“สิงห์บลูส์” เชลซี อาศัยประตูชัยของ มิคาเอล เอสเซียง ช่วยให้ทีมบุกเฉือน “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน 1-0 ไล่กดดัน “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงพรีเมียร์ชิป อังกฤษ เหลือแค่ 2 แต้มแม้แข่งมากกว่าหนึ่งนัดก็ตาม
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เอฟเวอร์ตัน 0-1 เชลซี
“สิงห์บลูส์” เชลซี กดดันหนักหลังทำได้แค่เสมอ วีแกน แอธเลติก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ตามหลัง “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงห่างถึง 5 แต้ม ดังนั้นเกมเยือนกูดิสัน ปาร์ค อัฟราม แกรนท์ จึงจัดทัพชุดใหญ่ลงสนาม แต่ก็ยังขาด แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ต้องไปเฝ้าคุณแม่ที่ป่วยหนัก ขณะที่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ยังเจ็บเข่าเล่นไม่ไหว ด้าน เดวิด มอยส์ ยังหวังพา “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ลุ้นแซง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล คว้าตั๋วแชมเปี้ยนส์ ลีก ทว่าเกมนี้ยังขาด มิเกล อาร์เตตา กองกลางจอมวางบอลที่ยังไม่ฟิตกลับมา
เริ่มเกมการแข่งขัน เชลซี ซึ่งต้องการสามแต้มในนัดนี้อย่างยิ่งเป็นฝ่ายครองเกมพยายามบุกเข้าใส่ ทว่าโอกาสแรกของแมตช์นี้เป็นของ เอฟเวอร์ตัน และลูกฟรีคิกระยะ 30 หลากระดอนพื้นของ มานูเอล เฟอร์นานเดส เกือบเป็นประตูแต่ ปีเตอร์ เช็ก พุ่งไปปัดบอลพ้นคานได้ในนาทีที่ 15 ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรกยังเป็นทีมเยือนที่ครองบอลได้มากกว่า แต่ก็ยังเจาะแผงรับเจ้าถิ่นไม่ได้ นิโกลาส์ อเนลกา ต้องฉีกตัวเองไปซ้ายขวาเพื่อหาโอกาสแต่ก็ยังไม่ได้จังหวะลุ้นทำสกอร์
ผ่านครึ่งชั่วโมง “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” อาศัยดักจังหวะผิดพลาดของผู้มาเยือนและโต้กลับขึ้นมา เฟอร์นานเดส ลองยิงไกลบอลหลุดกรอบออกไปแบบได้ลุ้น นาทีที่ 34 เชลซี ผ่านโอกาสได้ลุ้นทำประตูเมื่อ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ หลุดขึ้นไปกำลังจะล็อคยิงในเขตโทษแต่โดน ฟิล จากีลกา พุ่งมาเกี่ยวบอลไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ถึงนาทีที่ 41 “สิงห์บลูส์” ขึ้นนำ 1-0 ตามต้องการเมื่อ ไรท์-ฟิลลิปส์ ชิ่งบอลไปโดนตัว จากีลกา มาเข้าทางให้ มิคาเอล เอสเซียง ยิงบอลผ่านมือ ทิม ฮาวเวิร์ด เข้าไปตุงตาข่าย และก็ถือความได้เปรียบเมื่อจบ 45 นาทีแรก
ลงมาลุยต่อกันในครึ่งหลัง เอฟเวอร์ตัน ที่เสียเปรียบเรื่องสกอร์ลงมาเดินเกมบุกใส่ ในขณะที่ เชลซี ลงไปแพ็คเกมเน้นความปลอดภัยมากขึ้นทำให้เจ้าบ้านมีโอกาสครองเกมได้ นาทีที่ 57 เจ้าถิ่นได้ฟรีคิก เฟอร์นานเดส ซัดบอลแฉลบกำแพงไปเข้าทาง สตีเวน พีนาร์ ที่เตรียมซ้ำแต่โดนกองหลังทีมเยือนอัดคว่ำ อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสิน มาร์ติน แอตกินสัน ไม่ได้เป่าให้ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ได้ประโยชน์แต่อย่างใดเล่นเอาแฟนๆ ส่งเสียงโห่กดดันกันเกรียว
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เดวิด มอยส์ ปรับเกมให้เจ้าบ้านส่ง วิคเตอร์ อนิเชบี ลงมาเติมความสดในแดนหน้าและก็ถอด แอนดรูว์ จอห์นสัน ที่แทบไม่มีบทบาทออกไป พร้อมกับส่ง โธมัส กราเวอเซน ลงมาช่วยแดนกลางแทน พีนาร์ ด้วย แปดนาทีถัดมา เอฟเวอร์ตัน ได้ลุ้นจากฟรีคิกอีกครั้งคราวนี้ เฟอร์นานเดส ตะบันด้วยขวาส่งบอลเฉียดเสาไปอย่างหวุดหวิดที่สุด เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย เชลซี มีโอกาสบ้าง ไรท์-ฟิลลิปส์ จ่ายคืนหลังให้ เอสเซียง ตั้งป้อมยิงไกลแต่บอลก็ลอยหลุดกรอบไป
ท้ายเกม เอฟเวอร์ตัน ดูตีบตันในเกมรุกเนื่องจาก เชลซี ลงไปเน้นป้องกันในแดนตัวเองทิ้งเพียง อเนลกา ไว้ค้ำแผงหลังเจ้าบ้าน ครบ 90 นาทีไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มกันได้ “สิงห์บลูส์” จึงบุกมาตะปบชัยหวิว 1-0 แต่ก็เพียงพอให้ทีมเก็บเพิ่มเป็น 78 คะแนนจากการลงสนาม 35 นัด รั้งอันดับ 2 ของตารางพรีเมียร์ชิปจี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงเหลือแค่สองแต้มแต่ก็แข่งมากกว่า “ผีแดง” หนึ่งนัด ขณะที่ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ยังอยู่ที่ 5 มี 61 คะแนนเท่าเดิม โอกาสลุ้นไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ยากแล้วเพราะยังตาม ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 4 ซึ่งเป็นคู่แข่งร่วมเมืองถึง 5 แต้มแถมยังแข่งมากกว่าหนึ่งนัด
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด , โทนี ฮิบเบิร์ต , ฟิล จากีลกา , โจเซปห์ โยโบ , โจลีน เลสคอตต์ , ฟิล เนวิลล์ , ลี คาร์สลีย์ , สตีเวน พีนาร์ , มานูเอล เฟอร์นานเดส , แอนดรูว์ จอห์นสัน , อเย็กเบนี ยาคูบู
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , เปาโล แฟร์ไรรา , จอห์น เทอร์รี , ริคาร์โด คาร์วัลโญ , แอชลีย์ โคล , ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ , มิคาเอล เอสเซียง , จอห์น โอบี มิเกล , โจ โคล , นิโกลาส์ อเนลกา , ซาโลมอน คาลู
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เอฟเวอร์ตัน 0-1 เชลซี
“สิงห์บลูส์” เชลซี กดดันหนักหลังทำได้แค่เสมอ วีแกน แอธเลติก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาทำให้ตามหลัง “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่าฝูงห่างถึง 5 แต้ม ดังนั้นเกมเยือนกูดิสัน ปาร์ค อัฟราม แกรนท์ จึงจัดทัพชุดใหญ่ลงสนาม แต่ก็ยังขาด แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่ต้องไปเฝ้าคุณแม่ที่ป่วยหนัก ขณะที่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ยังเจ็บเข่าเล่นไม่ไหว ด้าน เดวิด มอยส์ ยังหวังพา “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ลุ้นแซง “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล คว้าตั๋วแชมเปี้ยนส์ ลีก ทว่าเกมนี้ยังขาด มิเกล อาร์เตตา กองกลางจอมวางบอลที่ยังไม่ฟิตกลับมา
เริ่มเกมการแข่งขัน เชลซี ซึ่งต้องการสามแต้มในนัดนี้อย่างยิ่งเป็นฝ่ายครองเกมพยายามบุกเข้าใส่ ทว่าโอกาสแรกของแมตช์นี้เป็นของ เอฟเวอร์ตัน และลูกฟรีคิกระยะ 30 หลากระดอนพื้นของ มานูเอล เฟอร์นานเดส เกือบเป็นประตูแต่ ปีเตอร์ เช็ก พุ่งไปปัดบอลพ้นคานได้ในนาทีที่ 15 ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรกยังเป็นทีมเยือนที่ครองบอลได้มากกว่า แต่ก็ยังเจาะแผงรับเจ้าถิ่นไม่ได้ นิโกลาส์ อเนลกา ต้องฉีกตัวเองไปซ้ายขวาเพื่อหาโอกาสแต่ก็ยังไม่ได้จังหวะลุ้นทำสกอร์
ผ่านครึ่งชั่วโมง “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” อาศัยดักจังหวะผิดพลาดของผู้มาเยือนและโต้กลับขึ้นมา เฟอร์นานเดส ลองยิงไกลบอลหลุดกรอบออกไปแบบได้ลุ้น นาทีที่ 34 เชลซี ผ่านโอกาสได้ลุ้นทำประตูเมื่อ ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ หลุดขึ้นไปกำลังจะล็อคยิงในเขตโทษแต่โดน ฟิล จากีลกา พุ่งมาเกี่ยวบอลไปได้อย่างหวุดหวิด แต่ถึงนาทีที่ 41 “สิงห์บลูส์” ขึ้นนำ 1-0 ตามต้องการเมื่อ ไรท์-ฟิลลิปส์ ชิ่งบอลไปโดนตัว จากีลกา มาเข้าทางให้ มิคาเอล เอสเซียง ยิงบอลผ่านมือ ทิม ฮาวเวิร์ด เข้าไปตุงตาข่าย และก็ถือความได้เปรียบเมื่อจบ 45 นาทีแรก
ลงมาลุยต่อกันในครึ่งหลัง เอฟเวอร์ตัน ที่เสียเปรียบเรื่องสกอร์ลงมาเดินเกมบุกใส่ ในขณะที่ เชลซี ลงไปแพ็คเกมเน้นความปลอดภัยมากขึ้นทำให้เจ้าบ้านมีโอกาสครองเกมได้ นาทีที่ 57 เจ้าถิ่นได้ฟรีคิก เฟอร์นานเดส ซัดบอลแฉลบกำแพงไปเข้าทาง สตีเวน พีนาร์ ที่เตรียมซ้ำแต่โดนกองหลังทีมเยือนอัดคว่ำ อย่างไรก็ตาม ผู้ตัดสิน มาร์ติน แอตกินสัน ไม่ได้เป่าให้ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ได้ประโยชน์แต่อย่างใดเล่นเอาแฟนๆ ส่งเสียงโห่กดดันกันเกรียว
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เดวิด มอยส์ ปรับเกมให้เจ้าบ้านส่ง วิคเตอร์ อนิเชบี ลงมาเติมความสดในแดนหน้าและก็ถอด แอนดรูว์ จอห์นสัน ที่แทบไม่มีบทบาทออกไป พร้อมกับส่ง โธมัส กราเวอเซน ลงมาช่วยแดนกลางแทน พีนาร์ ด้วย แปดนาทีถัดมา เอฟเวอร์ตัน ได้ลุ้นจากฟรีคิกอีกครั้งคราวนี้ เฟอร์นานเดส ตะบันด้วยขวาส่งบอลเฉียดเสาไปอย่างหวุดหวิดที่สุด เข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย เชลซี มีโอกาสบ้าง ไรท์-ฟิลลิปส์ จ่ายคืนหลังให้ เอสเซียง ตั้งป้อมยิงไกลแต่บอลก็ลอยหลุดกรอบไป
ท้ายเกม เอฟเวอร์ตัน ดูตีบตันในเกมรุกเนื่องจาก เชลซี ลงไปเน้นป้องกันในแดนตัวเองทิ้งเพียง อเนลกา ไว้ค้ำแผงหลังเจ้าบ้าน ครบ 90 นาทีไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มกันได้ “สิงห์บลูส์” จึงบุกมาตะปบชัยหวิว 1-0 แต่ก็เพียงพอให้ทีมเก็บเพิ่มเป็น 78 คะแนนจากการลงสนาม 35 นัด รั้งอันดับ 2 ของตารางพรีเมียร์ชิปจี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จ่าฝูงเหลือแค่สองแต้มแต่ก็แข่งมากกว่า “ผีแดง” หนึ่งนัด ขณะที่ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” ยังอยู่ที่ 5 มี 61 คะแนนเท่าเดิม โอกาสลุ้นไปแชมเปี้ยนส์ ลีก ยากแล้วเพราะยังตาม ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 4 ซึ่งเป็นคู่แข่งร่วมเมืองถึง 5 แต้มแถมยังแข่งมากกว่าหนึ่งนัด
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
เอฟเวอร์ตัน : ทิม ฮาวเวิร์ด , โทนี ฮิบเบิร์ต , ฟิล จากีลกา , โจเซปห์ โยโบ , โจลีน เลสคอตต์ , ฟิล เนวิลล์ , ลี คาร์สลีย์ , สตีเวน พีนาร์ , มานูเอล เฟอร์นานเดส , แอนดรูว์ จอห์นสัน , อเย็กเบนี ยาคูบู
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , เปาโล แฟร์ไรรา , จอห์น เทอร์รี , ริคาร์โด คาร์วัลโญ , แอชลีย์ โคล , ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ , มิคาเอล เอสเซียง , จอห์น โอบี มิเกล , โจ โคล , นิโกลาส์ อเนลกา , ซาโลมอน คาลู