วิกฤตสิงห์เชิ้ตดำ เหตุเพราะคุณ “ดีไม่พอ”

ก่อนศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2008-2009 จะเปิดฉากขึ้น สมาคมฟุตบอลอังกฤษหรือเอฟเอจัดการประกาศโครงการที่มีชื่อว่า “Respect” หรือ “ความเคารพ” เพื่อต้องการรณรงค์ให้บรรดานักเตะในประเทศเห็นความสำคัญของการให้ความเคารพต่อผู้ตัดสิน แต่หลังจากศึกลูกหนังเมืองผู้ดีหวดกันไปแค่ไม่ถึง 2 เดือน กลับมีเหตุการณ์ตัดสินที่ผิดพลาดเกิดขึ้นในหลายแมตช์ ซึ่งแน่นอนว่าต้องส่งผลกระทบต่อนโยบายดังกล่าวของเอฟเออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จากผลการสำรวจของสมาคมฟุตบอลอังกฤษพบว่าพฤติกรรมการเชียร์และการโต้เถียงคำตัดสินของผู้เล่นส่งผลให้ในปีๆ หนึ่งมีผู้ตัดสินหลายพันคนต้องจำใจหันหลังให้กับอาชีพนี้ อีกทั้งพฤติกรรมเหล่านี้ยังกลายเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เด็กและเยาวชนอีกต่างหาก

ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ ไบรอัน บาร์วิค ผู้บริหารระดับสูงของเอฟเอ มีแนวคิดริเริ่มที่จะจัดโปรแกรมรณรงค์ให้ผู้เล่นแสดงความเคารพต่อการตัดสินของกรรมการให้มากขึ้นเพื่อลดแรงกดดันให้กับผู้ตัดสินยามลงทำหน้าที่กลางสนาม ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการในศึก คอมมูนิตี้ ชิลด์ ระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ปอร์ทสมัธ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา

โดยหัวใจหลักของโครงการนี้อยู่ที่การจำกัดสิทธิ์ให้เฉพาะกัปตันทีมเท่านั้นที่มีอำนาจขอคำอธิบายจากผู้ตัดสินได้ในจังหวะปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเกมการแข่งขัน ขณะที่ผู้จัดการทีมจะต้องมีส่วนร่วมในการควบคุมความประพฤติของลูกทีม ตลอดจนจัดให้มีการประชุมทำความเข้าใจเกี่ยวกับกติกาการเล่นระหว่างผู้ตัดสิน ผู้จัดการทีม และกัปตันทีมของทั้ง 2 ฝ่ายก่อนการแข่งขันทุกนัด

แต่ขณะที่เอฟเอพยายามเรียกร้องให้นักเตะและผู้จัดการทีมให้ความเคารพยำเกรงต่อเจ้าหน้าที่ ผลลัพธ์ที่ปรากฏก็คือภาพการตัดสินที่ผิดพลาดมากมายหลายต่อหลายนัดนับตั้งแต่ศึกพรีเมียร์ลีกเปิดฉากขึ้น โดยหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ชื่อดังประจำแดนผู้ดีอย่าง “เดอะ ซัน ได้ทำการสำรวจวินัยของผู้เล่นในพรีเมียร์ลีก พบว่าแม้ค่าเฉลี่ยของจำนวนใบเหลือใบแดงที่นักเตะได้รับจนถึงตอนนี้จะยังน้อยกว่าเมื่อปีที่แล้ว แต่ เดอะ ซัน ตั้งข้อสังเกตว่าจำนวนการตัดสินอันผิดพลาดที่ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กำลังมีเพิ่มมากขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง

ตัวอย่างเช่น ในศึกแชมเปี้ยนชิป เรดดิ้ง ได้ประตูที่สื่อในประเทศอังกฤษเรียกว่า “ประตูผี” เนื่องจากลูกกลิ้งออกเส้นหลัง แต่กรรมการกลับเป่าให้เป็นประตู ส่งผลให้แข้งทีมเจ้าบ้าน วัตฟอร์ด รุมประท้วง สจวต แอตเวล สิงห์เชิ้ตดำวัย 25 ปีเป็นการใหญ่ เช่นเดียวกับ ร็อบ สไตล์ส ที่ตัดสินใจเป่าจุดโทษให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ทั้งที่ เจย์ลอยด์ ซามูเอล แบ็คโบลตัน เสียบ คริสเตียโน โรนัลโด โดนบอลแบบเนื้อๆ รวมถึงใบแดงที่ จอห์น เทอร์รี ได้รับจากการฟาวล์รุนแรงใส่ โจ หอกดาวรุ่งชาวบราซิเลียนของ แมนฯ ซิตี ที่ผู้ตัดสินมองว่า กัปตันทีมเชลซี เป็นผู้เล่นคนสุดท้ายของฝ่ายรับทั้งที่ยังเหลือ ปีเตอร์ เชก กับ ริคาร์โด คาวัลโญ อยู่ด้านหลัง

ซึ่งต่อมามีการยืนยันถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น โดย ร็อบ สไตล์ส ออกมายอมรับผิดพร้อมขอโทษทีมโบลตันในฐานะผู้เสียหาย ส่วนใบแดงของ เทอร์รี ก็ถูกเอฟเอตัดสินให้ยกเลิก จนทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามขึ้นมาว่าโครงการรณรงค์ให้นักเตะแสดงความเคารพต่อผู้ตัดสินจะประสบความสำเร็จได้อย่างไร หากการตัดสินของกรรมการผู้ดียังมีข้อผิดพลาดให้เห็นได้อย่างชัดเจนขนาดนี้ แม้หลายคนจะแสดงความเห็นใจถึงความยากลำบากในการตัดสินของกรรมการที่มีเวลาเพียงเสี้ยววินาที แต่ก็คงเป็นเรื่องยากที่จะให้ผู้เล่น ผู้จัดการทีม หรือแฟนบอล ยอมสงบปากสงบคำก้มหน้ารับคำตัดสินที่ไม่ถูกต้องเช่นกัน

ขณะที่ โฆษกของเอฟเอ หน่วยงานเจ้าของโครงการยอมรับว่านโยบายนี้คงต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะเห็นผลลัพธ์ "สิ่งที่เรากำลังพยายามทำคือการเปลี่ยนทัศนคติ ตลอดจนเข้าใจว่าความสนุกของเกมฟุตบอลส่วนหนึ่งอยู่ที่ความทุ่มเทและมุ่นมั่นของนักเตะในสนาม แต่เราแค่ต้องการให้นักเตะเคารพผู้ตัดสินให้มากกว่านี้ ซึ่งถือเป็นแผนงานระยะยาว"

แม้เอฟเอยังคงยืนยันที่จะสนับสนุนโครงการนี้ต่อไป อย่างไรก็ตามบรรดาสื่อท้องถิ่นต่างเริ่มเสนอทางเลือกต่างๆ ออกมามากมายเพื่อช่วยลดอัตราความผิดพลาดของผู้ตัดสิน อาทิ การเรียกร้องให้ใช้อดีตนักฟุตบอลมาทำหน้าที่ เนื่องจากเชื่อว่าผู้ที่ผ่านประสบการณ์เป็นนักเตะมาก่อนน่าจะสามารถเข้าใจลูกเล่นและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเกมได้มากกว่า หรือการนำเข้าผู้ตัดสินมือดีจากต่างประเทศและการเพิ่มจำนวนผู้ตัดสิน เช่นเดียวกับการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยที่ยังคงมีเสียงต่อต้านจากกลุ่มที่มองว่าเป็นการลดเสน่ห์ของเกมฟุตบอล

แต่ทว่าดูท่าทีของเอฟเอแล้วคงยังไม่พิจารณาถึงทางเลือกใดๆ ในอนาคตอันใกล้นี้ ดังนั้นสิ่งที่สมาคมฟุตบอลอังกฤษต้องเร่งดำเนินการก่อนที่จะเรียกร้องความเคารพให้กับผู้ตัดสินก็คือการกวดขันการทำหน้าที่ของบรรดาสิงห์เชิ้ตดำให้มีข้อผิดพลาดน้อยที่สุดนั่นเอง เหมือนอย่างที่ เดวิด เมลเลอร์ คอลัมนิสต์จากอีฟนิงสแตนดาร์ด แสดงความเห็นต่อโครงการนี้ไว้ว่า “เหตุผลง่ายๆ ว่าเพราะเหตุใดผู้ตัดสินหลายคนถึงไม่ได้รับความเคารพจากผู้เล่นก็คือพวกเขาดีไม่พอนั้นเอง”