เดวิด เบ็คแฮม ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติอังกฤษ แย้มสนใจซื้อทีมฟุตบอลมาเป็นของตัวเองด้วยเช่นกัน หลังเลิกอาชีพการค้าแข้งแล้ว
แม้ เบ็คแฮม อาจไม่มีเงินทุนมากเท่ากับ “อาบู ดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป” (Abu Dhabi United Group Investment and Development Limited) กลุ่มนักลงทุนจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่เพิ่งเข้ามาเขย่าวงการลูกหนังแดนผู้ดีด้วยการซื้อกิจการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี อย่างไรก็ตาม ดาวเตะวัย 33 ปี ก็ถือเป็นพ่อค้าแข้งที่รวยที่สุดในโลกเวลานี้
โดยคาดการณ์ว่า อดีตมิดฟิลด์เท้าชั่งทองทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะมีเงินในบัญชีกว่า 100 ล้านปอนด์ (ประมาณ 6,000 ล้านบาท) หลังหมดสัญญากับทีม ลอสแอนเจลีส กาแลกซี เนื่องจากปัจจุบัน เบ็คแฮม ได้รับค่าเหนื่อยตกลงสัปดาห์ละ 4.5 แสนปอนด์ (ประมาณ 27 ล้านบาท)
นอกจากเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว ความเป็นซูเปอร์สตาร์ในตัว เบ็คแฮม ที่ผู้คนให้ความสนใจทั่วโลก ยังอาจเป็นพลังดึงดูดบรรดาผู้สนับสนุนเงินหนาหรือแม้แต่สปอนเซอร์ส่วนตัวบางราย ที่เตรียมเข้าคิวคอยหนุนในเรื่องเงินทุนให้ด้วยอีกแรง
ซึ่งล่าสุด ดาวเตะพ่อลูก 3 เปรยว่า "ผมชอบท้าทายความสามารถตัวเองอยู่ตลอดเวลา และต้องการมองหาสิ่งแปลกใหม่ให้กับชีวิตในอนาคตเสมอ มันคือสิ่งที่ผมปรารถนานั่นคือการได้เป็นเจ้าของธุรกิจขนาดย่อม หรือสโมสรสักทีม"
ทั้งนี้มีการวิเคราะห์กันว่าหาก เบ็คแฮม สนใจซื้อทีมระดับล่างของพรีเมียร์ลีกอย่าง สโต๊ค ซิตี หรือ ฮัลล์ ซิตี คงต้องใช้เงินราว 40 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,400 ล้านบาท) แต่หากอยากได้ทีมที่ดีขึ้นมาหน่อยอย่าง มิดเดิลสโบรห์ หรือ วีแกน นั้น คงต้องเบิกจ่ายเงินจำนวน 60 ล้านปอนด์ (ประมาณ 3,600 ล้านบาท) ส่วนอีกทางเลือกคือบรรดาทีมใน ลีก วัน ตัวอย่างเช่น เลย์ตัน โอเรียนต์ ที่อยู่ใกล้บ้านเกิดของเจ้าตัวในกรุงลอนดอน น่าจะใช้เงินแค่ราว 10 ล้านปอนด์ (ประมาณ 600 ล้านบาท) เท่านั้น