“สิงห์บลูส์” เชลซี แค่บุกเสมอ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน 0-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดมันเดย์ไนท์ เนื่องจาก จอห์น เทอร์รี โดนไล่ออกจากสนามตั้งแต่ครึ่งแรก จึงไม่สามารถแซง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงได้
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เอฟเวอร์ตัน 0-0 เชลซี
เดวิด มอยส์ ยังมีปัญหาในการจัดแนวรุก “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ในการเจอกับ “สิงห์บลูส์” เชลซี ในบ้านเนื่องจากกองหน้าล้วนประสบปัญหาบาดเจ็บจึงต้องดัน ทิม เคฮิลล์ ไปยืนค้ำ โดยมี มิเกล อาร์เตตา กับ สตีเวน พีนาร์ เสริมงานอยู่ด้านหลัง ส่วน หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี ยังใช้แท็คติกเดิมให้ จอห์น โอบี มิเกล ตัดเกมหน้าแผงหลัง แดนกลางอัดแน่นด้วย เดโก ซูซา, แฟรงค์ แลมพาร์ด และ มิชาเอล บัลลัค ข้างหน้าห้อย นิโกลาส์ อเนลกา ไว้เพียงคนเดียว
เริ่มเกมการแข่งขัน เชลซี ไม่รอช้าเดินเกมบุกใส่ เอฟเวอร์ตัน ทันทีและก็ได้ลุ้นตั้งแต่นาทีที่ 2 แอชลีย์ โคล เติมขึ้นมาฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยซ้ายร้อนถึง ทิม ฮาวเวิร์ด ต้องปัดพ้นคานไป เจ้าถิ่นตั้งเกมสู้ได้บ้าง ฟิล เนวิลล์ ลองซัดไกลจากนอกกรอบเรียดไปเข้ามือ ปีเตอร์ เช็ก เกมช่วง 15 นาทีแรก “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ทำได้ดีทีเดียวดันเกมขึ้นไปปั่นป่วนแผงเกมรับทีมเยือนได้พอสมควร แต่แฟนๆ เจ้าบ้านหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเห็น อเล็กซ์ เติมขึ้นไปโหม่งต่อให้ นิโกลาส์ อเนลกา ปาดยิงบอลกระแทกเสาแต่จังหวะดังกล่าวผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าไปแล้ว
ห้านาทีถัดมา เชลซี ได้เสียวอีกครั้ง เดโก ซูซา ยิงติดบล็อกกองหลังกระดอนให้ อเนลกา แตะคืนหลัง แฟรงค์ แลมพาร์ด เข้ามาซัดบอลแฉลบศีรษะ ฟิล จากีลกา ข้ามคานไป ถึงนาทีที่ 35 สถานการณ์ของ “สิงห์บลูส์” ไม่ดีเสียแล้วเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่อ จอห์น เทอร์รี พุ่งยันใส่หน้าแข้ง ลีออน ออสแมน ผู้ตัดสิน ฟิล ดาวด์ จึงตัดสินใจชักใบแดงไล่ปราการหลังกัปตันทีมเชลซี ออกจากสนามทันที จากนั้นเป็น เอฟเวอร์ตัน ที่กล้าดันเกมบุกมากขึ้น โจเซป โยโบ เติมขึ้นมาในกรอบโทษก่อนหมุนตัวยิงติดเซฟ เช็ก จบ 45 นาทีแรกสกอร์ตรึงอยู่ที่ 0-0
เปิดฉากครึ่งหลัง หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี ปรับหมากให้ทีมเยือนส่ง บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ลงไปค้ำหลังถอด โจ โคล ออกมา ขณะที่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ได้ลงไปล่าตาข่ายแทนที่ อเนลกา แต่เป็นเจ้าถิ่นที่ได้ลุ้นก่อน โทนี ฮิบเบิร์ต เติมขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดไปหน้าประตูให้ มารูยาน เฟลไลนี อาศัยความสูงใหญ่โหม่งได้ก่อนคู่เซ็นเตอร์ “สิงห์บลูส์” แต่บอลพุ่งไปตรงตัว เช็ก ผ่านหนึ่งชั่วโมง เดวิด มอยส์ ต้องถอดเอา โยโบ ที่มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวออกมา ใส่ทาง เลห์ตัน เบนส์ ไปยืนแบ็กซ้ายพร้อมขยับ โจลีน เลสคอต มาเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย เชลซี ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับแล้วคอยสวนกลับเนื่องจากตัวน้อยกว่า แต่ แลมพาร์ด ได้โอกาสเลี้ยงเข้าไปตะบันไกลเหมือนกันทว่าบอลติดไซด์หลุดกรอบ จังหวะถัดมา เอฟเวอร์ตัน เกือบเฮงขึ้นนำ ฮิบเบิร์ต เปิดบอลแฉลบหัวไหล่ “แลมพ์” เกือบเสียบสามเหลี่ยมแต่ เช็ก บินปัดพ้นคานได้ทัน จากลูกเตะมุม เลสคอต เติมขึ้นมาโหม่งลูกเตะมุมบอลย้อยๆ กำลังจะเข้ามุมแต่นายทวารทีมเยือนไม่ยอมพลาดอีกเช่นกัน นาทีที่ 80 เจ้าบ้านน่าจะนำได้ถ้าลูกชาร์จจ่อๆ ของ เฟลไลนี จากการเปิดเข้ามาให้ของ เบนส์ ไม่เฉียดเสาสองไปไม่กี่เซนติเมตร
สี่นาทีถัดมาแฟนๆ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เฮกันเก้อเมื่อเกิดลูกขลุกขลิกกันหน้าประตูทีมเยือนก่อนที่ สตีเวน พีนาร์ จะเตะบอลออกจากมือของ เช็ก เข้าซุกก้นตาข่ายแต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าไปก่อน จนแล้วจนรอดครบ 90 นาทีไม่มีฝ่ายใดทำอะไรกันได้เสมอกันไป 0-0 ทำให้ เชลซี มีเพิ่มเป็น 38 คะแนนจากการลงสนาม 18 นัดยังแซง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ขึ้นไปจ่าฝูงไม่ได้ ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน มีเพิ่มเป็น 26 คะแนน อยู่ในอันดับ 7 ของตาราง
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด , โทนี ฮิบเบิร์ต , ฟิล จากีลกา , โจเซป โยโบ , โจลีน เลสคอต , มิเกล อาร์เตตา , ฟิล เนวิลล์ , มารูยาน เฟลไลนี , ลีออน ออสแมน , สตีเวน พีนาร์ , ทิม เคฮิลล์
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , โฮเซ โบซิงวา , จอห์น เทอร์รี , อเล็กซ์ , แอชลีย์ โคล , จอห์น โอบี มิเกล , เดโก ซูซา , แฟรงค์ แลมพาร์ด , มิชาเอล บัลลัค , โจ โคล , นิโกลาส์ อเนลกา
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
เอฟเวอร์ตัน 0-0 เชลซี
เดวิด มอยส์ ยังมีปัญหาในการจัดแนวรุก “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ในการเจอกับ “สิงห์บลูส์” เชลซี ในบ้านเนื่องจากกองหน้าล้วนประสบปัญหาบาดเจ็บจึงต้องดัน ทิม เคฮิลล์ ไปยืนค้ำ โดยมี มิเกล อาร์เตตา กับ สตีเวน พีนาร์ เสริมงานอยู่ด้านหลัง ส่วน หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี ยังใช้แท็คติกเดิมให้ จอห์น โอบี มิเกล ตัดเกมหน้าแผงหลัง แดนกลางอัดแน่นด้วย เดโก ซูซา, แฟรงค์ แลมพาร์ด และ มิชาเอล บัลลัค ข้างหน้าห้อย นิโกลาส์ อเนลกา ไว้เพียงคนเดียว
เริ่มเกมการแข่งขัน เชลซี ไม่รอช้าเดินเกมบุกใส่ เอฟเวอร์ตัน ทันทีและก็ได้ลุ้นตั้งแต่นาทีที่ 2 แอชลีย์ โคล เติมขึ้นมาฮาล์ฟวอลเลย์ด้วยซ้ายร้อนถึง ทิม ฮาวเวิร์ด ต้องปัดพ้นคานไป เจ้าถิ่นตั้งเกมสู้ได้บ้าง ฟิล เนวิลล์ ลองซัดไกลจากนอกกรอบเรียดไปเข้ามือ ปีเตอร์ เช็ก เกมช่วง 15 นาทีแรก “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ทำได้ดีทีเดียวดันเกมขึ้นไปปั่นป่วนแผงเกมรับทีมเยือนได้พอสมควร แต่แฟนๆ เจ้าบ้านหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อเห็น อเล็กซ์ เติมขึ้นไปโหม่งต่อให้ นิโกลาส์ อเนลกา ปาดยิงบอลกระแทกเสาแต่จังหวะดังกล่าวผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าไปแล้ว
ห้านาทีถัดมา เชลซี ได้เสียวอีกครั้ง เดโก ซูซา ยิงติดบล็อกกองหลังกระดอนให้ อเนลกา แตะคืนหลัง แฟรงค์ แลมพาร์ด เข้ามาซัดบอลแฉลบศีรษะ ฟิล จากีลกา ข้ามคานไป ถึงนาทีที่ 35 สถานการณ์ของ “สิงห์บลูส์” ไม่ดีเสียแล้วเหลือผู้เล่นแค่ 10 คน เมื่อ จอห์น เทอร์รี พุ่งยันใส่หน้าแข้ง ลีออน ออสแมน ผู้ตัดสิน ฟิล ดาวด์ จึงตัดสินใจชักใบแดงไล่ปราการหลังกัปตันทีมเชลซี ออกจากสนามทันที จากนั้นเป็น เอฟเวอร์ตัน ที่กล้าดันเกมบุกมากขึ้น โจเซป โยโบ เติมขึ้นมาในกรอบโทษก่อนหมุนตัวยิงติดเซฟ เช็ก จบ 45 นาทีแรกสกอร์ตรึงอยู่ที่ 0-0
เปิดฉากครึ่งหลัง หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี ปรับหมากให้ทีมเยือนส่ง บรานิสลาฟ อิวาโนวิช ลงไปค้ำหลังถอด โจ โคล ออกมา ขณะที่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ได้ลงไปล่าตาข่ายแทนที่ อเนลกา แต่เป็นเจ้าถิ่นที่ได้ลุ้นก่อน โทนี ฮิบเบิร์ต เติมขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดไปหน้าประตูให้ มารูยาน เฟลไลนี อาศัยความสูงใหญ่โหม่งได้ก่อนคู่เซ็นเตอร์ “สิงห์บลูส์” แต่บอลพุ่งไปตรงตัว เช็ก ผ่านหนึ่งชั่วโมง เดวิด มอยส์ ต้องถอดเอา โยโบ ที่มีอาการบาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวออกมา ใส่ทาง เลห์ตัน เบนส์ ไปยืนแบ็กซ้ายพร้อมขยับ โจลีน เลสคอต มาเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ
เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย เชลซี ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับแล้วคอยสวนกลับเนื่องจากตัวน้อยกว่า แต่ แลมพาร์ด ได้โอกาสเลี้ยงเข้าไปตะบันไกลเหมือนกันทว่าบอลติดไซด์หลุดกรอบ จังหวะถัดมา เอฟเวอร์ตัน เกือบเฮงขึ้นนำ ฮิบเบิร์ต เปิดบอลแฉลบหัวไหล่ “แลมพ์” เกือบเสียบสามเหลี่ยมแต่ เช็ก บินปัดพ้นคานได้ทัน จากลูกเตะมุม เลสคอต เติมขึ้นมาโหม่งลูกเตะมุมบอลย้อยๆ กำลังจะเข้ามุมแต่นายทวารทีมเยือนไม่ยอมพลาดอีกเช่นกัน นาทีที่ 80 เจ้าบ้านน่าจะนำได้ถ้าลูกชาร์จจ่อๆ ของ เฟลไลนี จากการเปิดเข้ามาให้ของ เบนส์ ไม่เฉียดเสาสองไปไม่กี่เซนติเมตร
สี่นาทีถัดมาแฟนๆ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เฮกันเก้อเมื่อเกิดลูกขลุกขลิกกันหน้าประตูทีมเยือนก่อนที่ สตีเวน พีนาร์ จะเตะบอลออกจากมือของ เช็ก เข้าซุกก้นตาข่ายแต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงล้ำหน้าไปก่อน จนแล้วจนรอดครบ 90 นาทีไม่มีฝ่ายใดทำอะไรกันได้เสมอกันไป 0-0 ทำให้ เชลซี มีเพิ่มเป็น 38 คะแนนจากการลงสนาม 18 นัดยังแซง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ขึ้นไปจ่าฝูงไม่ได้ ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน มีเพิ่มเป็น 26 คะแนน อยู่ในอันดับ 7 ของตาราง
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด , โทนี ฮิบเบิร์ต , ฟิล จากีลกา , โจเซป โยโบ , โจลีน เลสคอต , มิเกล อาร์เตตา , ฟิล เนวิลล์ , มารูยาน เฟลไลนี , ลีออน ออสแมน , สตีเวน พีนาร์ , ทิม เคฮิลล์
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , โฮเซ โบซิงวา , จอห์น เทอร์รี , อเล็กซ์ , แอชลีย์ โคล , จอห์น โอบี มิเกล , เดโก ซูซา , แฟรงค์ แลมพาร์ด , มิชาเอล บัลลัค , โจ โคล , นิโกลาส์ อเนลกา
