เชลซี แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าเมื่อบุกไปเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงถิ่น 3-1 พร้อมกับขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง ในศึกพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ คู่สุดท้าย เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-3 เชลซี
เจ้าบ้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้โอกาสส่ง โรบินโญ ศูนย์หน้าชาวบราซิลตัวใหม่ลงประเดิมสนามในเกมนี้ ขณะที่ เชลซี ได้ตัว ดิดิเยร์ ดร็อกบา ศูนย์หน้าตัวเก่งกลับมาแล้วแต่ยังเป็นตัวสำรองก่อน
เริ่มเกมขึ้นมาเจ้าถิ่นทำเกมรุกได้วูบวาบทีเดียวแต่กองหลังสิงห์บลูก็ไม่ปล่อยให้เจาะเข้าไปได้ง่ายๆ เกมมาถึง น.9 แลมพาร์ด ทักทายก่อนจากการยิงไกลระยะ 30 หลาแต่บอลพุ่งไปตรงตัว โจ ฮาร์ท รับไว้ได้ แต่อีก 4 นาทีถัดมา แมนฯ ซิตี้ ก็มาได้ประตูขึ้นนำจากการซัดฟรีคิกของ โรบินโญ บอลพุ่งไปแฉลบกำแพงทีมเยือนเปลี่ยนทางเข้าไปทำให้เรือใบขึ้นนำก่อน 1-0
แต่ เชลซี ไม่รอช้าตามตีเสมอได้อย่างทันควันจากจังหวะเตะมุมในน.16 เมื่อบอลลอยมาเข้าหัว คาวัลโญ โหม่งก่อนครั้งแรกไปติดตัว โจ โคล แต่โชคดีที่บอลกระดอนมาเข้าทางกองหลังโปรตุกีสอีกครั้งวอลเลย์เข้าไปทีมเยือนตามตีเสมอ 1-1
น.23 ผู้เล่น แมนฯ ซิตี ต่อบอลกันได้สวยงามก่อนที่บอลจะมาถึง โช ไขว่หลังจ่ายมาให้ ไอร์แลนด์ เติมเกมขึ้นมาซัดด้วยขวาแต่บอลเหินข้ามคานไป อีก 5 นาทีต่อมา โจ โคล เติมขึ้นมาทางด้านขวาก่อนจะตักบอลให้ มาลูดา หลุดกับดักล้ำหน้าขึ้นโหม่งคนเดียวโล่งๆแต่ทำได้เพียงแค่ชนคานเท่านั้น ก่อนจบเกม 4 นาที ซาบาเลตา เกือบทำทีมเสียประตูเมื่อจ่ายบอลพลาดหน้าปากประตูตัวเองไปเข้าทาง อเนลกา ที่ยืนอยู่พอดี กองหน้าเลือดน้ำหอมจับบอลได้ก่อนซัดด้วยซ้ายแต่ยังดีที่ โจ ฮาร์ท ล้มตัวรับได้ทันสุดท้ายจบ 45 นาทีแรกเสมอ 1-1
เกมครึ่งหลัง ทีมเยือนได้ลุ้นทำประตูก่อนในนาที 50 จากจังหวะที่ โจ โคล ได้ยิงนอกกรอบเขตโทษบอลแฉลบกองหลังเจ้าถิ่นหลุดมาถึง แลมพาร์ด ได้ซัดด้วยขวาแต่บอลเหินข้ามคานออกไป อีก 3 นาทีต่อมา กองกลางทีมชาติอังกฤษก็มาทำประตูให้ทีมขึ้นนำจนได้เมื่อกระชากบอลขึ้นมาถึงกรอบเขตโทษก่อนจะจ่ายบอลให้กับ แอชลีย์ โคล ที่เติมขึ้นมาทางฝั่งซ้ายและกองหลังรายนี้ก็จ่ายย้อนกลับคืนมาให้ แลมพาร์ด เลี้ยงบอลหนีกองหลังเรือใบก่อนจะซัดด้วยซ้ายเข้าไปให้ทีมพลิกขึ้นนำ 2-1
น.63 ไรท์-ฟิลลิปส์ บุกตะลุยขึ้นมาได้สวยและพยายามเลี้ยงบอลหลบกองหลังสิงห์บลู ก่อนจะจ่ายบอลมาให้ ไอร์แลนด์ ได้ซัดเต็มๆแต่ คาวัลโญ พุ่งเข้ามาบล็อกบอลออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด อีก 2 นาทีต่อมา แลมพาร์ด ได้ซัดไกลอีกครั้งแต่คราวนี้ ฮาร์ท ไม่พลาดรับเข้าซองไว้ได้
เกมมาถึง น.69 ทีมเยือนก็มาทำประตูหนีห่างจากจังหวะที่ทีมตัดบอลได้จากแดนกลาง ต่อบอลกันมาถึง โจ โคล พักบอลหนึ่งจังหวะแล้วจ่ายทะลุกองหลัง แมนฯ ซิตี้ ให้ อเนลกา หลุดเข้าไปยิงผ่านมือนายด่านเจ้าถิ่นง่ายๆ เชลซี หนีห่าง 3-1
เจ้าถิ่นพยายามทำประตูไล่ขึ้นมาแต่จังหวะการโหม่งของ โช ใน น.74 ก็เบาเกินไป ปีเตอร์ เชก รับได้อย่างไม่มีปัญหา มาถึง น.82 คราวนี้เป็น ไอร์แลนด์ ที่ได้บอลบริเวณริมเขตโทษด้านซ้ายก่อนจะจ่ายให้ ไมเคิล บอล ที่เติมเกมขึ้นมายิงแต่ไม่ผ่านมือนายทวารทีมเยือนเหมือนเดิม ทำให้จบ 90 นาที เชลซี บุกมาเอาชนะ 3-1 พร้อมกับคว้าสามคะแนนและกลับขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี : โจ ฮาร์ท, มิกาห์ ริชาร์ดส์, วินเซนต์ กอมปานี, ไมเคิล บอล, ปาโบล ซาบาเลตา, ริชาร์ด ดันน์, ดีทมาร์ ฮาร์มันน์, ชอว์น ไรท์-ฟิลลิปส์, สตีเวน ไอร์แลนด์, โรบินโญ, โช
เชลซี : ปีเตอร์ เชก, ริคาร์โด คาร์วัลโญ, แอชลีย์ โคล, โฮเซ โบซิงวา, จอห์น เทอร์รี, แฟรงค์ แลมพาร์ด, จอห์น โอบี มิเกล, เดโก, ฟลอรองต์ มาลูดา, นิโกลาส์ อเนลกา
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-3 เชลซี
เจ้าบ้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้โอกาสส่ง โรบินโญ ศูนย์หน้าชาวบราซิลตัวใหม่ลงประเดิมสนามในเกมนี้ ขณะที่ เชลซี ได้ตัว ดิดิเยร์ ดร็อกบา ศูนย์หน้าตัวเก่งกลับมาแล้วแต่ยังเป็นตัวสำรองก่อน
เริ่มเกมขึ้นมาเจ้าถิ่นทำเกมรุกได้วูบวาบทีเดียวแต่กองหลังสิงห์บลูก็ไม่ปล่อยให้เจาะเข้าไปได้ง่ายๆ เกมมาถึง น.9 แลมพาร์ด ทักทายก่อนจากการยิงไกลระยะ 30 หลาแต่บอลพุ่งไปตรงตัว โจ ฮาร์ท รับไว้ได้ แต่อีก 4 นาทีถัดมา แมนฯ ซิตี้ ก็มาได้ประตูขึ้นนำจากการซัดฟรีคิกของ โรบินโญ บอลพุ่งไปแฉลบกำแพงทีมเยือนเปลี่ยนทางเข้าไปทำให้เรือใบขึ้นนำก่อน 1-0
แต่ เชลซี ไม่รอช้าตามตีเสมอได้อย่างทันควันจากจังหวะเตะมุมในน.16 เมื่อบอลลอยมาเข้าหัว คาวัลโญ โหม่งก่อนครั้งแรกไปติดตัว โจ โคล แต่โชคดีที่บอลกระดอนมาเข้าทางกองหลังโปรตุกีสอีกครั้งวอลเลย์เข้าไปทีมเยือนตามตีเสมอ 1-1
น.23 ผู้เล่น แมนฯ ซิตี ต่อบอลกันได้สวยงามก่อนที่บอลจะมาถึง โช ไขว่หลังจ่ายมาให้ ไอร์แลนด์ เติมเกมขึ้นมาซัดด้วยขวาแต่บอลเหินข้ามคานไป อีก 5 นาทีต่อมา โจ โคล เติมขึ้นมาทางด้านขวาก่อนจะตักบอลให้ มาลูดา หลุดกับดักล้ำหน้าขึ้นโหม่งคนเดียวโล่งๆแต่ทำได้เพียงแค่ชนคานเท่านั้น ก่อนจบเกม 4 นาที ซาบาเลตา เกือบทำทีมเสียประตูเมื่อจ่ายบอลพลาดหน้าปากประตูตัวเองไปเข้าทาง อเนลกา ที่ยืนอยู่พอดี กองหน้าเลือดน้ำหอมจับบอลได้ก่อนซัดด้วยซ้ายแต่ยังดีที่ โจ ฮาร์ท ล้มตัวรับได้ทันสุดท้ายจบ 45 นาทีแรกเสมอ 1-1
เกมครึ่งหลัง ทีมเยือนได้ลุ้นทำประตูก่อนในนาที 50 จากจังหวะที่ โจ โคล ได้ยิงนอกกรอบเขตโทษบอลแฉลบกองหลังเจ้าถิ่นหลุดมาถึง แลมพาร์ด ได้ซัดด้วยขวาแต่บอลเหินข้ามคานออกไป อีก 3 นาทีต่อมา กองกลางทีมชาติอังกฤษก็มาทำประตูให้ทีมขึ้นนำจนได้เมื่อกระชากบอลขึ้นมาถึงกรอบเขตโทษก่อนจะจ่ายบอลให้กับ แอชลีย์ โคล ที่เติมขึ้นมาทางฝั่งซ้ายและกองหลังรายนี้ก็จ่ายย้อนกลับคืนมาให้ แลมพาร์ด เลี้ยงบอลหนีกองหลังเรือใบก่อนจะซัดด้วยซ้ายเข้าไปให้ทีมพลิกขึ้นนำ 2-1
น.63 ไรท์-ฟิลลิปส์ บุกตะลุยขึ้นมาได้สวยและพยายามเลี้ยงบอลหลบกองหลังสิงห์บลู ก่อนจะจ่ายบอลมาให้ ไอร์แลนด์ ได้ซัดเต็มๆแต่ คาวัลโญ พุ่งเข้ามาบล็อกบอลออกหลังไปได้อย่างหวุดหวิด อีก 2 นาทีต่อมา แลมพาร์ด ได้ซัดไกลอีกครั้งแต่คราวนี้ ฮาร์ท ไม่พลาดรับเข้าซองไว้ได้
เกมมาถึง น.69 ทีมเยือนก็มาทำประตูหนีห่างจากจังหวะที่ทีมตัดบอลได้จากแดนกลาง ต่อบอลกันมาถึง โจ โคล พักบอลหนึ่งจังหวะแล้วจ่ายทะลุกองหลัง แมนฯ ซิตี้ ให้ อเนลกา หลุดเข้าไปยิงผ่านมือนายด่านเจ้าถิ่นง่ายๆ เชลซี หนีห่าง 3-1
เจ้าถิ่นพยายามทำประตูไล่ขึ้นมาแต่จังหวะการโหม่งของ โช ใน น.74 ก็เบาเกินไป ปีเตอร์ เชก รับได้อย่างไม่มีปัญหา มาถึง น.82 คราวนี้เป็น ไอร์แลนด์ ที่ได้บอลบริเวณริมเขตโทษด้านซ้ายก่อนจะจ่ายให้ ไมเคิล บอล ที่เติมเกมขึ้นมายิงแต่ไม่ผ่านมือนายทวารทีมเยือนเหมือนเดิม ทำให้จบ 90 นาที เชลซี บุกมาเอาชนะ 3-1 พร้อมกับคว้าสามคะแนนและกลับขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี : โจ ฮาร์ท, มิกาห์ ริชาร์ดส์, วินเซนต์ กอมปานี, ไมเคิล บอล, ปาโบล ซาบาเลตา, ริชาร์ด ดันน์, ดีทมาร์ ฮาร์มันน์, ชอว์น ไรท์-ฟิลลิปส์, สตีเวน ไอร์แลนด์, โรบินโญ, โช
เชลซี : ปีเตอร์ เชก, ริคาร์โด คาร์วัลโญ, แอชลีย์ โคล, โฮเซ โบซิงวา, จอห์น เทอร์รี, แฟรงค์ แลมพาร์ด, จอห์น โอบี มิเกล, เดโก, ฟลอรองต์ มาลูดา, นิโกลาส์ อเนลกา