ปรากฏการณ์ที่ ไมเคิล เฟลป์ส ยอดฉลามหนุ่ม วัย 23 ปี สร้างไว้ในปักกิ่งเกมส์ 2008 ที่ประเทศจีนจากการกวาด 8 เหรียญทอง ส่งผลต่อเนื่องให้เกิดกระแสตื่นตัวในสหรัฐอเมริกาซึ่งผู้คนสนใจและเริ่มฝึกฝนว่ายน้ำกันมากขึ้นจากการเปิดเผยของบรรดาสโมสรและผู้ฝึกสอนว่ายน้ำในเมืองลุงแซม
“บัลติมอร์ บุลเล็ต” ก้าวข้ามสถานะจากนักว่ายน้ำระดับโลกกลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์อย่างเต็มตัว หลังสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาที่คว้าเหรียญทองมากที่สุดในกีฬาโอลิมปิกครั้งเดียว เหนือ มาร์ค สปิตซ์ ฉลามหนุ่มรุ่นพี่ที่เคยทำไว้ 7 เหรียญทอง จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กและวัยรุ่นมะกันหันมาลงสระเพิ่มขึ้น
ด้าน จอห์น คาดิแกน โค้ชของสโมสรกีฬาทางน้ำ นอร์ธ บัลติมอร์ (NBAC) ซึ่งเป็นที่ที่ เฟลป์ส เคยฝึกปรือวิชาว่ายน้ำและมีแผนกลับมาเยี่ยมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้เปิดเผยว่า ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เหล่าสโมสรต่างๆ มีโปรแกรมฝึกสอนในช่วงเช้าแน่นอย่างไม่ขาดสาย
ขณะที่ วิลล์ มีโดว์ส หนุ่มน้อยวัย 14 ปี ซึ่งมาฝึกที่ NBAC เมื่อวันอังคารที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมากล่าวว่า “ก่อนหน้านี้กีฬาประเภททีมแทบจะผูกขาดความนิยมของเยาวชน ทว่า ไมเคิล เฟลป์ส ช่วยดึงผู้คนให้หันมาว่ายน้ำกันมากขึ้น”
ส่วน แมกกี้ บราวน์ เพื่อนของ วิลล์ คิดเห็นในทำนองเดียวกันว่า “ผมเห็นคนส่วนใหญ่ของที่นี่ท้าแข่งว่ายน้ำกับคนอื่นบ่อยกว่าเดิมนับตั้งแต่ เฟลป์ส ทำผลงานอย่างเหนือชั้นในปักกิ่งเกมส์”
ณ วันนี้ เฟลป์ส ได้กลายเป็นฮีโร่ที่เข้าไปนั่งในหัวใจของเด็กๆ ชาวอเมริกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยชื่อ ไมเคิล ของเขากำลังจะเป็นที่กล่าวขานถึงในระดับเดียวกับ ไมเคิล จอร์แดน นักบาสเกตบอลขวัญใจมหาชนที่ครองความยิ่งใหญ่ในยุคของเขา
คาดิแกน พูดถึง “บัลติมอร์ บุลเล็ต” ในฐานะที่เป็นแรงบันดาลใจของเยาวชนมะกันว่าจะช่วยกระตุ้นให้คนที่ยังไม่เคยก้าวข้ามระดับการว่ายน้ำของตัวเองได้เลยหันมามองไปยังเป้าหมายที่สูงขึ้น “ตอนนี้พวกเขาเริ่มมีความคิดว่า ‘ผมจะเป็นเหมือน ไมเคิล เฟลป์ส ให้ได้’ ซึ่งมันช่วยให้เขาคิดว่าเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็สามารถเป็นไปได้”
นอกจากนี้ เมลินดา เคนเนดี้ ผู้จัดการสโมสรว่ายน้ำ Mission Viejo Nadadores ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งผลิตนักว่ายน้ำเข้าแข่งขันมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติมานักต่อนักตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ยังเสริมถึงกระแสความสนใจในกีฬาว่ายน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นว่า “ฉันมีงานต้องทำในแต่ละวันมากมาย และโทรศัพท์ก็ดังบ่อยมากจนแทบจะต้องยกหูออกเลยทีเดียว”
“บัลติมอร์ บุลเล็ต” ก้าวข้ามสถานะจากนักว่ายน้ำระดับโลกกลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์อย่างเต็มตัว หลังสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกีฬาที่คว้าเหรียญทองมากที่สุดในกีฬาโอลิมปิกครั้งเดียว เหนือ มาร์ค สปิตซ์ ฉลามหนุ่มรุ่นพี่ที่เคยทำไว้ 7 เหรียญทอง จนกลายเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กและวัยรุ่นมะกันหันมาลงสระเพิ่มขึ้น
ด้าน จอห์น คาดิแกน โค้ชของสโมสรกีฬาทางน้ำ นอร์ธ บัลติมอร์ (NBAC) ซึ่งเป็นที่ที่ เฟลป์ส เคยฝึกปรือวิชาว่ายน้ำและมีแผนกลับมาเยี่ยมในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึงนี้เปิดเผยว่า ตลอด 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เหล่าสโมสรต่างๆ มีโปรแกรมฝึกสอนในช่วงเช้าแน่นอย่างไม่ขาดสาย
ขณะที่ วิลล์ มีโดว์ส หนุ่มน้อยวัย 14 ปี ซึ่งมาฝึกที่ NBAC เมื่อวันอังคารที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมากล่าวว่า “ก่อนหน้านี้กีฬาประเภททีมแทบจะผูกขาดความนิยมของเยาวชน ทว่า ไมเคิล เฟลป์ส ช่วยดึงผู้คนให้หันมาว่ายน้ำกันมากขึ้น”
ส่วน แมกกี้ บราวน์ เพื่อนของ วิลล์ คิดเห็นในทำนองเดียวกันว่า “ผมเห็นคนส่วนใหญ่ของที่นี่ท้าแข่งว่ายน้ำกับคนอื่นบ่อยกว่าเดิมนับตั้งแต่ เฟลป์ส ทำผลงานอย่างเหนือชั้นในปักกิ่งเกมส์”
ณ วันนี้ เฟลป์ส ได้กลายเป็นฮีโร่ที่เข้าไปนั่งในหัวใจของเด็กๆ ชาวอเมริกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยชื่อ ไมเคิล ของเขากำลังจะเป็นที่กล่าวขานถึงในระดับเดียวกับ ไมเคิล จอร์แดน นักบาสเกตบอลขวัญใจมหาชนที่ครองความยิ่งใหญ่ในยุคของเขา
คาดิแกน พูดถึง “บัลติมอร์ บุลเล็ต” ในฐานะที่เป็นแรงบันดาลใจของเยาวชนมะกันว่าจะช่วยกระตุ้นให้คนที่ยังไม่เคยก้าวข้ามระดับการว่ายน้ำของตัวเองได้เลยหันมามองไปยังเป้าหมายที่สูงขึ้น “ตอนนี้พวกเขาเริ่มมีความคิดว่า ‘ผมจะเป็นเหมือน ไมเคิล เฟลป์ส ให้ได้’ ซึ่งมันช่วยให้เขาคิดว่าเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ก็สามารถเป็นไปได้”
นอกจากนี้ เมลินดา เคนเนดี้ ผู้จัดการสโมสรว่ายน้ำ Mission Viejo Nadadores ในแคลิฟอร์เนีย ซึ่งผลิตนักว่ายน้ำเข้าแข่งขันมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติมานักต่อนักตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ยังเสริมถึงกระแสความสนใจในกีฬาว่ายน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นว่า “ฉันมีงานต้องทำในแต่ละวันมากมาย และโทรศัพท์ก็ดังบ่อยมากจนแทบจะต้องยกหูออกเลยทีเดียว”
