หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี กุนซือชาวบราซิล ยังคงแสดงท่าทีนิ่งเฉยต่อ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ฮีโร่ที่ลงมาเป็นตัวสำรองแล้วทำประตูชัยให้ เชลซี เฉือน ซีเอฟอาร์ คูล์จ 2-1 โดยยังคงยกให้ นิโกลาส์ อเนลกา เป็นหัวหอกตัวหลักของทีมเหมือนเดิม
“สิงห์บลูส์” ทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกได้สำเร็จในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่ม เอ จากการมี 11 คะแนน หลังเปิดบ้านเอาชนะ คูล์จ จากโรมาเนีย อย่างหวุดหวิด 2-1 โดย ดร็อกบา ถูกเปลี่ยนตัวลงมาสังหารลูกตัดสินเกมในนาทีที่ 71 ซึ่งเพิ่งจะเป็นประตูที่ 2 ของดาวยิงทีมชาติไอวอรีโคสต์ในฤดูกาลนี้ด้วย
แม้ ดร็อกบา จะซัดประตูสำคัญ ทว่า บิ๊กฟิล กลับไม่ให้เครดิตเท่าที่ควร โดยให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า “ต้องไม่ลืมว่าเรามาถึงจุดนี้ได้ รวมทั้งรั้งอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก ก็เพราะศูนย์หน้าตัวหลักของเราอย่าง (นิโกลาส์) อเนลกา ถึง ดร็อกบา จะมีความสำคัญมากและมีฝีเท้ายอดเยี่ยมไม่แพ้ใครในโลก แต่ อเนลกา ก็สำคัญต่อผมไม่แพ้กัน”
เวลานี้ศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศสเป็นดาวซัลโวสูงสุดของ เชลซี จากผลงาน 15 ประตูในซีซันนี้ โดยแบ่งเป็นการยิง 13 ลูกในลีก ซึ่งนำห่างอันดับ 2 อยู่ถึง 5 เม็ด ส่วนการจับคู่กันลงล่าตาข่ายระหว่าง “นิโก” กับ “ดร็อก” นั้น เพิ่งเคยเกิดขึ้นเพียง 2 หนเท่านั้น นับตั้งแต่รายแรกย้ายมาจาก โบลตัน วันเดอเรอร์ส เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ซึ่ง สโคลารี เองก็ยังไม่ฟันธงว่าจะเลือกใช้บริการทั้งคู่พร้อมๆ กันหรือไม่โดยกล่าวว่า “มันเป็นหน้าที่ของผมในการเลือกส่งศูนย์หน้าทั้งสองคนลงเล่นร่วมกัน หรือเลือกเพียงคนใดคนหนึ่งที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อ เชลซี มากกว่า”
“ทุกคนทราบดีว่า ดร็อกบา ไม่ได้ลงสนามในช่วงอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาล หลังจากนั้น เขาก็มาได้รับบาดเจ็บทั้งที่เพิ่งลงเล่นได้ไม่กี่นัด พอกลับมาเล่นได้อีกก็เจ็บอีก และยังติดโทษแบนด้วย (3 นัดจากคดีขว้างเหรียญใส่แฟน เบิร์นลีย์ ในคาร์ลิง คัพ รอบ 4) แต่ตอนนี้เขากลับมาแล้ว ซึ่งก็ถึงเวลาที่ผมจะต้องตัดสินใจ”
เมื่อถูกถามถึงคู่ต่อสู้ในรอบหน้าที่อาจเป็นไปได้ทั้ง บาร์เซโลนา หรือ ยูเวนตุส ผู้จัดการทีมเลือดแซมบ้าตอบว่า “สำหรับผมแล้วจะเจอใครก็ไม่ต่างกัน เพราะทั้ง บาร์เซโลนา, รีล มาดริด, อินเตอร์ มิลาน หรือทีมใดก็ตามที่ผ่านเข้ารอบมาล้วนแข็งแกร่งทั้งหมด ถ้าเราหวังเข้ารอบชิงชนะเลิศก็ต้องผ่านไปให้ได้หมดทุกทีม”
“สิงห์บลูส์” ทะลุเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกได้สำเร็จในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่ม เอ จากการมี 11 คะแนน หลังเปิดบ้านเอาชนะ คูล์จ จากโรมาเนีย อย่างหวุดหวิด 2-1 โดย ดร็อกบา ถูกเปลี่ยนตัวลงมาสังหารลูกตัดสินเกมในนาทีที่ 71 ซึ่งเพิ่งจะเป็นประตูที่ 2 ของดาวยิงทีมชาติไอวอรีโคสต์ในฤดูกาลนี้ด้วย
แม้ ดร็อกบา จะซัดประตูสำคัญ ทว่า บิ๊กฟิล กลับไม่ให้เครดิตเท่าที่ควร โดยให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า “ต้องไม่ลืมว่าเรามาถึงจุดนี้ได้ รวมทั้งรั้งอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีก ก็เพราะศูนย์หน้าตัวหลักของเราอย่าง (นิโกลาส์) อเนลกา ถึง ดร็อกบา จะมีความสำคัญมากและมีฝีเท้ายอดเยี่ยมไม่แพ้ใครในโลก แต่ อเนลกา ก็สำคัญต่อผมไม่แพ้กัน”
เวลานี้ศูนย์หน้าชาวฝรั่งเศสเป็นดาวซัลโวสูงสุดของ เชลซี จากผลงาน 15 ประตูในซีซันนี้ โดยแบ่งเป็นการยิง 13 ลูกในลีก ซึ่งนำห่างอันดับ 2 อยู่ถึง 5 เม็ด ส่วนการจับคู่กันลงล่าตาข่ายระหว่าง “นิโก” กับ “ดร็อก” นั้น เพิ่งเคยเกิดขึ้นเพียง 2 หนเท่านั้น นับตั้งแต่รายแรกย้ายมาจาก โบลตัน วันเดอเรอร์ส เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ซึ่ง สโคลารี เองก็ยังไม่ฟันธงว่าจะเลือกใช้บริการทั้งคู่พร้อมๆ กันหรือไม่โดยกล่าวว่า “มันเป็นหน้าที่ของผมในการเลือกส่งศูนย์หน้าทั้งสองคนลงเล่นร่วมกัน หรือเลือกเพียงคนใดคนหนึ่งที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อ เชลซี มากกว่า”
“ทุกคนทราบดีว่า ดร็อกบา ไม่ได้ลงสนามในช่วงอุ่นเครื่องก่อนเปิดฤดูกาล หลังจากนั้น เขาก็มาได้รับบาดเจ็บทั้งที่เพิ่งลงเล่นได้ไม่กี่นัด พอกลับมาเล่นได้อีกก็เจ็บอีก และยังติดโทษแบนด้วย (3 นัดจากคดีขว้างเหรียญใส่แฟน เบิร์นลีย์ ในคาร์ลิง คัพ รอบ 4) แต่ตอนนี้เขากลับมาแล้ว ซึ่งก็ถึงเวลาที่ผมจะต้องตัดสินใจ”
เมื่อถูกถามถึงคู่ต่อสู้ในรอบหน้าที่อาจเป็นไปได้ทั้ง บาร์เซโลนา หรือ ยูเวนตุส ผู้จัดการทีมเลือดแซมบ้าตอบว่า “สำหรับผมแล้วจะเจอใครก็ไม่ต่างกัน เพราะทั้ง บาร์เซโลนา, รีล มาดริด, อินเตอร์ มิลาน หรือทีมใดก็ตามที่ผ่านเข้ารอบมาล้วนแข็งแกร่งทั้งหมด ถ้าเราหวังเข้ารอบชิงชนะเลิศก็ต้องผ่านไปให้ได้หมดทุกทีม”