งได้รับการแนะนำให้มาร้องทุกข์กับตำรวจกองปราบปราม ต่อมา พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป.สั่งการให้ พ.ต.อ.ประยนต์ ลาเสือ พ.ต.อ.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ ผกก.ฝป.5 บก.ป. พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง ผกก.ฝป.8 บก.ป. ลงพื้นที่สอบสวนพยานที่เกี่ยวข้อง หลักฐานทุกอย่างมุ่งเป้าไปที่ นายประสิทธิ์ สามี
10 ก.ค.51 พ.ต.อ.ประยนต์ พร้อม เจ้าหน้าที่วิทยาการนำหมายค้นศาลจังหวัดกระบี่เข้าตรวจสอบบ้านพักนายประสิทธิ์ เลขที่ 59 หมู่ 3 ต.อ่าวลึกเหนือ อ.อ่าวลึก ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว 2 หลังปลูกติดกัน แวดล้อมด้วยสวนยางพารา เพื่อหาพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม โดยระหว่างตรวจสอบ สังเกตเห็น บ่อเกรอะหลังบ้านหลังที่ 2 มีลักษณะผิดสังเกต มีดินทรายถมจนเต็มบ่อ จึงขุดพิสูจน์ดูพบกระสอบปุ๋ย ภายในกระสอบดังกล่าวมีโครงกระดูก พร้อมเศษเสื้อผ้าจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงนำขึ้นมาตรวจสอบ และพบว่าเป็นโครงกระดูกของเด็ก
เมื่อขุดลึกลงไปอีก 1.5 เมตร ก็พบโครงกระดูกของผู้ใหญ่ พร้อมเศษชุดชั้นในสภาพเก่า 1 ตัวติดอยู่กับโครงกระดูก ที่กะโหลกศีรษะมีรอยยุบคล้ายถูกตีด้วยของแข็ง จึงเก็บหลักฐานทั้งหมดส่งตรวจพิสูจน์ ปรากฏว่าเป็นโครงกระดูกร่างของนางลำใยกับลูกชายจริง จึงขออนุมัติหมายจับและตามไปรวบตัว นายประสิทธิ์ ที่บ้านพักอีกหลังหนึ่ง ในย่านดังกล่าวขณะกำลังอยู่กับภรรยาใหม่ที่ตั้งท้องได้ 7 เดือนแล้ว
นายประสิทธิ์ ฆาตกรโหดรับสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้านว่า วันเกิดเหตุ ทะเลาะกับนางลำใยอย่างรุนแรงหลังจากจับได้ว่านางลำใยแอบส่งเงินกลับบ้าน ขณะนั้นนางลำใย กำลังอุ้มลูกอยู่ พร้อมนำไม้กวาดมาตี จึงบันดาลโทสะ คว้าท่อนไม้ยางพาราฟาดไปถูกศีรษะลูกชายจนแน่นิ่ง แล้วหันไปกระหน่ำตีภรรยาอีก 3-4 ครั้งจนสลบไปอีกราย
"จากนั้นได้นำร่างภรรยาและลูกชายไป โยนลงบ่อเกรอะหลังบ้านและตัดคอสุนัขที่เลี้ยงไว้ทับด้านบน ก่อนจะตักดินทรายฝังกลบ ด้วยเนื่องจากกลัวว่าศพทั้งสองจะส่งกลิ่นจนทำให้สุนัขไปคุ้ยเขี่ย และหากชาวบ้านแถวนั้นได้กลิ่นก็จะได้อ้างว่าเป็นกลิ่นสุนัขตาย" ฆาตรกรจิตใจผิดมนุษย์มนา กล่าว
ในวันทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายประสิทธิ์ ได้ขอขมาลาโทษ นายตุ๊ และนางพิศมัย บิดามารดาของนางลำใย ทั้งสองถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่และต่อว่านายประสิทธิ์ว่า” หากเลี้ยงลูกสาวไม่ได้ก็น่าจะบอก พวกตนจะได้พากลับบ้านเพราะพวกตนเลี้ยงลูกเองได้”
นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังพูดจายียวนกวนประสาทระหว่างแถลงข่าวอีกว่าว่า "มันมีชู้" ทำเอาพ.ต.อ.ประยนต์ ถึงกับตบะแตกตวาดลั่นกลับไปว่า “ไอ้ใจสัตว์ มึงยังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า ?”
คดีนี้ ต้องชื่นชมตำรวจกองปราบปรามที่เอาใจใส่ และสืบสวนจนข้อเท็จจริงปรากฏ ไม่เช่นนั้น ยังไม่รู้ว่า นางลำใยและลูก จะตกเป็นเหยื่อรายสุดท้ายของนายประสิทธิ์หรือไม่ หรือว่า อาจจะมีเหยื่อรายอื่น ต้องสังเวยความเป็นสัตว์นรกของนายประสิทธิ์อีกกี่ราย
10 กว่าปีที่แล้ว เด็กสาวจากอีสานเหนือ หนีความแร้นแค้นจากบ้านเกิดเมืองนอนไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ และนี่คือสถานที่เริ่มต้นชีวิตใหม่ของ “ลำใย” เมื่อพบรักกับ นายประสิทธิ์ หนุ่มใต้ผิวเข้ม ก่อนทั้งคู่ตกลงปลงใจอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาโดยยึดอาชีพทำสวนยาง จนมี ด.ช.พรเทพ เป็นบุตรสืบสกุล
“ปกติคู่นี้มักทะเลาะกันเป็นประจำประสาผัวเมีย ซึ่งเปรียบเหมือนลิ้นกับฟัน แต่ฝ่ายสามีอารมณ์รุนแรง โมโหร้าย ส่วน นางลำใย ตกเป็นเบี้ยล่างยอมเป็นกระสอบทรายให้คู่ชีวิตระบายอารมณ์ใส่เป็นประจำ”เพื่อนบ้านรายหนึ่งให้ข้อมูล
แต่เสียงวิวาทเมื่อกลางดึกวันที่ 12 เม.ย.2549 ดูรุนแรงกว่าปกติและ เสียงร้องขอความช่วยเหลือของ นางลำใย ได้ทำลายความเงียบในยามค่ำคืนอันสงัด เพื่อนบ้านต่างเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่มีใคร กล้าเข้าไปเกี่ยวดองหนองยุ่ง เนื่องจากรู้กิตติศัพท์ นายประสิทธิ์ ดีว่า ลองบ้าขึ้นแล้วไม่มีสิ่งใดมายับยั้งเขาได้ หลังจากนั้นไม่มีใครเห็นเธอและบุตรชายอีกเลย
“ เมื่อใครถามถึงเรื่องลูกเมีย ไอ้เล็กมันจะบอกว่า “มันพาลูกหนีตามชู้พร้อมเงินแสนไปแล้ว” หลังจากนั้นไม่กี่วัน นายประสิทธิ์ ก็ไปบวชพระอยู่ที่วัดเทวดาราม อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช เป็นเวลา10 วัน เมื่อสึกออกมา ได้ไปอาศัยอยู่บ้านญาติซึ่งอยู่ใกล้กัน และจะกลับมาดูแลบ้านเป็นครั้งคราว” เพื่อนบ้านรายเดิมกล่าว
เวลาผ่านไปเป็นเดือนไม่มีข่าวคราวของลูก นายตุ๊ และนางพิศมัย แพทย์จันลา พ่อแม่ทุกข์ร้อนใจยิ่งนัก เดินทางไปหาลูกที่บ้าน นายประสิทธิ์ แต่ได้รับคำตอบจากปากลูกเขยเหมือนที่ชาวบ้านได้รับ
จากเดือนเลื่อนเป็นปีและ 2 ปีผ่าน... ลูกสาวไม่เคยติดต่อกลับบ้านเลย จึงสงสัยว่าจะมีเหตุร้ายกับลูก หัวอกคนเป็นแม่ ทนร้อนรุ่มใจไม่ไหว ลงทุนนั่งรถทัวร์จากอุดรธานี มาหาลูกที่กระบี่อีกครั้ง
ตะวันกำลังลับแสงในหุบเขา ความมืดห่มคลุมป่ายาง ขณะ นางพิศมัย กำลังจ้ำอ้าวเดินเข้าไปบ้านลูกเขย ปรากฏว่ามีมือหนึ่งคว้าหมับเข้าที่คอเสื้อ “เข้าไปเดี๊ยวก็ถูกมันฆ่าหรอก” เสียง เจ้าของมือ เบาเหมือนกระซิบ เมื่อหันไปทางต้นเสียงพบว่าเป็นหญิงวัยกลางคนเพื่อนบ้านที่เคยสนิทชิดเชื้อกันสมัยมาเยี่ยมลูก ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาลากตัว นางพิศมัย เข้าบ้านตัวเองพร้อมเล่าเรื่องราวและข้อระแวงสงสัยที่เกิดขึ้นให้ฟัง
จากนั้น นางพิศมัย จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.อ่าวลึก กระทั่งได้รับการแนะนำให้มาร้องทุกข์กับตำรวจกองปราบปราม ต่อมา พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบก.ป.สั่งการให้ พ.ต.อ.ประยนต์ ลาเสือ พ.ต.อ.ฐิติราช หนองหาญพิทักษ์ รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ ผกก.ฝป.5 บก.ป. พ.ต.อ.กิตติ สะเภาทอง ผกก.ฝป.8 บก.ป. ลงพื้นที่สอบสวนพยานที่เกี่ยวข้อง หลักฐานทุกอย่างมุ่งเป้าไปที่ นายประสิทธิ์ สามี
10 ก.ค.51 พ.ต.อ.ประยนต์ พร้อม เจ้าหน้าที่วิทยาการนำหมายค้นศาลจังหวัดกระบี่เข้าตรวจสอบบ้านพักนายประสิทธิ์ เลขที่ 59 หมู่ 3 ต.อ่าวลึกเหนือ อ.อ่าวลึก ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียว 2 หลังปลูกติดกัน แวดล้อมด้วยสวนยางพารา เพื่อหาพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม โดยระหว่างตรวจสอบ สังเกตเห็น บ่อเกรอะหลังบ้านหลังที่ 2 มีลักษณะผิดสังเกต มีดินทรายถมจนเต็มบ่อ จึงขุดพิสูจน์ดูพบกระสอบปุ๋ย ภายในกระสอบดังกล่าวมีโครงกระดูก พร้อมเศษเสื้อผ้าจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงนำขึ้นมาตรวจสอบ และพบว่าเป็นโครงกระดูกของเด็ก
เมื่อขุดลึกลงไปอีก 1.5 เมตร ก็พบโครงกระดูกของผู้ใหญ่ พร้อมเศษชุดชั้นในสภาพเก่า 1 ตัวติดอยู่กับโครงกระดูก ที่กะโหลกศีรษะมีรอยยุบคล้ายถูกตีด้วยของแข็ง จึงเก็บหลักฐานทั้งหมดส่งตรวจพิสูจน์ ปรากฏว่าเป็นโครงกระดูกร่างของนางลำใยกับลูกชายจริง จึงขออนุมัติหมายจับและตามไปรวบตัว นายประสิทธิ์ ที่บ้านพักอีกหลังหนึ่ง ในย่านดังกล่าวขณะกำลังอยู่กับภรรยาใหม่ที่ตั้งท้องได้ 7 เดือนแล้ว
นายประสิทธิ์ ฆาตกรโหดรับสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้านว่า วันเกิดเหตุ ทะเลาะกับนางลำใยอย่างรุนแรงหลังจากจับได้ว่านางลำใยแอบส่งเงินกลับบ้าน ขณะนั้นนางลำใย กำลังอุ้มลูกอยู่ พร้อมนำไม้กวาดมาตี จึงบันดาลโทสะ คว้าท่อนไม้ยางพาราฟาดไปถูกศีรษะลูกชายจนแน่นิ่ง แล้วหันไปกระหน่ำตีภรรยาอีก 3-4 ครั้งจนสลบไปอีกราย
"จากนั้นได้นำร่างภรรยาและลูกชายไป โยนลงบ่อเกรอะหลังบ้านและตัดคอสุนัขที่เลี้ยงไว้ทับด้านบน ก่อนจะตักดินทรายฝังกลบ ด้วยเนื่องจากกลัวว่าศพทั้งสองจะส่งกลิ่นจนทำให้สุนัขไปคุ้ยเขี่ย และหากชาวบ้านแถวนั้นได้กลิ่นก็จะได้อ้างว่าเป็นกลิ่นสุนัขตาย" ฆาตรกรจิตใจผิดมนุษย์มนา กล่าว
ในวันทำแผนประกอบคำรับสารภาพ นายประสิทธิ์ ได้ขอขมาลาโทษ นายตุ๊ และนางพิศมัย บิดามารดาของนางลำใย ทั้งสองถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่และต่อว่านายประสิทธิ์ว่า” หากเลี้ยงลูกสาวไม่ได้ก็น่าจะบอก พวกตนจะได้พากลับบ้านเพราะพวกตนเลี้ยงลูกเองได้”
นอกจากนี้ ผู้ต้องหายังพูดจายียวนกวนประสาทระหว่างแถลงข่าวอีกว่าว่า "มันมีชู้" ทำเอาพ.ต.อ.ประยนต์ ถึงกับตบะแตกตวาดลั่นกลับไปว่า “ไอ้ใจสัตว์ มึงยังมีความเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า ?”
คดีนี้ ต้องชื่นชมตำรวจกองปราบปรามที่เอาใจใส่ และสืบสวนจนข้อเท็จจริงปรากฏ ไม่เช่นนั้น ยังไม่รู้ว่า นางลำใยและลูก จะตกเป็นเหยื่อรายสุดท้ายของนายประสิทธิ์หรือไม่ หรือว่า อาจจะมีเหยื่อรายอื่น ต้องสังเวยความเป็นสัตว์นรกของนายประสิทธิ์อีกกี่ราย