ทีมข่าว MGR Sport มีโอกาสไปเก็บบรรยากาศ ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล ฮีโร่โอลิมปิกเกมส์ 2008 รับมอบพระราชทานดอกไม้ และพระราชสาสน์แสดงความดีใจจาก สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่สถานทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง จึงมีโอกาสพูดคุยเปิดใจชีวิตของ “น้องเก๋” ในแง่มุมต่างๆ
หลังประกาศศักดาคว้าเหรียญทอง ยกน้ำหนักหญิงรุ่น 53 กก.ในกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติครั้งที่ 29 ที่ประเทศจีน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา “น้องเก๋” ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล ยอมรับผ่าน MGR Sport ว่า ชีวิตของเธอนั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในชั่วข้ามคืน
ประภาวดี เริ่มเผยใจ “ตอนนี้รู้สึกว่าชีวิตตัวเองเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ย้อนกลับไปสมัยเด็กทางบ้านของ เก๋ ค่อนข้างลำบาก คุณแม่ต้องทำงานรับเหมาก่อสร้าง บางวันเราไม่มีเงินแม้แต่ซื้อกับข้าวมากิน จึงต้องกินข้าวคลุกกระเทียมเจียวเพื่อประทังชีวิต แต่ตอนนี้เราคงสบายขึ้น เก๋ อยากสร้างรากฐานครอบครัวให้มั่นคงในฐานะที่หนูเป็นผู้นำครอบครัวคนหนึ่ง”
“หลังจากได้เหรียญทอง เมื่อวานก็มีโอกาสโทร.กลับไปยังประเทศไทยคุยกับพ่อ (จันทร์แก้ว เจริญรัตนธารากูล) ซึ่งคุณพ่อแสดงความยินดีกับ เก๋ แต่ยังไม่ได้คุยกับแม่ (ภาวลี เจริญรัตนธารากูล) ส่วนเมื่อวานที่ไม่ได้รับสายพี่ๆ นักข่าวก็ขอโทษด้วย เนื่องจากเมื่อวานยุ่งๆ จริงๆ”
“สิ่งแรกที่อยากทำตอนนี้ คือ กลับไปเยี่ยมครอบครัวที่บ้านเกิด นับตั้งแต่รับใช้ชาติฝึกซ้อมกับทีมมา 8 ปี เก๋ เพิ่งมีโอกาสไปเยี่ยมบ้านที่นครสวรรค์แค่ 3 ครั้งเท่านั้น ส่วนอาหารมื้อแรกที่อยากกินที่สุดหลังแข่ง ได้แก่ กะเพราหมู ไข่ดาว 2 ฟอง และหนูก็ได้รับประทานไปแล้วเมื่อคืน”
เมื่อถูกถามถึงการจัดสรรเงินอัดฉีดถึง 16 ล้านบาท ประภาวดี กล่าวกับ MGR Sport ดังนี้ “เก๋ ปลูกบ้านให้พ่อแม่ไปก่อนหน้านี้แล้ว อีกทั้งก็มีรถฮอนด้า ซีวิค ขับอยู่ ดังนั้นเงินที่ได้คงนำไปฝากธนาคาร ยังไม่คิดลงทุนทำอะไร เพราะตอนนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ก่อนหน้านี้ เคยลงทุนเปิดร้านขายลูกชิ้นปิ้งให้พ่อ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และก็เคยมองธุรกิจร้านมินิมาร์ท ทว่า เมื่อเศรษฐกิจบ้านเรายังไม่ดี เก๋ อยากสร้างหลักประกันด้วยการฝากเงินไว้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ถ้าถามว่า ส่วนตัวอยากได้รถคันใหม่หรือไม่ ก็บอกได้ว่าตอนนี้เล็งๆ เชฟโรเลต แคปติวา สีบรอนซ์ อยู่เหมือนกัน”
จากนั้น “น้องเก๋” พูดถึงอนาคตในทีมชาติ “ตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาบาดเจ็บอะไรแล้วหลังจากที่เคยศอกหลุดในทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์โลกเมื่อปีก่อน จากนี้ก็พร้อมรับใช้ชาติต่อไป ไม่ใช่เหตุผลที่ว่าเราต้องการเป็นหนึ่งเสมอไป แต่เป็นเพราะหนูรักในกีฬายกน้ำหนักจริงๆ ส่วนการลงแข่งรายการต่อจากนี้ เก๋ อยากทุ่มเทให้รายการใหญ่ปีละครั้ง เพื่อที่จะได้ทำงานของตัวเองให้ออกมาเต็มที่ ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับทางสมาคมด้วย สำหรับโอลิมปิกครั้งนี้ เก๋ ทุ่มเทพลังกายพลังใจอย่างหนักและต้องถือว่าเราโชคดีด้วยที่จีนไม่ส่งนักกีฬาลงรุ่นเดียวกับเรา ถ้าได้เจอกันในรายการอื่น เก๋ ก็พร้อมสู้เสมอ ส่วนตอนนี้ เก๋ จะอยู่เชียร์เพื่อนจนจบการแข่งขันคงเดินทางกลับในวันที่ 25 ส.ค.เรามาด้วยกันก็ต้องกลับพร้อมกัน”
สุดท้ายทีมงาน MGR Sport ไม่ลืมถามไถ่เรื่องหัวใจ เมื่อเจอคำถามนี้เข้าไป “น้องเก๋” ถึงกับอมยิ้ม พร้อมตอบกลับมาสั้นๆ “ตอนนี้หัวใจ เก๋ ไม่ว่างแล้วคะ ก็มีคนรู้ใจที่ให้กำลังใจดูแลกันมาได้สองปีแล้ว”
หลังประกาศศักดาคว้าเหรียญทอง ยกน้ำหนักหญิงรุ่น 53 กก.ในกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติครั้งที่ 29 ที่ประเทศจีน เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา “น้องเก๋” ประภาวดี เจริญรัตนธารากูล ยอมรับผ่าน MGR Sport ว่า ชีวิตของเธอนั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือในชั่วข้ามคืน
ประภาวดี เริ่มเผยใจ “ตอนนี้รู้สึกว่าชีวิตตัวเองเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ย้อนกลับไปสมัยเด็กทางบ้านของ เก๋ ค่อนข้างลำบาก คุณแม่ต้องทำงานรับเหมาก่อสร้าง บางวันเราไม่มีเงินแม้แต่ซื้อกับข้าวมากิน จึงต้องกินข้าวคลุกกระเทียมเจียวเพื่อประทังชีวิต แต่ตอนนี้เราคงสบายขึ้น เก๋ อยากสร้างรากฐานครอบครัวให้มั่นคงในฐานะที่หนูเป็นผู้นำครอบครัวคนหนึ่ง”
“หลังจากได้เหรียญทอง เมื่อวานก็มีโอกาสโทร.กลับไปยังประเทศไทยคุยกับพ่อ (จันทร์แก้ว เจริญรัตนธารากูล) ซึ่งคุณพ่อแสดงความยินดีกับ เก๋ แต่ยังไม่ได้คุยกับแม่ (ภาวลี เจริญรัตนธารากูล) ส่วนเมื่อวานที่ไม่ได้รับสายพี่ๆ นักข่าวก็ขอโทษด้วย เนื่องจากเมื่อวานยุ่งๆ จริงๆ”
“สิ่งแรกที่อยากทำตอนนี้ คือ กลับไปเยี่ยมครอบครัวที่บ้านเกิด นับตั้งแต่รับใช้ชาติฝึกซ้อมกับทีมมา 8 ปี เก๋ เพิ่งมีโอกาสไปเยี่ยมบ้านที่นครสวรรค์แค่ 3 ครั้งเท่านั้น ส่วนอาหารมื้อแรกที่อยากกินที่สุดหลังแข่ง ได้แก่ กะเพราหมู ไข่ดาว 2 ฟอง และหนูก็ได้รับประทานไปแล้วเมื่อคืน”
เมื่อถูกถามถึงการจัดสรรเงินอัดฉีดถึง 16 ล้านบาท ประภาวดี กล่าวกับ MGR Sport ดังนี้ “เก๋ ปลูกบ้านให้พ่อแม่ไปก่อนหน้านี้แล้ว อีกทั้งก็มีรถฮอนด้า ซีวิค ขับอยู่ ดังนั้นเงินที่ได้คงนำไปฝากธนาคาร ยังไม่คิดลงทุนทำอะไร เพราะตอนนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ก่อนหน้านี้ เคยลงทุนเปิดร้านขายลูกชิ้นปิ้งให้พ่อ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และก็เคยมองธุรกิจร้านมินิมาร์ท ทว่า เมื่อเศรษฐกิจบ้านเรายังไม่ดี เก๋ อยากสร้างหลักประกันด้วยการฝากเงินไว้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ถ้าถามว่า ส่วนตัวอยากได้รถคันใหม่หรือไม่ ก็บอกได้ว่าตอนนี้เล็งๆ เชฟโรเลต แคปติวา สีบรอนซ์ อยู่เหมือนกัน”
จากนั้น “น้องเก๋” พูดถึงอนาคตในทีมชาติ “ตอนนี้ก็ไม่มีปัญหาบาดเจ็บอะไรแล้วหลังจากที่เคยศอกหลุดในทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์โลกเมื่อปีก่อน จากนี้ก็พร้อมรับใช้ชาติต่อไป ไม่ใช่เหตุผลที่ว่าเราต้องการเป็นหนึ่งเสมอไป แต่เป็นเพราะหนูรักในกีฬายกน้ำหนักจริงๆ ส่วนการลงแข่งรายการต่อจากนี้ เก๋ อยากทุ่มเทให้รายการใหญ่ปีละครั้ง เพื่อที่จะได้ทำงานของตัวเองให้ออกมาเต็มที่ ตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับทางสมาคมด้วย สำหรับโอลิมปิกครั้งนี้ เก๋ ทุ่มเทพลังกายพลังใจอย่างหนักและต้องถือว่าเราโชคดีด้วยที่จีนไม่ส่งนักกีฬาลงรุ่นเดียวกับเรา ถ้าได้เจอกันในรายการอื่น เก๋ ก็พร้อมสู้เสมอ ส่วนตอนนี้ เก๋ จะอยู่เชียร์เพื่อนจนจบการแข่งขันคงเดินทางกลับในวันที่ 25 ส.ค.เรามาด้วยกันก็ต้องกลับพร้อมกัน”
สุดท้ายทีมงาน MGR Sport ไม่ลืมถามไถ่เรื่องหัวใจ เมื่อเจอคำถามนี้เข้าไป “น้องเก๋” ถึงกับอมยิ้ม พร้อมตอบกลับมาสั้นๆ “ตอนนี้หัวใจ เก๋ ไม่ว่างแล้วคะ ก็มีคนรู้ใจที่ให้กำลังใจดูแลกันมาได้สองปีแล้ว”