ศึก พรีเมียร์ชิป สุดสัปดาห์นี้ทีมแรกที่จะต้องขอโฟกัสเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ลิเวอร์พูล ในฐานะจ่าฝูงทีมใหม่ เพื่อดูว่าจะทนกับแรงเสียดทานได้ดีแค่ไหนในการไปเยือนรัง อีวูด ปาร์ค ของ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ส่วนอีกคู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะรับมือ ซันเดอร์แลนด์ ที่สถานการณ์กำลังร่อแร่ เพราะ รอย คีน เพิ่งลาออก โดยจะเป็น ริกกี เซอบราเกีย สต๊าฟท์โค้ชรับหน้าที่ผู้จัดการทีมชั่วคราว โดยมี นีล เบอร์ลีย์ และ ดไวท์ ยอร์ก เป็นผู้ช่วย
บรรดาสาวก "เดอะ ค็อป" บ่นกันอุบที่ ลิเวอร์พูล ทำได้แค่เปิด แอนฟิลด์ เสมอ เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด 0-0 เพราะพลาดโอกาสทองที่จะทิ้งห่างบรรดาท็อปทรีที่เหลือ แต่ถึงกระนั้นก็เพียงพอที่จะส่งให้ "หงส์แดง" ทะยานขึ้นนำจ่าฝูงเหนือ เชลซี หนึ่งแต้ม ซึ่ง ราฟาเอล เบนิเตซ นายใหญ่ชาวสแปนิช ค่อนข้างพอใจกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ณ เวลานี้
"ผมผิดหวังที่เราทิ้งโอกาสในเกมกับ เวสต์ แฮม ไป แต่ว่าช่วงนี้เมื่อปีที่แล้วเราตามหลัง อาร์เซนอล 9 คะแนน แต่ตอนนี้เรานำ เชลซี หนึ่งแต้ม ดังนั้นจึงถือเป็นตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมและน่าพอใจมาก เพราะแน่นอนบางเกมเราก็เล่นดีบ้างก็เล่นไม่ดี รวมถึงมีบ้างอย่างต้องปรับปรุง เนื่องจากขาดนักเตะตัวหลักหลายคน" เบนิเตซ เผย
เกมนี้ ลิเวอร์พูล ได้พักมาเต็มๆ เนื่องจากตกรอบ คาร์ลิง คัพ ไปแล้วจึงไม่มีคิวเตะเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ แต่ที่ เบนิเตซ ต้องกังวลก็คือจังหวะจบสกอร์ เพราะเสมอ 0-0 มา 2 นัดติดต่อกัน และเป็นการเสมอแบบไร้สกอร์นัดที่ 4 ของฤดูกาล จึงต้องฝากความหวังไว้ที่คู่หน้าทั้ง เดิร์ก เคาท์ และ ร็อบบี คีน โดยเฉพาะรายหลังที่หวังว่าจะคืนฟอร์มเก่งให้เร็วที่สุด
ทางด้านเจ้าถิ่น แบล็คเบิร์น สถานการณ์น่าเป็นห่วงเพิ่งจะแพ้ แมนฯยู 3-5 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายในศึก คาร์ลิง คัพ เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ส่วนในลีกรูดมารั้งรองบ๊วยจากผลงานไร้ชัย 9 นัดหลังสุด แถมแพ้มาแล้ว 4 นัดรวด เกมสุดท้ายที่คว้าชัยต้องย้อนไปในช่วงปลายเดือนกันยายนที่บุกไปเอาชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-1 เลยทีเดียว
ในลีกนัดล่าสุดลูกทีมของ พอล อินซ์ อุตส่าห์บุกไปไล่ตีเสมอ ปอร์ทสมัธ แต่ไม่วายต้องแพ้กลับบ้าน 2-3 เกมนี้ยังคงไม่มีสองกองกลางคนสำคัญทั้ง เดวิด ดันน์ และ สตีเวน รีด ที่ได้รับบาดเจ็บ ต้องฝากความหวังไว้ที่บรรดาแนวรุกอย่าง โรเก ซานตา ครูซ, เบนนี แม็คคาร์ธีย์ และ มอร์เทน กัมส์ท พีเดอร์เซน ที่นัดกันฟอร์มตกระนาว
ฤดูกาลที่แล้ว แบล็คเบิร์น สามารถยันเสมอ ลิเวอร์พูล ที่นี่ 0-0 แถมถัดไปก่อนหน้านั้นหนึ่งฤดูกาลเอาชนะได้ด้วย 1-0 อย่างไรก็ตามปีนี้ "กุหลาบไฟ" ผลงานย่ำแย่ โดยเฉพาะการเล่นในบ้านที่เก็บแต้มได้น้อยที่สุดในลีก แถมยังเสียประตูมากกว่าทีมบ๊วยอย่าง เวสต์ บรอมวิช อัลเบียน ดูแล้วน่าจะรอดยากถ้า "หงส์แดง" ไม่ฝืดเอง
อีกหนึ่งคู่ในค่ำคืนวันเดียวกัน "แชมป์เก่า" แมนฯยูไนเต็ด ที่ขยับขึ้นมาตามหลัง ลิเวอร์พูล เหลือ 6 แต้มแถมแข่งน้อยกว่าหนึ่งนัด จะเปิด โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับมือ ซันเดอร์แลนด์ ที่กุนซือคนคุ้นเคยอย่าง รอย คีน เพิ่งประกาศลาออก เพราะผลงานไม่สู้ดีตกมาอยู่โซนแดงอันดับที่ 18 จากผลงาน 6 นัดหลังสุดแพ้ไปถึง 5 นัดเลยทีเดียว
เจ้าถิ่น แมนฯยู เพิ่งผ่านเกมหนักบุกไปเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี อริร่วมเมือง 1-0 ล่าสุดเมื่อวันพุธที่ผ่านมาก็ทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศในศึก คาร์ลิง คัพ ด้วยการถล่ม แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 5-3 จากการเหมายิง 4 ประตูของ คาร์ลอส เตเบซ อย่างไรก็ตามเกมนี้หอกชาวอาร์เจนไตน์ อาจจะต้องหลีกทางให้กับ เวย์น รูนีย์ และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
เกมนี้ แมนฯยู จะได้ คริสเตียโน โรนัลโด ปีกซูเปอร์สตาร์พ้นโทษแบนคืนทัพ รวมถึง พอล สโคลส์ กองกลางจอมเก๋า ก็ลงเคาะสนิมเป็นตัวสำรองในเกมกับ แบล็คเบิร์น ไปแล้ว หลังเจ็บต้องพักนานถึง 2 เดือน แต่จะยังคงไม่มี เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือ คุมทัพข้างสนาม เพราะต้องชดใช้โทษแบนเป็นเกมสุดท้าย
ด้านทีมเยือนก่อนที่ คีน จะลาออกก็ถูกแฟนบอลตัวเองโห่คาถิ่น สเตเดียม ออฟ ไลท์ หลังจากนัดล่าสุดพลิกพ่าย โบลตัน วันเดอเรอร์ส อย่างหมดรูป 1-4 โดยถือเป็นความพ่ายแพ้คารัง 2 นัดติดต่อกัน ถ้า ซันเดอร์แลนด์ ไม่อยากจะตกชั้นต้องรีบยกระดับผลงานในบ้านโดยด่วน เพราะฤดูกาลที่แล้วพวกเขารอดตกชั้นโดยเก็บ 30 แต้มในรังจากทั้งหมด 39 แต้มเลยทีเดียว
เกมนี้ ซันเดอร์แลนด์ อาจจะไม่มี เคร็ก กอร์ดอน นายทวารค่าตัวแพง เนื่องจากเจ็บข้อเท้าในเกมแพ้ โบลตัน โดยต้องรอเช็กอาการกันจนถึงนาทีสุดท้าย แต่ที่วืดลงเล่นแน่นอนคือ คีแรน ริชาร์ดสัน ปีกซ้ายตัวจี๊ด ที่อดปะทะทีมเก่า เนื่องจากติดโทษแบนใบเหลือง แต่ในรายของ แอนตัน เฟอร์ดินานด์ อาจได้ยืนแนวรับ ปะทะกับพี่ชายในเกมนี้
สุดท้ายสถิตินี้คงใช้ไม่ได้กับเกมนี้แล้ว เมื่อ เฟอร์กี มีผลงานสวยหรูในการคุมทัพ แมนฯยู ปะทะกับทีมที่นำมาโดยอดีตนักเตะในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เพราะว่าแพ้เพียงแค่ 2 จากทั้งหมด 25 เกมเท่านั้น นอกจากนี้ ซันเดอร์แลนด์ ยังมีสถิติย่ำแย่ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด คือไม่เคยบุกมาชนะ 19 ฤดูกาลติดต่อกันแล้ว ชนะครั้งสุดท้ายต้องย้อนไปในสมัย ดิวิชัน 1 เมื่อปี 1967-68
ฟันธง ตรงเผง โดย เซียนไก๋ เจริญกรุง
ฟูแลม แพ้ แมนฯซิตี 1-2
ฮัลล์ ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 1-0
อาร์เซนอล ชนะ วีแกน 2-1
แบล็คเบิร์น เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1
โบลตัน แพ้ เชลซี 0-2
นิวคาสเซิล ชนะ สโต๊ค 3-1
แมนฯยู ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-0
เวสต์ บรอม เสมอ ปอร์ทสมัธ 2-2
เอฟเวอร์ตัน เสมอ วิลลา 1-1
เวสต์ แฮม ชนะ สเปอร์ส 2-1
โปรแกรมฟุตบอล "พรีเมียร์ชิป" ช่วงสุดสัปดาห์นี้
วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม 2551
ฟูแลม พบ แมนฯซิตี เวลา 19.45น.
ฮัลล์ พบ มิดเดิลสโบรช์ เวลา 22.00น.
อาร์เซนอล พบ วีแกน เวลา 22.00น.
แบล็คเบิร์น พบ ลิเวอร์พูล เวลา 22.00น.
โบลตัน พบ เชลซี เวลา 22.00น.
นิวคาสเซิล พบ สโต๊ค เวลา 22.00น.
แมนฯยู พบ ซันเดอร์แลนด์ เวลา 00.30น.
วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคม 2551
เวสต์ บรอม พบ ปอร์ทสมัธ เวลา 22.00น.
เอฟเวอร์ตัน พบ วิลลา เวลา 23.00น.
วันจันทร์ที่ 8 ธันวาคม 2551
เวสต์ แฮม พบ สเปอร์ส เวลา 03.00น.