เหลืออีกแค่ 3 แมตช์ก็จะถึงครึ่งทางของฤดูกาลนี้ ลิเวอร์พูล ยังคงยืนระยะได้อย่างเหนียวแน่น ให้บรรดา "เดอะ ค็อป" ชื่นใจกันถ้วนหน้าและตามเชียร์กันต่อไป โดยในวันเสาร์ที่ 13 ธันวาคมนี้ จ่าฝูงมีโปรแกรมเปิด แอนฟิลด์ รับมือ ฮัลล์ ซิตี ส่วนอีกคู่ "แชมป์เก่า" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะต้องไปเยือน ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์
ลิเวอร์พูล ได้มุ่งสมาธิมาที่การรักษาเก้าอี้บัลลังก์จ่าฝูงแบบเต็มตัว เนื่องจากศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก อยู่ในช่วงเบรก หลังจากแข่งครบโปรแกรมในรอบแบ่งกลุ่ม "หงส์แดง" ทะยานเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ในฐานะที่ 1 หลังจากเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาส่งตัวจริงผสมผสานตัวสำรองบุกไปเอาชนะ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน 3-1 ทำเอา ราฟาเอล เบนิเตซ หน้าบานเป็นจานเชิง เพราะว่าในรอบ 16 ทีมสุดท้ายจะได้เล่นนัดที่สองในรัง ส่วนจะเจอกับใครนั้นต้องลุ้นผลจับสลากอีกครั้ง
ส่วนเกมรับมือ ฮัลล์ บรรดาตัวจริงอย่าง โฮเซ เรนา, ชาบี อลอนโซ, สตีเวน เจอร์ราร์ด และ เดิร์ก เคาท์ จะคืนทัพออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทั้งหมด เช่นเดียวกับ ไรอัน บาเบล ปีกเลือดดัตช์ มีลุ้นยืนเป็น 11 ตัวแรกนัดที่ 3 ติดต่อกัน หลังเล่นทางกราบขวาได้ดีและยิงได้ในเกมชนะ พีเอสวี แต่ทางด้าน ร็อบบี คีน ยังฝืดต่อไปมีสิทธิหลุดไปเป็นสำรองสูง
ทางด้านทีมเยือน "เจ้าเสือ" ฮัลล์ ฟอร์มยังแรงแบบไม่มีตกรั้งอันดับ 6 อย่างเหนียวแน่น หลังจากแพ้ 3 นัดรวดก็กลับมาได้สำเร็จด้วยการเสมออีก 3 นัดรวด ก่อนที่นัดล่าสุดจะเปิดรัง คิงส์ตัน คอมมูนิเคชันส์ สเตเดียม พลิกชนะ มิดเดิลสโบรช์ 2-1 ซึ่งก็ต้องยกความดีความชอบให้กับกุนซือมาดเข้มอย่าง ฟิล บราวน์
เกมนี้ ฮัลล์ หวังว่าจะได้ แอนดี ดอว์สัน กองหลังคนสำคัญ คืนทัพหลังจากเจ็บต้องวืดใน 4 เกมหลังสุด ส่วนตัวหลักอย่าง มาร์ลอน คิง ดาวยิงที่ซัดไปแล้ว 5 ประตู, จิโอวานนี เพลย์เมกเกอร์ที่กดไปแล้ว 6 ลูก และ ดาเนียล กูแซง แข้งสารพัดประโยชน์ ยังอยู่กันครบครัน รวมถึง นิค บาร์มบี ที่อาจมีลุ้นได้ปะทะทีมเก่าอย่าง ลิเวอร์พูล อีกด้วย
ลิเวอร์พูล ต้องรีบกู้หน้า เพราะ 2 นัดหลังในถิ่น แอนฟิลด์ ทำได้แค่เสมอ ฟูแลม และ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด 0-0 แต่ว่า ฮัลล์ มีฟอร์มนอกบ้านไม่ธรรมดา เนื่องจาก 8 นัดแพ้ไปแค่นัดเดียวเท่านั้น เกมนี้ถือเป็นการเจอกันในลีกสูงสุดเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านี้รวมทุกรายการเคยเจอกันมาแล้ว 12 นัด "หงส์แดง" ไม่เคยแพ้เลยชนะถึง 10 นัด ครั้งสุดท้ายที่เจอกันคือในฤดูกาล 1999-2000 ในศึก ลีก คัพ รอบ 2 ก็เอาชนะไปได้ด้วยสกอร์รวม 2 นัดมโหฬารถึง 9-3
ถัดมาอีกคู่ในค่ำคืนวันเดียวกันถือเป็นคู่เอกประจำสัปดาห์ที่น่าชมอย่างยิ่ง ท็อตแนม ฮ็อทสเปอร์ ที่ผลงานยังคงลุ่มๆ ดอนๆ แต่ก็เริ่มหายใจคล่องขึ้นด้วยการพุ่งขึ้นมารั้งอันดับ 15 จะต้องเปิด ไวท์ ฮาร์ท เลน รับศึกหนักกับ แมนฯยูไนเต็ด ที่ยังคงรั้งอันดับ 3 ตามหลังจ่าฝูง ลิเวอร์พูล 6 แต้ม แต่ว่าแข่งน้อยกว่า 1 นัด
เกมนี้ไฮไลท์ยังอยู่ที่การกลับมาเยือนถิ่นเก่าของ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ดาวยิงบัลแกเรียน หลังจากโยกไปอยู่กับ แมนฯยูไนเต็ด เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ต้องดูปฎิกิริยาของแฟน "ไก่เดือยทอง" ว่าจะต้อนรับอดีตขวัญใจอย่างไร แต่หวังว่าคงไม่เหมือนกับ โซล แคมป์เบลล์ ปราการหลังเด็กสร้างที่โดนจนอ่วมตอนมาเยือนในสีเสื้อ ปอร์ทสมัธ ที่ด่าทอกันรุนแรงจนเรื่องต้องถึงมือตำรวจเลยทีเดียว
นัดล่าสุด สเปอร์ส บุกไปเอาชนะ เวสต์ แฮม 2-0 แฮร์รี เรดแน็ปป์ เหมือนจะค้นพบสูตรและ 11 ตัวจริงที่ต้องการแล้วก็คือ 4-5-1 เกมนี้ก็ยังคงยึดแผนนี้ต่อไป โดยเฉพาะฟอร์มของ อารอน เลนนอน ปีกขวาร่างจิ๋วที่กำลังจัดจ้าน รวมถึง ลูกา โมดริช ตัวรุกชาวโครแอต ส่วนหัวหอกจะเป็นหน้าที่ของคนใดคนหนึ่งระหว่าง โรมัน พาฟลูเชนโก หรือ ดาร์เรน เบนท์ ที่ฝืดพอกัน เพราะทีมเล่นในรัง 8 นัดยิงได้แค่ 7 ลูกเท่านั้นเอง
ฝั่ง แมนฯยูไนเต็ด เพิ่งส่งชุดลูกผสมไล่ตีเสมอ อัลบอร์ก 2-2 ในศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมาพร้อมเข้ารอบต่อไปในฐานะทีมอันดับ 1 ซึ่งก็ต้องถือว่าผลงานของแชมป์เก่ายังไม่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพราะในลีกเกมล่าสุดก็เฉือน ซันเดอร์แลนด์ แบบสุดหืดจากลูกนำชัยแบบมีโชคในนาทีสุดท้าย เกมนี้เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หวังจะเก็บชัยให้ได้เป็นการส่งท้ายก่อนเหินฟ้าไปทำศึก ฟีฟา คลับ เวิลด์ คัพ ที่ประเทศญี่ปุ่น
เกมนี้ แมนฯยู จะไม่มี เวย์น รูนีย์ ดาวยิงคนสำคัญที่ติดโทษแบน ทำให้ เตเบซ ที่ซัดหนึ่งตุงในเกมเจ๊า อัลบอร์ก จะได้ยืนคู่กับ เบอร์บาตอฟ รวมถึง ปาทริค เอฟรา แบ็กซ้ายชาวฝรั่งเศส ก็หมดสิทธิลงเล่นเพราะสะสมใบเหลืองครบ 5 ใบ ก่อนที่จะถูกแบนจากนี้อีก 4 นัด แต่ทว่า คริสเตียโน โรนัลโด ปีกเจ้าของรางวัล "บัลลงดอร์" จะคืนทัพ หลังจากได้พักแบบเต็มๆ ในเกมดังกล่าว
สำหรับ สเปอร์ส แม้ว่าจะเล่นในรัง แต่ว่าคู่ต่อสู้เกมนี้คือ แมนฯยู ที่ว่ากันว่าระยะหลังค่อนข้างจะแพ้ทาง แม้ปีที่แล้วจะเสมอกัน 1-1 แต่ว่าไม่ชนะมาแล้ว 7 ปีติดต่อกัน ฤดูกาลสุดท้ายที่คว้าชัยคือ 2000-01 ด้วยสกอร์ 3-1 จากประตูของ วิลเลียม คอร์สเทน คนเดียวสองลูกและปิดท้ายด้วย เลส เฟอร์ดินานด์
ฟันธง ตรงเผย โดย เซียนไก๋ เจริญกรุง
มิดเดิลสโบรช์ แพ้ อาร์เซนอล 1-3
สโต๊ค เสมอ ฟูแลม 0-0
ซันเดอร์แลนด์ ชนะ เวสต์ บรอม 2-1
วิลลา ชนะ โบลตัน 3-2
ลิเวอร์พูล ชนะ ฮัลล์ 2-1
แมนฯซิตี เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1
วีแกน ชนะ แบล็คเบิร์น 1-0
สเปอร์ส แพ้ แมนฯยู 1-2
ปอร์ทสมัธ ชนะ นิวคาสเซิล 2-0
เชลซี ชนะ เวสต์ แฮม 2-0
โปรแกรมฟุตบอล พรีเมียร์ชิป สุดสัปดาห์นี้
วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2551
มิดเดิลสโบรช์ พบ อาร์เซนอล เวลา 19.45น.
สโต๊ค พบ ฟูแลม เวลา 22.00น.
ซันเดอร์แลนด์ พบ เวสต์ บรอม เวลา 22.00น.
วิลลา พบ โบลตัน เวลา 22.00น.
ลิเวอร์พูล พบ ฮัลล์ เวลา 22.00น.
แมนฯซิตี พบ เอฟเวอร์ตัน เวลา 22.00น.
วีแกน พบ แบล็คเบิร์น เวลา 22.00น.
สเปอร์ส พบ แมนฯยู เวลา 00.30น.
วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2551
ปอร์ทสมัธ พบ นิวคาสเซิล เวลา 20.30น.
เชลซี พบ เวสต์ แฮม เวลา 23.00น.