xs
xsm
sm
md
lg

เจ็บกระดองใจ / ลุงแซม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม

การที่คนที่เรารักและเทิดทูนมากที่สุดจากไป ความรวดร้าวย่อมเกิดขึ้นในใจเป็นธรรมดา แต่ถ้ามาทราบว่าคนๆ นั้นกระทำการ “แทงข้างหลัง” (ทะลุถึงหัวใจ) อาการเจ็บกระดองใจคงเบียดแทรกความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีให้กัน

ครั้งเมื่อต้นปีที่ เบร็ตต์ ฟาร์ฟ หนึ่งในควอเตอร์แบ็กตำนานแห่งศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ขึ้นโพเดียมกล่าวทั้งน้ำตาขออำลาวงการคนชนคน เชื่อเหลือเกินว่าแฟนๆ กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส หลายคนกลั้นน้ำตาแห่งความอาลัยรักไม่อยู่ แต่ก่อนฤดูกาล 2008/09 จะเริ่มขึ้นจอมทัพกระดูกเหล็กวัย 38 ปี ดันเกิดอาการคันไม้คันมือขอคืนสนาม ซึ่งแน่นอนว่าบรรดา “หัวเนยแข็ง” พร้อมอ้าแขนรับขวัญใจ (ตลอดกาล) คืนสู่แลมโบว์ ฟิลด์

ทว่าเบื้องลึกแล้ว ฟาร์ฟ กลับทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในองค์กรปวดเศียรเวียนเกล้า เนื่องจากทีมประกาศพร้อมผลักดัน อารอน ร็อดเจอร์ส ที่เรียนรู้งานอยู่ข้างสนามมาสามปีขึ้นมารับงานมือ 1 เต็มตัวเสียที การได้สิทธิคืนสถานะผู้เล่นของ ฟาร์ฟ จึงดูเปล่าประโยชน์สำหรับหัวหน้าโค้ช ไมค์ แม็คคาร์ธี ซึ่งยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีใครว่าหรอกหาก ฟาร์ฟ จะคืนสู่บ้านเก่า อย่างไรก็ตาม สถานภาพปัจจุบันคงเป็นได้แค่คนถือคลิปบอร์ดช่วย ร็อดเจอร์ส อยู่ข้างสนาม

ในส่วนของ เท็ด ธอมป์สัน ผู้จัดการทั่วไป “แพ็คส์แมน” แทบจะยกอวัยวะส่วนอื่นขึ้นมาเกากบาล เพราะการเก็บ ฟาร์ฟ เอาไว้ย่อมสร้างแรงกดดันให้ ร็อดเจอร์ส เป็นสองเท่า ฤาคิดเทรดก็คิดหนัก ส่งทีเด็ดไปให้ ชิคาโก แบร์ส หรือ มินเนโซตา ไวกิงส์ คู่ปรับร่วมกลุ่มเอ็นเอฟซี เหนือ ก็ใช่เรื่อง แม้มีรายงานว่า ฟาร์ฟ แอบส่งสัญญาณเปิดทางไปยัง แบรด ชิลเดรสส์ หัวหน้าโค้ช ไวกิงส์ ให้มาเทรดตัวเขาไป ท้ายที่สุด แพ็คเกอร์ส เจอทางออกดีดตำนานทีมข้ามฟากไปเอเอฟซี ตะวันออก ฟาร์ฟ มาอยู่ในสีเสื้อ นิวยอร์ก เจ็ตส์ จนถึงทุกวันนี้

เรื่องราวของ ฟาร์ฟ ต่อจากนั้นน่าจะเป็นความมุ่งมั่นพา เจ็ตส์ แย่งตำแหน่งแชมป์กลุ่มกับ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ หรือ บัฟฟาโล บิลล์ส ทว่าเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจย์ เกลเซอร์ นักข่าวหัวเห็ดของ “ฟ็อกซ์สปอร์ต นิวส์” ดันทราบมาว่า ฟาร์ฟ กระทำการ “หักหลัง” ต้นสังกัดเก่า ด้วยการโทรศัพท์สนทนาบอกกล่าวแผนการบุกของ แพ็คเกอร์ส แก่ แมตต์ มิลเลน อดีตผู้จัดการทั่วไปและซีอีโอ ดีทรอยต์ ไลออนส์ ซึ่งเป็นเพื่อนกัน ซ้ำร้ายกว่านั้นยังเซย์ฮัลโหลอะไรกันกับโค้ชทีมรับร่วมชั่วโมง ก่อนที่ทั้งสองทีมจะประจันหน้ากันในสัปดาห์ที่ 2

แม้เกมในวันที่ 14 กันยายน แพ็คเกอร์ส บุกไปยำใหญ่ ไลออนส์ 48-25 คะแนน แต่พอเรื่องแดงขึ้นมามันสะท้านไปทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ความรู้สึกของเพื่อนๆ ที่เคียงบ่าเคียงไหล่กันมามันแสบไปทั้งทรวง ชาร์ลส วูดสัน ตัวคุมปีกของทีมถึงกับตั้งคำถามว่าเหตุใด ฟาร์ฟ ถึงมีความคิด “บ่อนทำลาย” สถาบันที่ให้โอกาสเขาแจ้งเกิดในวงการ (อเมริกัน) ฟุตบอล พร้อมเอ่ยปากแบบนี้หรือที่ยังควรให้เกียรติว่า ฟาร์ฟ เป็นตำนานของเฟรนไชส์ต่อไป

ด้าน แม็คคาร์ธี รวมไปถึง ร็อด มาริเนลลี เฮดโค้ช ไลออนส์ ปฏิเสธให้ความเห็น ขณะที่ ฟาร์ฟ ไม่ยอมเอ่ยปากถึงเรื่องดังกล่าว เพียงแต่ส่งข้อความเชิงปฏิเสธไปยังนักข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่องเอ็นบีซี (NBC) ก่อนศึกซันเดย์ไนท์ ระหว่าง ซีแอตเทิล ซีฮอว์คส กับ แทมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส จะเริ่มขึ้น

แต่ก็อย่างที่ วูดสัน ให้สัมภาษณ์ในตอนหนึ่งว่า “ไม่ว่าเรื่องดังกล่าวจะจริงเท็จแค่ไหน แต่เมื่อมีข่าวแบบนี้ออกมาย่อมทำให้รู้สึกขุ่นเคืองใจ” ซึ่งแทบไม่ต้องบอกเลยว่าแฟนๆ แพ็คเกอร์ส เจ็บกระดองใจแค่ไหน นี่ยิ่งถ้า ร็อดเจอร์ส โชว์สปิริตฝืนเจ็บลงสนามพาทีมโกยชัยได้มากเท่าใด ปริมาณกองเชียร์ที่สวมยูนิฟอร์มเบอร์ 4 (หมายเลขประจำตัว ฟาร์ฟ) มาเชียร์ในสนามคงน้อยลงเท่านั้น นั่นเป็นสัญญาณเบื้องต้นที่แสดงออกให้เห็นว่า “รักมากเท่าใดก็ยิ่งเกลียดมากเท่านั้น”

ส่วนทาง เอ็นเอฟแอล อึ้งกิมกี่ไปเหมือนกันพอทราบเรื่อง เพราะตามกฎแล้วก็ไม่รู้จะเอาผิดกับใคร ในเมื่อหนอนบ่อนไส้ดันอยู่ในทีมฟุตบอลของตัวเอง ไม่เหมือนกับครั้งที่ บิลล์ บิลีชิก หัวหน้าโค้ชจอมเจ้าเล่ห์ของ แพทริออตส์ สั่งให้ลูกน้องไปเก็บวิดีโอการฝึกซ้อมเรียกแผนของหลายต่อหลายทีม และได้ชดใช้กรรมที่กระทำเอาไว้แล้ว กรณีของ ฟาร์ฟ ถ้าทำเรื่องบัดสีเช่นนั้นจริง มลทินคงยากแก่การชำระล้างในสายตาของ “แพ็คส์แมน”
กำลังโหลดความคิดเห็น