xs
xsm
sm
md
lg

Real Strikers Never die รวมพลดาวยิงคืนชีพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อเนลกา
ก่อนหน้าการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษปี 2008-09 จะเปิดฉากขึ้น หากมีใครกล่าวว่า ดาร์เรน เบนท์ ศูนย์หน้าของ “ไก่เดือยทอง” ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ จะกลับมาระเบิดฟอร์มยิงประตูถล่มทลายจนกลับไปติดทีมชาติอังกฤษอีกครั้ง ผู้ได้ยินหลายคนคงมองหน้ากันเหรอหราเพราะผลงานอันย่ำแย่ของเขาเมื่อปีที่แล้วนั่นเอง ฤดูกาลนี้นอกจากเบนท์ แล้ว ยังมีดาวยิงคนอื่นๆ ซึ่งเคยฟอร์มตกต่างพร้อมใจกันกลับมาเป็นศูนย์หน้าที่ร้อนแรงอีกครั้ง เป็นใครกันบ้างโปรดติดตามบรรทัดต่อจากนี้

1.นิโกลาส์ อเนลกา (เชลซี) อยู่บนเส้นทางอาชีพค้าแข้งที่ผกผันมาโดยตลอดนับตั้งแต่โด่งดังขึ้นมากับ อาร์เซนอล อย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์ที่มากขึ้นทำให้เจ้าตัวฉุกคิดจนพลิกฟื้นกลับมาและสามารถพิสูจน์ตัวเองได้สำเร็จจากผลงานที่ยอดเยี่ยมระหว่างสองฤดูกาลกับโบลตัน วันเดอเรอร์ส จนทำให้เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา เชลซี ทุ่มเงินเป็นมูลค่า15 ล้านปอนด์ (ราว 990 ล้านบาท) ซื้อตัวมาร่วมทีม

แม้ผลงานช่วงแรก(ครึ่งหลังของฤดูกาลก่อน)ของ อเนลกา ในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ไม่สวยนัก เนื่องจากถูก อัฟราม แกรนต์ อดีตกุนซือจับไปเล่นตำแหน่งริมเส้นเสียเป็นส่วนใหญ่จึงยิงประตูให้ทีมได้เพียง 2 ประตูจากการลงสนาม 24 นัด แต่สำหรับฤดูกาลนี้หลังจาก หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีม รวมถึงประจวบเหมาะกับการที่ ดิดิเยร์ ดร็อกบา ศูนย์หน้าตัวหลักของทีมมีอาการบาดเจ็บเรื้อรังต้องพลาดการลงสนามหลายนัด โอกาสจึงตกมาถึงและดาวยิงชาวฝรั่งเศสก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวังเมื่อทำประตูให้ทีมไปแล้วถึง 13 ประตูจากการลงสนาม 13 นัดในทุกรายการพร้อมกับขึ้นนำเป็นดาวซัลโวสูงสุดของศึกพรีเมียร์ ลีก โดยเฉลี่ยนัดละประตูเลยทีเดียว

2.ดาร์เรน เบนท์ (ท็อตแนม ฮอตสเปอร์) อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่าดาวยิงรายนี้กลับมาระเบิดฟอร์มการยิงประตูได้อย่างยอดเยี่ยมอีกครั้งในฤดูกาลนี้ แต่ฤดูกาลที่แล้วเหมือนอย่างกับเป็นคนละคน อาจเป็นเพราะราคามหาศาล 16.5 ล้านปอนด์ (ราว 1.1 พันล้านบาท) ทำให้มีเสียงวิจารณ์ถึงความสมเหตุสมผลของราคาค่าตัว กลายเป็นความกดดันที่ทำให้ศูนย์หน้าวัย 24 ปีรายนี้ยิงได้เพียง 8 ประตูจากการลงสนาม 36 นัด อย่างไรก็ตามในฤดูกาลนี้เจ้าตัวเรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้สำเร็จเมื่อยิงไปแล้ว 11 ประตูจากการลงสนาม 16 นัดทุกรายการตอบแทนเม็ดเงินที่ต้นสังกัดทุ่มลงไป

3.เคลาดิโอ ปิซาร์โร (แวร์เดอร์ เบรเมน) เป็นอีกคนที่ช่วยยืนยันให้เห็นอีกครั้งว่าแม้ฝีเท้าจะเก่งกาจเพียงใดก็ตาม แต่อาจจะไม่ประสบความสำเร็จกับการแข่งขันฟุตบอลได้ในทุกลีกเพราะแต่ละประเทศต่างมีเอกลักษณ์และรูปแบบการเล่นที่ต่างกัน ทั้งที่ศูนย์หน้ารายนี้ทำผลงานได้อย่างโดดเด่นมากในศึกบุนเดสลีกา เริ่มมาตั้งแต่ย้ายจากสโมสรบ้านเกิดมาอยู่กับ แวร์เดอร์ เบรเมน เมื่อปี 1999 และทำประตูให้ทีมได้ถึง 38 ลูกจากผลงานสองฤดูกาลต่อมา จนถูก บาเยิร์น มิวนิก ยักษ์ใหญ่ของเยอรมนีทุ่มเงินคว้าตัวไปร่วมทีมและเจ้าตัวยังคงยิงประตูได้อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะปี 2003 ที่ซัดไปถึง 23 ประตูในลีกและเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ “เสื้อใต้” คว้าแชมป์บุนเดสลีกาและเยอรมนี คัพ แต่หลังจากสัญญาระยะเวลา 5 ปีในถิ่นอัลลิอันซ์ อารีนาหมดลง ศูนย์หน้าชาวเปรูจึงตัดสินใจย้ายมารับเงินค่าเหนื่อยก้อนโตกับ เชลซี ในฤดูกาลที่แล้ว แต่ถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญพอดี เมื่อมีการปลด โฮเซ มูรินโญ จากตำแหน่งกุนซือมาเป็น อัฟราม แกรนต์ รูปแบบการเล่นเปลี่ยนไปรวมถึงเจ้าตัวไม่สามารถปรับตัวเข้ากับฟุตบอลอังกฤษได้ทำให้ตลอดทั้งฤดูกาลยิงได้เพียง 2 ประตูจากการลงสนาม 21 นัด

แต่สำหรับฤดูกาลนี้ ปิซาร์โร กลับมาเล่นในถิ่นเวสฟาเลน สเตเดียม ของ เบรเมน อีกครั้งเนื่องจาก เชลซี ปล่อยออกมาแบบยืมตัวตลอดทั้งฤดูกาลและดูเหมือนว่าภายใต้รูปแบบการเล่นรวมถึงบรรยากาศที่คุ้นเคยของฟุตบอลบุนเดสลีกาทำให้ฟอร์มการยิงประตูของกองหน้าชาวเปรูกลับมายอดเยี่ยมอีกครั้งและซัดให้ทีมไปแล้ว 7 ประตูจากลงสนามจากการลงสนาม 13 นัด

4.อัลแบร์โต จิลาร์ดิโน (ฟิออเรนตินา) กลายเป็นกองหน้าที่ได้รับจับตามองมากสมัยที่ค้าแข้งอยู่กับ ปาร์มา เมื่อสามารถยิงประตูให้ทีมในศึกกัลโช ซีรีส์ เอ ได้ถึง 23 ประตูติดต่อกันสองฤดูกาลคือปี 2003-04 และ 2004-05 จนปีต่อมาถูก เอซี มิลาน ทุ่มเงินเป็นจำนวน 25 ล้านยูโร (ราว 1.2 พันล้านบาท) ซื้อตัวมาร่วมทีม แต่ภายใต้เพื่อนร่วมทีมที่ประกอบไปด้วยนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ทั้งสิ้น กลายเป็นว่าสถิติการยิงประตูของศูนย์หน้ารายนี้ลดต่ำลงเรื่อยๆทุกปีจนฤดูกาล 2007-08 เจ้าตัวทำประตูในถิ่นซาน ซิโรได้เพียง 9 ประตูจากการลงสนาม 40 นัด

เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา จิลาร์ดิโน ถูกปล่อยตัวออกจากทีมแบบลดราคาเหลือเพียง 15 ล้านยูโร (ราว 750 ล้านบาท) ย้ายไปอยู่กับ ฟิออเรนตินา อาจเป็นเพราะความกดดันที่น้อยลงทำให้ดาวยิงรายนี้กลับมาระเบิดฟอร์มถล่มประตูได้อีกครั้งโดยหลังจากลงสนาม 14 นัดทุกรายการก็สามารถพังประตูให้กับทีมไปแล้ว 11 ประตู

5.อเลสซานโดร เดล ปิเอโร (ยูเวนตุส) กองหน้าจอมเก๋าอย่าง เดล ปิเอโร กลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีอีกครั้งตั้งแต่ 2 ฤดูกาลที่ผ่านมา ช่วยยิงให้ทีมได้ถึง 20 ประตู พร้อมกับพาต้นสังกัดเลื่อนชั้นกลับขึ้นมายังลีกสูงสุดได้สำเร็จ ขณะที่เมื่อฤดูกาลก่อนก็คว้าดาวซัลโวหลังจากยิง 21 ประตูจากการลงสนาม 37 นัดพร้อมกับพา “ม้าลาย” กลับเข้าสู่การแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรปอีกครั้ง

สำหรับศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ปี 2008-09 เดล ปิเอโร กลับมาแสดงให้เห็นถึงการเป็นดาวยิงที่สุดยอดของยุโรปคนหนึ่งอีกครั้ง เมื่อซัดไปแล้ว 4 ประตูจากการลงสนาม 4 นัดพร้อมกับขึ้นนำเป็นดาวซัลโวร่วม โดยหนึ่งในจำนวนนั้นเป็นการยิงฟรีคิกสุดสวยในเกมที่บุกไปเอาชนะ รีล มาดริด ความยอดเยี่ยมของประตูดังกล่าวทำให้แฟนบอลของเจ้าถิ่นต้องยืนขึ้นปรบมือให้ สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าแม้ ยูเวนตุส จะมีศูนย์หน้าระดับพระกาฬทั้ง วิเชนโซ ยาควินตา และ อเมารี สองศูนย์หน้าชาวอิตาลี รวมถึง ดาวิด เทรเซเกต์ กองหน้าฝรั่งเศส แต่ก็ไม่มีใครจะสามารถบดบังรัศมีของดาวเตะรายนี้ได้
เบนท์
จิลาร์ดิโน
เดล ปิเอโร
กำลังโหลดความคิดเห็น