xs
xsm
sm
md
lg

ถึงจีนอย่างเป็นทางการ / ภู่ หว่า เฮง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ “ตะลุยแดนมังกร” โดย “ภู่ หว่า เฮง”

หลายคนพูดว่าหากไปฝรั่งเศส ถ้าไม่ได้เดินไปเก็บบรรยากาศบนถนนฌองเอลิเซ หรือชักภาพคู่กับหอไอเฟล ผู้นั้นเสมือนมาไม่ถึงแดนน้ำหอม เช่นกันกับชาวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยแล้ว ต้องไปดูความสวยงามของวันพระแก้ว ส่วน “ภู่ หว่า เฮง” มาเมืองจีนทั้งที เราจะพลาดโอกาสไปสัมผัสความยิ่งใหญ่ของ “The Great Wall” ได้อย่างไร

ดังนั้นตั้งแต่ช่วงเช้าวันพฤหัสบดีที่ผ่าน ผม, เฮียยุทธ และ น้องตุ้ม แก็งค์เดิม ก็ได้สิทธินั้นเดี๋ยวนี้ก่อนกำหนด เพราะตอนแรกเรากะหาเวลาไป “กำแพงเมืองจีน” ในสัปดาห์สุดท้ายของโอลิมปิกเกมส์ 2008 แต่แหล่งข่าวแจ้งมาว่า “น้องเก๋” ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล ฮีโร่เหรียญทองมีคิวมาท่องเที่ยวที่นี่พร้อมกับทีมยกน้ำหนักไทยนำโดย “เจ๊บุษ” บุษบา ยอดบางเสย นายกสมาคมฯ จึงต้องตามไปเกาะกระแสดู

โดยเราสามคนใช้บริการเช่ารถไปยังกำแพงเมืองจีนในสนนราคาไป-กลับ 600 หยวน (สามพันบาท) เนื่องจากรถทัวร์ให้บริการไป The Great Wall แค่วันเสาร์-อาทิตย์ ที่นักท่องเที่ยวเนืองแน่นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เราได้พบกับ “เทียน ควา เจียน” ที่อาสาพาไปส่งยังจุดหมายในสนนราคา 600 หยวน (3 พันบาท) ขาดตัว เมื่อ say yes กันไป ตลอดเส้นทางประมาณจาก กรุงเทพฯ- พัทยา ใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมครึ่ง สารถีหนุ่มใหญ่วัย 30 ปีเศษ มีคำแนะนำเกี่ยวกับสถานที่ต่างๆ ที่ผ่านมา ประกอบกับลมพัดโบกเย็นเข้ามาในตัวรถโฟกส์ที่เปิดอากาศรับอากาศบริสุทธิ์เช้าๆ ทำให้เพลินเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เราจะเดินทางไปถึงกำแพงเมืองจีนในเวลา 9 โมงครึ่ง

จึงรีบซื้อตั๋วเข้าชมกำแพงเมืองจีนในราคา 40 หยวน (200 บาท) บวกกับควักอีก 50 หยวน (250 บาท) ขึ้นกระเช้าไฟฟ้าตรงดิ่งไปยังจุดหมาย เพื่อสมทบคณะยกเหล็กที่ได้เดินทางมาถึงได้ประมาณครึ่งชั่วโมงแล้ว ก้าวแรกที่เดินเข้าสู่กำแพงเมืองจีนผมรู้สึกทึ่งกับความยิ่งใหญ่ มองไกลก็ยังเห็นกำแพงหินถักกทอเป็นเส้นยาวจนสุดลูกหูลูกตา เมื่อเห็นเช่นนั้น น้องตุ้ม ซึ่งขึ้นไปเก็บบรรยากาศชักภาพนิดหน่อย ยกมือขอถอนตัวไม่ขึ้นไปเดินกับเราเนื่องจากเคยมาเยือนแล้ว ผมกับเฮียยุทธ เลยขอสำรวจป้อมต่างๆ ตามกำแพงสัก 3-4 ป้อม แต่ด้วยวัยและความอ่อนล้าสะสมทำให้สปีดของเราตกไปอย่างน่าใจหาย เรียกว่าเดิน 10 ก้าวพักหอบ จึงคลาดเคลื่อนกับ “น้องเก๋” ไปอย่างน่าเสียดาย

อย่างไรก็ตาม เราตัดสินใจอยู่ชมทัศนยีภาพของ กำแพงเมืองจีน พอหอมปากหอมคอก็เร่งเครื่องออกจากที่นี่เพื่อไปดักคณะนักยกเหล็กไทยซึ่งมีคิวเดินทางไป “กู้กง” พระราชวังต้องห้าม รวมถึง จัตุรัสเทียนอันเหมิน ที่หมายสุดท้าย ก่อนลงจากรถเราตั้งใจกล่าวขอบคุณโชเฟอร์ในคราบไกด์ที่บริการทุกระดับประทับใจจริงๆ แต่พี่ท่านบอกให้เรารีบกระโดดลง เพราะไม่อยากโดนใบสั่งจากเจ้าหน้าที่รัฐของจีนโทษฐานจอดรถระเกะระกะ

เดินไปถึงจัตุรัสเทียนอันเหมิน มิเท่าไหร่ ฝนห่าใหญ่ก็กระหน่ำลงมาอย่างไม่เกรงใจ ทำให้สามเกลอประจำทริปนี้ต้องรีบลอดประตูจัตุรัสเข้าไปหาที่หลบฝน พร้อมกันนั้น “เจ๊โอ๋” โทรมารายงานว่าทีมยกน้ำหนักเปลี่ยนโปรแกรมขอไปช็อปปิ้งที่ “เทียนอี้” เนื่องจากไม่สะดวกในการมาตากฝนถ่ายรูปบริเวณกู้กง และเทียนอันเหมิน ทำให้ชีพจรลงเท้าเราอีกแล้วครับพี่น้อง อดสัมผัสความงามของพระราชวังต้องห้ามไปโดยปริยาย

แต่เราก็ปลอบใจตัวเองว่าน่าจะมีโอกาสจับจ่ายใช้สอยที่ “เทียนอี้” บ้าง เมื่อไปถึงเห็นว่าข้าวของต่างๆ ที่นี่ไม่แตกต่างไปจาก “ตลาดรัสเซีย” ที่แวะไปพร้อมกับทีมยกเหล็กไทยตั้งแต่เมื่อวันพุธ แต่ก็เห็นได้ว่าทีมสตาฟฟ์หรือว่านักกีฬาของหลายประเทศ ให้ความสนใจมาช็อปปิ้งกันค่อนข้างมาก

เดินหากันอยู่พักใหญ่เห็นใครมุงดูอะไรกัน ผมเลยสวมวิญญาณไทยมุงสอดแทรกตัวเข้าไปเห็น “น้องเก๋” ยืนแจกลายเซ็นชาวจีนมือเป็นระวิง พร้อมกับฉีกยิ้มถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ได้เข้าไปพูดคุย ประภาวดี ยอมรับว่ามาเก็บบรรยากาศเท่านั้นและก็แทบไม่มีเวลาหาของให้ตัวเอง เพราะเดินไปไหนก็มีคนจำได้เข้ามาขอลายเซ็นถ่ายรูปอยู่ตลอดเวลา สุดท้าย น้องเก๋ ก็ได้เครื่องเล่น MP4 ติดมือกลับบ้านอีกหนึ่งชิ้น ขณะที่ผมเองยังไม่มีอะไรถูกใจประกอบกับมองไม่เห็นว่าสินค้าเหล่านี้แตกต่างจาก มาบุญครอง บ้านเราตรงไหน จึงขอบายเพื่อเก็บรักษาเงินที่เหลืออยู่ไว้ซื้อหาเสื้อผ้ากีฬาให้ตัวเองและกลับไปฝากเพื่อนๆ พี่ๆ ที่กรุงเทพ

ดังนั้นเป้าหมายของผมจึงอยู่ที่ shop ของ “หลี่ หนิง” ผู้จุดคบเพลิงปักกิ่งเกมส์ 2008 ไว้มีโอกาสคงได้มาเล่าสู่กันฟัง ก่อนจากขอให้ทีมงานยกน้ำหนักแห่งประเทศไทยที่สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศ เดินทางกลับโดยสวัสดิภาพในช่วงเที่ยงบ้านเรา
ชาวจีนเข้ามาขอลายเซ็น น้องเก๋ เพียบ
MP4 ที่ประภาวดี สอยก่อนกลับไทย
ชักภาพบนกำแพงเมืองจีนเป็นที่ระลึก
กำลังโหลดความคิดเห็น