หลัง พาเดร็ก แฮร์ริงตัน พัตต์เซฟพาร์ระยะ 18 ฟุตลงในหลุมที่ 18 คว้าแชมป์เมเจอร์รายการสุดท้ายของปี “พีจีเอ แชมเปียนชิป” ได้ครองสำเร็จที่สนามโอคแลนด์ ฮิลส์ คันทรี คลับ รัฐมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา หากเราจะยกให้ยอดโปรไอริชผู้นี้เป็น “มิสเตอร์เมเจอร์” คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด เมื่อชื่อของ “แฮร์ริงตัน” ถูกบันทึกว่าเป็นเจ้าของแชมป์รายการระดับเมเจอร์กอล์ฟถึง 3 จาก 6 รายการหลังสุด แถมเพิ่งป้องกันแชมป์ บริติช โอเพ่น ได้เมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้วอีกด้วย
"ในรายการเมเจอร์ ผมรู้สึกว่าผมมีความอดทนและนิ่งพอ” โปรจากดับลิน กล่าว “การแข่งในรายการที่สำคัญอย่างนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครใจเย็นและสามารถเล่นภายใต้แรงกดดันในช่วง 9 หลุมสุดท้ายได้ดีกว่ากัน"
นอกจากนี้ แฮร์ริงตัน ที่ถือเป็นโปรจากทวีปยุโรปคนแรกที่ได้แชมป์เมเจอร์ 2 รายการติดต่อในปีเดียวกันคือ บริติช โอเพ่น และพีจีเอ แชมเปียนชิป เปรียบเทียบชัยชนะของทั้ง 2 รายการให้ฟังว่า "มันต่างกันมาก ในบริติช โอเพ่น ผมเล่นอยู่ในเกมของตัวเองได้ แต่สัปดาห์นี้ผมไม่มีความมั่นใจเลยจริงๆ แต่พยายามคิดเสมอว่าตัวเองมีความสามารถพอที่จะชนะได้ขอเพียงแค่โอกาสมาถึง สุดท้ายไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้ 2 โทรฟีใน 3 สัปดาห์ คงต้องกลับไปนั่งและคิดทบทวนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไปอีกหลายวันเลยทีเดียว"
ทั้งนี้ แฮร์ริงตัน เป็นนักกอล์ฟจากทวีปยุโรปในรอบ 78 ปี ที่มาหยิบโทรฟี “วานาเมกเกอร์” บนแผ่นดินแห่งเสรีภาพ นับตั้งแต่ ทอมมี อาร์มัวร์ โปรสกอตแลนด์ ทำได้เมื่อปี 1930 โดย แฮร์ริงตัน ทำสกอร์วันสุดท้าย 4 อันเดอร์พาร์ 66 จบ 4 วันมี 3 อันเดอร์พาร์ 277 เฉือนเอาชนะ เซอร์คิโอ การ์เซีย โปรกระทิงดุ ที่ดันตีออกโบกีในหลุม 16 กับ 18 คู่ปรับเดิมจากศึกบริติช โอเพ่น ที่คาร์นุสตี เมื่อปีที่แล้ว กับ เบน เคอร์ติน จากสหรัฐฯ ไปเพียงแค่ 2 สโตรกเท่านั้น
“ผมว่าจุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ในหลุมที่ 17” ยอดโปรวัย 36 ปี ที่พัตระยะ 12, 8 และ 18 ฟุตลงใน 3 หลุมสุดท้าย กล่าว “ตอนนั้นต้องพัตต์ก่อน ผมมั่นใจว่าหากพัตต์ลง เป็นแชมป์แน่ แต่หากไม่ลง เซอร์คิโอ (การ์เซีย) ก็ได้แชมป์ไป"
ชัยชนะเที่ยวนี้ของแฮร์ริงตัน ถือเป็นการเด็ดหัวใจยอดโปรจากสเปนลงอีกครั้ง หลังจากที่โปรไอริช ผู้นี้เคยสยบ การ์เซีย มาได้ครั้งหนึ่งแล้ว ในรอบเพลย์ออฟ ศึกเมเจอร์ ดิ โอเพ่น เมื่อปี 2007
นอกจากได้รับเงินรางวัล 1.3 ล้านเหรียญสหรัฐแล้ว แฮร์ริงตัน ยังถือเป็นชาวไอริชคนแรกที่ได้แชมป์ พีจีเอ แชมเปียนชิป เช่นเดียวกับการได้เป็นนักกอล์ฟคนที่ 4 ที่ได้แชมป์เมเจอร์สองรายการสุดท้ายของปีติดภายในปีเดียวกัน ต่อจาก วอลเตอร์ ฮาเกน, นิค ไพรซ์ และ ไทเกอร์ วูดส์
พาเดร็ก แฮร์ริงตัน มีชื่อเล่นว่า “แพดดี” ก้านเหล็กเบอร์ 3 ของโลก เริ่มเทิร์นโปรเมื่อปี 1995 และได้แชมป์แรกรายการ สแปนิช โอเพ่น เมื่อปี 1996 ตลอดจนอยู่ในทีมยุโรป ชุดแชมป์ไรเดอร์ คัพ ปี 2002, 2004 และ 2006 โดยเป็นนักกอล์ฟชาวไอริชคนแรกที่มาชนะใน พีจีเอ ทัวร์ รายการฮอนด้า คลาสสิก เมื่อปี 2005
ขณะที่อีกหนึ่งความประทับใจของแฟนกีฬาชาวไทย ก็คือความสำเร็จของ “โปรหมาย”ประหยัด มากแสง หนึ่งเดียวจากประเทศไทย ที่จบด้วยอันดับ 15 ทำสกอร์ 4 วัน 3 อันเดอร์พาร์ 287 ทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ว่าจะผ่านการตัดตัวรายการระดับเมเจอร์เป็นครั้งแรกให้ได้
"ผมมีสมาธิมากกับการเล่นในวันนี้" ยอดโปรวัย 42 ปี กล่าวระหว่างนั่งพักหลังเล่นไปได้ 17 หลุมในรอบที่ 3 เนื่องจากฝนตก อยู่บนคลับเฮ้าของสนามโอคแลนด์ ฮิลส์ คันทรี คลับ "ผมมั่นใจมากขึ้นเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะสามารถเล่นได้ดีมากเมื่อวานนี้ ถึงตอนนี้ผมรู้ลักษณะสภาพสนามมากขึ้น ดังนั้นจึงรู้ว่าจะต้องเล่นอย่างไร ผมจึงรู้สึกดีกับการเล่นที่นี่"
ทั้งนี้ ยอดโปรจากอำเภอหัวหินมือ 76 ของโลก เริ่มเทิร์นโปรตั้งแต่ปี 1991 เป็นแชมป์เอเชียน ทัวร์ มาแล้ว 6 รายการ โดยในปีนี้ได้ไป 2 รายการ คือ มิตซูบิชิ ไดมอนด์ คัพ และมิซูโน โอเพ่น อีกทั้งยังทำเงินรางวัลสูงสุดใน เจแปน ทัวร์ ก่อนหน้านี้ขอถอนตัวออกจากการแข่ง เดอะ มาสเตอร์ เมื่อเดือนเมษายน เนื่องจากมีอาการเจ็บหลัง ตลอดจนไม่ผ่านตัดตัวศึก บริติช โอเพ่น โดยขาดไปเพียงแค่สโตรกเดียวเท่านั้น