สหรัฐอเมริกา ผงาดคว้าแชมป์ ไรเดอร์ คัพ ครั้งที่ 37 ในบ้านตัวเองได้สำเร็จ ด้วยการเก็บชัยในวันสุดท้ายแบบเดี่ยวอีก 7 คู่ ส่งผลให้สกอร์รวมชนะ ยุโรป 16.5 - 11.5 คะแนน
การแข่งขันกอล์ฟประเภททีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก "ไรเดอร์ คัพ ครั้งที่ 37" ที่สนามวัลฮัลา กอล์ฟ คลับ เมืองหลุยส์วิลล์ มลรัฐเคนทัคกี ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมาเป็นวันตัดสินแชมป์แข่งแบบเดี่ยว 12 แมตช์ โดยก่อนลงเล่น สหรัฐฯ นำ ยุโรป อยู่ 9-7 คะแนน ซึ่งหมายความว่า ขุนพลสวิงมะกัน ต้องการอีก 5.5 คะแนนก็จะกลับมาเป็นแชมป์ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1999 ส่วน ยุโรป ต้องทำให้ได้อีก 7 คะแนน (หากคะแนนเท่ากันที่ 14-14 แชมป์จะตกเป็นของแชมป์เก่า) เพื่อคว้าแชมป์สมัยที่ 4 ติดต่อกัน
เริ่มคู่แรก "เอเค" แอนโธนี คิม รุคกี้หนุ่มอายุน้อยที่สุดใน ไรเดอร์ คัพ ครั้งนี้ (23 ปี) เชื้อสายเกาหลีที่เพิ่งขึ้นเป็นมือ 10 ของโลก พบกับ เซอร์คิโอ การ์เซีย โปรจากสเปนมือ 5 ของโลก ผลปรากฎว่า "เอเค" เก็บคะแนนแรกให้ สหรัฐฯ ได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว เมื่อระเบิดฟอร์มถล่ม การ์เซีย ไปอย่างยับเยิน 5&4 (นำ 5 อัพ เมื่อเหลือ 4 หลุม) โดย คิม สวิงอย่างดุดันหวด 4 เบอร์ดี้ กับอีก 1 อีเกิ้ล และเก็บชัยชนะได้ 6 และแพ้ไปเพียงแค่หลุมเดียวเท่านั้น ส่งให้สกอร์รวม สหรัฐฯ หนีไปเป็น 10-7
หลังจากนั้นในคู่ที่ 3 ระหว่าง โรเบิร์ต คาร์ลส์สัน โปรจากสวีเดนมือ 17 ของโลก ที่พบกับ จัสติน เลนนาร์ด หนึ่งในผู้เล่นชุดแชมป์ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1999 ผลปรากฎว่าเล่นไปได้เพียงแค่ 15 หลุม คาร์ลส์สัน ที่ขึ้นนำตั้งแต่หลุมที่ 4 ก็ชนะไปแบบสบายๆ 5&3 (นำ 5 อัพ เมื่อเหลือ 3 หลุม) สหรัฐฯ ยังนำอยู่ 10-8
ยุโรป มาไล่จี้ สหรัฐฯ เหลือเพียงแค่ 1 คะแนน จากคู่ที่ 4 เมื่อ จัสติน โรส รุคกี้จากแดนผู้ดีมือ 13 ของโลก เอาชนะ ฟิล มิคเคลสัน สิงห์อีซ้ายเบอร์ 2 ของโลก ที่เล่น ไรเดอร์ คัพ มามากที่สุดถึง 6 ครั้งไปได้ 3&2 (นำ 3 อัพ เมื่อเหลือ 2 หลุม) โดย โรส ขยับนำตั้งแต่หลุมที่ 6 พาร์ 4 จากการเซฟพาร์ ขณะที่ มิคเคลสัน ตีออกโบกี้ จนกระทั่งมาปิดเกมได้สำเร็จในหลุมที่ 16 พาร์ 4 เมื่อ โรส ที่นำอยู่ 3 อัพขอเพียงแค่ผลเสมอ และทำได้สำเร็จด้วยการพัตต์เบอร์ดี้ลงไปอย่างสวยงาม สหรัฐฯ เหลือนำแค่ 10-9
จากนั้นในคู่ที่ 2 ระหว่าง ฮันเตอร์ มาฮาน ที่เป็นผู้เล่นที่ทำคะแนนให้ สหรัฐฯ ได้มากที่สุดถึง 3 คะแนนจากการเล่น 2 วันที่ผ่านมา พบกับ พอล เคซีย์ มือไวด์ลการ์ดจากอังกฤษ ผลปรากฏว่าเป็นคู่แรกของวันนี้ที่เล่นครบ 18 หลุมและมีผลเสมอ โดย เคซีย์ มาตีเสมอได้อย่างหวุดหวิดในหลุมสุดท้าย พาร์ 5 เมื่อทำเบอร์ดี้ได้ ขณะที่ มาฮาน ออกโบกี้ ส่งผลให้แบ่งกันไปทีมละครึ่งคะแนน สหรัฐฯ นำอยู่ 10.5 - 9.5
แต่แล้ว สหรัฐฯ ก็ขยับหนีไปอีกครั้ง จากคู่ที่ 5 เมื่อ เคนนี เพอร์รี สวิงที่อายุมากที่สุดในการแข่งครั้งนี้ (47 ปี) ชาวเมืองเคนทัคกี สอนเชิงรุ่นน้องอย่าง เฮนริค สเตนสัน โปรจากสวีเดนมือ 7 ของโลก ไปได้ 3&2 (นำ 3 อัพ เมื่อเหลือ 2 หลุม) โดย เพอร์รี นำมาโดยตลอดตั้งแต่หลุม 2 ยันหลุมที่ 16 อีกทั้งยังตีอีเกิ้ลได้ในหลุมที่ 7 พาร์ 5 อีกด้วย สหรัฐฯ หนีไปอีกครั้งเป็น 11.5 - 9.5
จากนั้นในคู่ที่ 6 บู วีคลีย์ รุคกี้ขวัญใจแฟนกอล์ฟเจ้าถิ่น มาทำคะแนนเพิ่มให้กับทัพสวิงมะกันหนี ยุโรป ไปอีก เมื่อสามารถเอาชนะ โอลิเวอร์ วิลสัน รุคกี้จากอังกฤษ ไปได้ 4&2 (นำ 4 อัพ เมื่อเหลือ 2 หลุม) โดยช็อตไฮไลท์อยู่ในหลุมที่ 7 พาร์ 5 เมื่อ วีคลีย์ ตีช็อต 2 มาตกลงบังเกอร์ข้างกรีน แต่กลับชิพออกจากทรายลงหลุมทำอีเกิ้ลได้อย่างสวยงาม โดย 6 หลุม (หลุม 3 ถึง 8) วีคลีย์ หวด 6 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวม สหรัฐฯ ฉีกหนีไปอีก 12.5 - 9.5 โดยต้องการชนะอีก 2 คู่เท่านั้นจะเป็นแชมป์ทันที
สหรัฐฯ เข้าใกล้กับตำแหน่งแชมป์เต็มที เมื่อในคู่ที่ 7 "ปืนใหญ่" เจบี โฮล์มส์ รุคกี้จอมสวิงไกลที่เกิดและเติบโตในเคนทัคกี เอาชนะ โซเรน แฮนเซน รุคกี้จากเดนมาร์ก ไปได้ 2&1 (นำ 2 อัพ เมื่อเหลือ 1 หลุม) โดยในหลุมที่ 17 พาร์ 4 แฮนเซน ห้ามแพ้เด็ดขาด ทว่า โฮล์มส์ ขึ้นช็อต 2 มาออนเหลือระยะแค่ไม่กี่ฟุต ขณะที่ แฮนเซน ตีช็อตสองไม่ออนต้องพัตต์จากนอกกรีนเข้ามาเพื่อทำเบอร์ดี้ และก็เกือบทำได้ด้วยการพัตต์ฟัดปากหลุมออกไปอย่างน่าเสียดาย ขณะที่ โฮล์มส์ พัตต์เบอร์ดี้ลงไป ให้สหรัฐฯ นำห่างเป็น 13.5 - 9.5 โดย สหรัฐฯ ขออีกเพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้นก็จะได้แชมป์ไปครอง
จากนั้นในคู่ที่ 8 ซึ่งถือเป็นการพบกันของ 2 จอมเก๋าอย่าง จิม ฟิวริค สวิงมือ 9 ของโลกที่ผ่าน ไรเดอร์ คัพ มาแล้วถึง 5 ครั้ง กับ มิเกล อังเคล ฮิมิเนซ โปรจากแดนกระทิงดุที่อายุมากที่สุดของฝั่งยุโรป (44 ปี) ผลปรากฎว่า ฟิวริค นำ ฮิมิเนซ อยู่ 2 อัพ เมื่อถึงหลุมที่ 17 พาร์ 4 โดย ฮิมิเนซ ต้องชนะสถานเดียวในหลุมนี้ ทว่า ฮิมิเนซ กลับพัตต์เบอร์ดี้ไม่ลง ขณะที่ ฟิวริค เซฟพาร์ได้ ทำให้ชนะไป 2&1 (นำ 2 อัพ เมื่อเหลือ 1 หลุม) เก็บคะแนนสุดท้ายส่งให้ สหรัฐฯ กลับมาเป็นแชมป์ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1999 ได้สำเร็จ ด้วยการทำคะแนนถึง 14.5 แม้จะยังมีการแข่งขันเหลืออยู่อีก 4 แมตช์ก็ตาม
ทั้งนี้ผลการแข่งขันอีก 4 คู่ที่เหลือซึ่งไม่มีผลแล้ว มีดังนี้ แกรม แม็คดาวล์ (ยุโรป) ชนะสจวร์ต ซิงค์ (สหรัฐฯ) 2&1 (นำ 2 อัพ เมื่อเหลือ 1 หลุม), เอียน โพลเตอร์ (ยุโรป) ชนะ สตีฟ สตริกเกอร์ (สหรัฐฯ) 3&2 (นำ 3 อัพ เมื่อเหลือ 2 หลุม), เบน เคอร์ติส (สหรัฐฯ) ชนะ ลี เวสต์วูด (ยุโรป) 2&1 (นำ 2 อัพ เมื่อเหลือ 1 หลุม) และ แชด แคมป์เบลล์ (สหรัฐ) ชนะ พาเดรก แฮร์ริงตัน (ยุโรป) 2&1(นำ 2 อัพ เมื่อเหลือ 1 หลุม)
การแข่งขันกอล์ฟประเภททีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก "ไรเดอร์ คัพ ครั้งที่ 37" ที่สนามวัลฮัลา กอล์ฟ คลับ เมืองหลุยส์วิลล์ มลรัฐเคนทัคกี ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมาเป็นวันตัดสินแชมป์แข่งแบบเดี่ยว 12 แมตช์ โดยก่อนลงเล่น สหรัฐฯ นำ ยุโรป อยู่ 9-7 คะแนน ซึ่งหมายความว่า ขุนพลสวิงมะกัน ต้องการอีก 5.5 คะแนนก็จะกลับมาเป็นแชมป์ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1999 ส่วน ยุโรป ต้องทำให้ได้อีก 7 คะแนน (หากคะแนนเท่ากันที่ 14-14 แชมป์จะตกเป็นของแชมป์เก่า) เพื่อคว้าแชมป์สมัยที่ 4 ติดต่อกัน
เริ่มคู่แรก "เอเค" แอนโธนี คิม รุคกี้หนุ่มอายุน้อยที่สุดใน ไรเดอร์ คัพ ครั้งนี้ (23 ปี) เชื้อสายเกาหลีที่เพิ่งขึ้นเป็นมือ 10 ของโลก พบกับ เซอร์คิโอ การ์เซีย โปรจากสเปนมือ 5 ของโลก ผลปรากฎว่า "เอเค" เก็บคะแนนแรกให้ สหรัฐฯ ได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว เมื่อระเบิดฟอร์มถล่ม การ์เซีย ไปอย่างยับเยิน 5&4 (นำ 5 อัพ เมื่อเหลือ 4 หลุม) โดย คิม สวิงอย่างดุดันหวด 4 เบอร์ดี้ กับอีก 1 อีเกิ้ล และเก็บชัยชนะได้ 6 และแพ้ไปเพียงแค่หลุมเดียวเท่านั้น ส่งให้สกอร์รวม สหรัฐฯ หนีไปเป็น 10-7
หลังจากนั้นในคู่ที่ 3 ระหว่าง โรเบิร์ต คาร์ลส์สัน โปรจากสวีเดนมือ 17 ของโลก ที่พบกับ จัสติน เลนนาร์ด หนึ่งในผู้เล่นชุดแชมป์ครั้งสุดท้ายเมื่อปี 1999 ผลปรากฎว่าเล่นไปได้เพียงแค่ 15 หลุม คาร์ลส์สัน ที่ขึ้นนำตั้งแต่หลุมที่ 4 ก็ชนะไปแบบสบายๆ 5&3 (นำ 5 อัพ เมื่อเหลือ 3 หลุม) สหรัฐฯ ยังนำอยู่ 10-8
ยุโรป มาไล่จี้ สหรัฐฯ เหลือเพียงแค่ 1 คะแนน จากคู่ที่ 4 เมื่อ จัสติน โรส รุคกี้จากแดนผู้ดีมือ 13 ของโลก เอาชนะ ฟิล มิคเคลสัน สิงห์อีซ้ายเบอร์ 2 ของโลก ที่เล่น ไรเดอร์ คัพ มามากที่สุดถึง 6 ครั้งไปได้ 3&2 (นำ 3 อัพ เมื่อเหลือ 2 หลุม) โดย โรส ขยับนำตั้งแต่หลุมที่ 6 พาร์ 4 จากการเซฟพาร์ ขณะที่ มิคเคลสัน ตีออกโบกี้ จนกระทั่งมาปิดเกมได้สำเร็จในหลุมที่ 16 พาร์ 4 เมื่อ โรส ที่นำอยู่ 3 อัพขอเพียงแค่ผลเสมอ และทำได้สำเร็จด้วยการพัตต์เบอร์ดี้ลงไปอย่างสวยงาม สหรัฐฯ เหลือนำแค่ 10-9
จากนั้นในคู่ที่ 2 ระหว่าง ฮันเตอร์ มาฮาน ที่เป็นผู้เล่นที่ทำคะแนนให้ สหรัฐฯ ได้มากที่สุดถึง 3 คะแนนจากการเล่น 2 วันที่ผ่านมา พบกับ พอล เคซีย์ มือไวด์ลการ์ดจากอังกฤษ ผลปรากฏว่าเป็นคู่แรกของวันนี้ที่เล่นครบ 18 หลุมและมีผลเสมอ โดย เคซีย์ มาตีเสมอได้อย่างหวุดหวิดในหลุมสุดท้าย พาร์ 5 เมื่อทำเบอร์ดี้ได้ ขณะที่ มาฮาน ออกโบกี้ ส่งผลให้แบ่งกันไปทีมละครึ่งคะแนน สหรัฐฯ นำอยู่ 10.5 - 9.5
แต่แล้ว สหรัฐฯ ก็ขยับหนีไปอีกครั้ง จากคู่ที่ 5 เมื่อ เคนนี เพอร์รี สวิงที่อายุมากที่สุดในการแข่งครั้งนี้ (47 ปี) ชาวเมืองเคนทัคกี สอนเชิงรุ่นน้องอย่าง เฮนริค สเตนสัน โปรจากสวีเดนมือ 7 ของโลก ไปได้ 3&2 (นำ 3 อัพ เมื่อเหลือ 2 หลุม) โดย เพอร์รี นำมาโดยตลอดตั้งแต่หลุม 2 ยันหลุมที่ 16 อีกทั้งยังตีอีเกิ้ลได้ในหลุมที่ 7 พาร์ 5 อีกด้วย สหรัฐฯ หนีไปอีกครั้งเป็น 11.5 - 9.5
จากนั้นในคู่ที่ 6 บู วีคลีย์ รุคกี้ขวัญใจแฟนกอล์ฟเจ้าถิ่น มาทำคะแนนเพิ่มให้กับทัพสวิงมะกันหนี ยุโรป ไปอีก เมื่อสามารถเอาชนะ โอลิเวอร์ วิลสัน รุคกี้จากอังกฤษ ไปได้ 4&2 (นำ 4 อัพ เมื่อเหลือ 2 หลุม) โดยช็อตไฮไลท์อยู่ในหลุมที่ 7 พาร์ 5 เมื่อ วีคลีย์ ตีช็อต 2 มาตกลงบังเกอร์ข้างกรีน แต่กลับชิพออกจากทรายลงหลุมทำอีเกิ้ลได้อย่างสวยงาม โดย 6 หลุม (หลุม 3 ถึง 8) วีคลีย์ หวด 6 อันเดอร์พาร์ สกอร์รวม สหรัฐฯ ฉีกหนีไปอีก 12.5 - 9.5 โดยต้องการชนะอีก 2 คู่เท่านั้นจะเป็นแชมป์ทันที
สหรัฐฯ เข้าใกล้กับตำแหน่งแชมป์เต็มที เมื่อในคู่ที่ 7 "ปืนใหญ่" เจบี โฮล์มส์ รุคกี้จอมสวิงไกลที่เกิดและเติบโตในเคนทัคกี เอาชนะ โซเรน แฮนเซน รุคกี้จากเดนมาร์ก ไปได้ 2&1 (นำ 2 อัพ เมื่อเหลือ 1 หลุม) โดยในหลุมที่ 17 พาร์ 4 แฮนเซน ห้ามแพ้เด็ดขาด ทว่า โฮล์มส์ ขึ้นช็อต 2 มาออนเหลือระยะแค่ไม่กี่ฟุต ขณะที่ แฮนเซน ตีช็อตสองไม่ออนต้องพัตต์จากนอกกรีนเข้ามาเพื่อทำเบอร์ดี้ และก็เกือบทำได้ด้วยการพัตต์ฟัดปากหลุมออกไปอย่างน่าเสียดาย ขณะที่ โฮล์มส์ พัตต์เบอร์ดี้ลงไป ให้สหรัฐฯ นำห่างเป็น 13.5 - 9.5 โดย สหรัฐฯ ขออีกเพียงแค่คะแนนเดียวเท่านั้นก็จะได้แชมป์ไปครอง
จากนั้นในคู่ที่ 8 ซึ่งถือเป็นการพบกันของ 2 จอมเก๋าอย่าง จิม ฟิวริค สวิงมือ 9 ของโลกที่ผ่าน ไรเดอร์ คัพ มาแล้วถึง 5 ครั้ง กับ มิเกล อังเคล ฮิมิเนซ โปรจากแดนกระทิงดุที่อายุมากที่สุดของฝั่งยุโรป (44 ปี) ผลปรากฎว่า ฟิวริค นำ ฮิมิเนซ อยู่ 2 อัพ เมื่อถึงหลุมที่ 17 พาร์ 4 โดย ฮิมิเนซ ต้องชนะสถานเดียวในหลุมนี้ ทว่า ฮิมิเนซ กลับพัตต์เบอร์ดี้ไม่ลง ขณะที่ ฟิวริค เซฟพาร์ได้ ทำให้ชนะไป 2&1 (นำ 2 อัพ เมื่อเหลือ 1 หลุม) เก็บคะแนนสุดท้ายส่งให้ สหรัฐฯ กลับมาเป็นแชมป์ครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1999 ได้สำเร็จ ด้วยการทำคะแนนถึง 14.5 แม้จะยังมีการแข่งขันเหลืออยู่อีก 4 แมตช์ก็ตาม
ทั้งนี้ผลการแข่งขันอีก 4 คู่ที่เหลือซึ่งไม่มีผลแล้ว มีดังนี้ แกรม แม็คดาวล์ (ยุโรป) ชนะสจวร์ต ซิงค์ (สหรัฐฯ) 2&1 (นำ 2 อัพ เมื่อเหลือ 1 หลุม), เอียน โพลเตอร์ (ยุโรป) ชนะ สตีฟ สตริกเกอร์ (สหรัฐฯ) 3&2 (นำ 3 อัพ เมื่อเหลือ 2 หลุม), เบน เคอร์ติส (สหรัฐฯ) ชนะ ลี เวสต์วูด (ยุโรป) 2&1 (นำ 2 อัพ เมื่อเหลือ 1 หลุม) และ แชด แคมป์เบลล์ (สหรัฐ) ชนะ พาเดรก แฮร์ริงตัน (ยุโรป) 2&1(นำ 2 อัพ เมื่อเหลือ 1 หลุม)