xs
xsm
sm
md
lg

“หมัก” กู่ไม่กลับ อ้าง รธน.ไม่บังคับพูดสุภาพกับสื่อ - ตะแบงแก้ รธน.เพื่อ “แม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“หมัก” จ้อผ่าน “เอ็นบีที” ตอน 2 ยันไม่คิดปรับตัวเข้าหาสื่อ อ้างไม่มี รธน.มาตราไหนบังคับนายกฯ ต้องพูดสุภาพกับนักข่าว เล่นลิ้น “จะให้กราบสามทีก่อนคุยหรือ” อ้างอีก ไม่ได้ขอข้าวนักข่าวกิน ต่างคนต่างอยู่ดีแล้ว พร้อมตะแบงเหตุผลเดิมๆ ดันทุรังแก้ไข รธน.โดยไม่มี ส.ส.ร.ส่วนปัญหาภาคใต้ ไม่จำเป็นที่นายกฯ ต้องลงพื้นที่เอง แค่อ่านรายงานก็พอแล้ว

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการถามจริง-ตอบตรง

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ถามจริง ตอบตรง” ดำเนินรายการโดย นายจอม เพชรประดับ โดยบันทึกเทปตั้งแต่วันที่ 5 พ.ค.2550 แบ่งการสัมภาษณ์เป็นสองตอน ซึ่งตอนแรกนำเสนอไปแล้ววานนี้ และนำตอนที่สองมาเผยแพร่ในวันนี้ (7 พ.ค.)

ผู้ดำเนินรายการสอบถามถึงเรื่องของการแก้ไข รธน.ว่า ทางรัฐบาลยังยืนยันที่จะแก้ไข รธน.ต่อไปหรือไม่ นายสมัคร กล่าวว่า จะแก้ และยังสงสัยว่า ทำไม่ถึงจะแก้ไม่ได้ เพราะเมื่อตอนที่ คมช.ทำรัฐประหารแล้วฉีก รธน.ปี 40 ทิ้งทั้งฉบับยังทำได้ ไม่เห็นมีใครคัดค้าน แล้วตอนนี้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีสิทธิมีเสียงในสภาที่จะแก้ได้ ก็กลับมาคัดค้าน และสาเหตุที่ต้องแก้ รธน.นั้น ก็เพราะข้อกฎหมายใน รธน.ปี 50 นั้นไม่ถูกต้องหลายมาตรา เช่น มาตรา 237 ซึ่งเป็นข้อกฎหมายมัดคอ ที่จะเอากันให้ตาย ต้องการจะยุบพรรคการเมืองได้ง่ายๆ

กรณีที่มีการเรียกร้องว่าจะแก้ รธน.ต้องฟังเสียงประชามติรับ รธน.14 ล้านเสียงนั้น นายสมัครกล่าวว่า เวลาพูดก็พูดถึงแต่คนที่รับ 14 ล้านเสียง แต่คนที่ไม่รับประชามติ 10 ล้านเสียงไม่เห็นมีใครพูดถึง และตนคิดว่าคนที่ลงคะแนนรับร่าง รธน.นั้น ไม่ค่อยรู้รายละเอียดของ รธน.แต่คนที่รู้รายละเอียดเขาก็ไม่รับ และบางคนที่ลงคะแนนรับร่าง รธน.ก็ยังรับ เพราะต้องการให้มีการเลือกตั้งไปก่อน แล้วค่อยมาแก้ไขกันภายหลัง ซึ่งตอนหาเสียงพรรคพลังประชาชนก็บอกไว้แล้วว่าจะแก้ รธน. แต่พอได้เข้ามาเป็นรัฐบาล แล้วจะแก้ไขจริงๆ ก็มาถูกคัดค้าน

นายสมัคร กล่าวด้วยว่า “ถ้าไม่มีพรรคการเมืองที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี หรือพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาลสมัยนู้น ป่านนี้ รธน.ปี 40 ก็ยังคงใช้อยู่ แต่สิ่งที่เค้ากำลังทำอยู่ตอนนี้ที่กล่าวหาว่า รธน.ปี 40 ไม่ดีนั้น จริงๆ แล้วสาเหตุเป็นเพราะเค้าเกลียดอดีตนายกฯทักษิณ เค้าก็เลยหาข้ออ้างมาปฏิวัติ แล้ว รธน.ปี 40 นี้มันซวย เพราะเค้าหาว่าเป็น รธน.ที่เอื้อประโยชน์ให้กับนายกฯทักษิณ ก็เลยโดนฉีกทิ้ง”

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า กรณีที่ตอนนี้มีคนเสนอว่าให้แก้ รธน.โดยวิธีการตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) นั้น นายสมัคร กล่าวว่า ส.ส.ร.เป็นผู้วิเศษหรืออย่างไร จึงต้องการกันนัก แต่ก็ไม่เป็นไรหากว่ายกย่องว่า ส.ส.ร.ดีนัก ยอมรับกันนัก ก็อยากจะถามว่าในเมื่อตอนนี้เราก็นำ รธน.ปี 40 มาเป็นหลักในการแก้แล้ว ซึ่ง รธน.ปี 40 ก็ร่างมาโดย ส.ส.ร.เช่นกัน ดังนั้น ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องตั้ง ส.ส.ร.กันใหม่อีก

ต่อคำถามที่ว่า ครั้งแรก นายสมัคร เคยกล่าวว่าไม่เห็นด้วยกับการแก้ รธน.มาตรา 309 ที่อาจส่งผลถึงการดำเนินคดีของอดีตนายกฯทักษิณนั้น นายสมัคร กล่าวว่า จนถึงตอนนี้ตนก็ไม่เห็นด้วยที่จะแก้มาตรา 309 แต่เสียงตนก็ถือเป็นหนึ่งเสียง และถึงเป็นหัวหน้าพรรคก็คงบังคับลูกพรรคให้เห็นตามไม่ได้ เพราะพรรคใช้วิธีการโหวตก็คงต้องเป็นไปตามมติพรรค แต่อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่า การแก้มาตราดังกล่าวก็ไม่เกี่ยวกับการเอื้อประโยชน์ให้กับอดีตนายกฯอยู่ดี และอยากยืนยันว่า การแก้ รธน.ครั้งนี้ ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับคดียุบพรรค ถึงแม้ตนจะเคยบอกไว้ว่าจะแก้ รธน.ก่อนหมดวาระรัฐบาล 3 เดือน แต่มาตอนนี้ใบแดงก็ออกมาเรื่อยๆ จนตอนนี้อีกไม่นาน 3 พรรคร่วมรัฐบาลก็จะถูกยุบ และหากเป็นเช่นนั้นก็จะมีปัญหาตามมา ดังนั้น เมื่อเรามีเสียงมากพอที่จะแก้ไขได้ ทำไมเราไม่แก้ไขเสีย ถ้ามีโอกาสไม่แก้แล้วใครจะแก้ และการแก้นี้ก็ไม่ได้แก้เพื่อตัวเองแต่แก้เพื่อวันข้างหน้า

ต่อคำถามที่ว่าพรรคชาติไทย และพรรคเพื่อแผ่นดิน เคยยื่นเงื่อนไขการเข้าร่วมรัฐบาลเอาไว้ว่า รัฐบาลจะต้องไม่ยุ่งกับอำนาจของ คตส.และ ป.ป.ช.นั้น ตอนนี้รัฐบาลจะมีวิธีอย่างไรในการทำความเข้าใจกับพรรคทั้งสอง นายสมัครกล่าวว่า ในวันที่ 7 พ.ค.ตนมีกำหนดนัดกินข้าวกับหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล ตนก็จะพูดคุยว่ามันคนละเรื่องกัน เพราะเมื่อคุณเข้าร่วมรัฐบาลแล้ว รัฐบาลก็มีหน้าที่ในการดูแลปัญหาบ้านเมือง แต่การแก้ รธน.เป็นเรื่องของสภา ไม่เกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาล ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันว่ามันคนละส่วน เช่นเดียวกับที่ตอนนี้มีหลายฝ่ายออกมาบอกว่า เหตุใดรัฐบาลจึงยุ่งอยู่แต่กับการแก้ รธน.ไม่สนใจปัญหาบ้านเมืองนั้น ตนอยากจะบอกว่า รัฐบาลมีหน้าที่ในการบริหารบ้านเมืองก็บริหารบ้านเมืองไป แต่สภาซึ่งเป็นฝั่งที่ดูแลเรื่องแก้ รธน.ก็แก้กันไป ทั้งสองส่วนไม่เกี่ยวกัน

เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่าหากยังยืนยันว่าจะแก้ รธน.เกรงหรือไม่ว่าจะเกิดวิกฤตินั้น นายสมัครกล่าวว่า จะเกิดวิกฤติได้อย่างไร ในเมื่อเราไม่ได้แก้ รธน.เพื่อรัฐบาลชุดนี้ แต่แก้เพื่อวันข้างหน้า เวลามีใครมาสมัครรับเลือกตั้งจะได้มีอะไรดียิ่งขึ้น และตนก็ไม่เห็นว่า แก้ รธน.มันจะทำให้ใครเดือดร้อนตรงไหน

เมื่อถามต่อว่า ถ้าแก้ รธน.ไม่สำเร็จ จะยุบสภาหรือไม่ นายสมัคร กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า “ยุบทำไม ผมยังบริหารอยู่จะยุบทำไม มีเสียงแก้ได้ตอนนี้ยังโดนต่อต้านไม่ให้แก้ แล้วเลือกตั้งใหม่ ใครจะมาก็ไม่รู้ เอ๊ะ! ถามทำไม ถามอย่างนี้ได้ยังไง”

ส่วนกรณีที่ตอนนี้ตัว นายสมัคร เองมีข้อพิพาทกับสื่อบ่อยครั้ง จนถึงขั้นนายสมัครออกมาบอกว่าจะต่างคนต่างอยู่กับสื่อนั้น ถามว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายสมัคร กล่าวว่า ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ในเมื่อสื่อว่าตนเสียหาย ก็ต้องต่างคนต่างเดินจะได้หมดปัญหา

“คุณว่าผมทำอะไรผิด คนที่พูดไม่มีหางเสียงผิดเหรอ แล้วต้องทำยังไงถึงจะมีท่าทางเป็นมิตร ผมเจอนักข่าวต้องเข้าไปกอด หรือเอาผ้าปูแล้วกราบสามทีก่อนค่อยคุยอย่างนั้นเหรอ แล้วผมเคยไปสั่งให้นักข่าวปรับตัวเหรอ ถามยั่ว ถามยวน ถามกวนประสาท ผมเคยสั่งมั้ย มันก็เรื่องของเขา แล้วนักข่าวมีหน้าที่ตรวจสอบท้วงติง ทำได้ข้างเดียวเหรอ แล้วผมก็มีหน้าที่ยอมให้เขาโขกสับเหรอ แล้วมันมี รธน.มาตราไหนที่ระบุไว้ว่านายกต้องพูดสุภาพกับผู้สื่อข่าว ผมก็พูดเรียบร้อยธรรมดา และผมก็คิดว่า ที่ผมพูดผมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดในบ้านเมืองนี้ แต่มาเขียนวิเคราะห์กัน ว่ากันถึงขนาดว่า ผมเนี่ยะเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งที่ออกทางปากอย่างนี้”

ส่วนเรื่องที่ว่าจะต้องปรับความเข้าใจกับนักข่าวหรือไม่นั้น นายสมัคร กล่าวว่า คงไม่จำเป็นเพราะต่างคนต่างอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้ว แต่ถ้ามีเรื่องอะไรที่จำเป็นต้องแถลงจริงๆ ก็จะแถลงตามสมควร แต่ถ้าเป็นไปได้ตนก็จะเลี่ยง เพราะยังไงก็มีโฆษกทำหน้าที่พูดแทนแล้ว

“ผมก็ไม่ได้ขอข้าวเขากิน เค้าก็ไม่ได้มาขอข้าวผมกิน ต่างคนต่างอยู่ก็ดีแล้ว การพูดของผม ผมก็ใช้รายการสนทนาประสาสมัครของผมวันอาทิตย์ไง ดังนั้น วันอังคาร กับวันศุกร์ ที่ผมเคยให้สัมภาษณ์ผมก็จะไม่ให้สัมภาษณ์แล้วผมจะไปทำอย่างอื่น”

ต่อคำถามที่ว่า ดูเหมือนว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่ค่อยให้ความสำคัญกับปัญหาภาคใต้ และตัวนายสมัครเองก็ไม่เคยเดินทางลงไปภาคใต้เลยนั้น นายสมัครกล่าวว่า ถ้าตนจะไปภาคใต้วันไหนก็ไม่จำเป็นต้องพูดหรอก แต่ถ้าไปเมื่อไหร่ก็จะรู้กันเอง และตนไม่จำเป็นต้องไปเองก็ได้ สามารถอ่านรายงานที่ส่งมาก็รับทราบข้อมูลแล้ว และสถานการณ์ทางใต้ ตอนนี้ก็มีคนคอยดูอยู่แล้ว ซึ่งตนก็ดูรายงานความคืบหน้าการแก้ปัญหาอยู่ตลอด รวมถึงการสั่งการและอนุมัติเรื่องต่าง ๆ ตนก็เป็นคนควบคุมสั่งการตลอดอยู่แล้ว และตอนนี้สถานการณ์ก็ดีขึ้นแล้วตนคงไม่จำเป็นต้องไป เพราะการเดินทางไปอาจเหมือนเป็นการลองดี หรือยั่วยวนก็ได้

กำลังโหลดความคิดเห็น