"ไมเคิล จอร์แดน" ราชายัดห่วงบันลือโลก

ย้อนกลับไปในช่วงก่อนที่นักแม่นห่วงอาชีพจะได้รับอนุญาตให้ลงเล่นในกีฬาโอลิมปิกได้ ไมเคิล จอร์แดน ที่กำลังเล่นในระดับมหาวิทยาลัยถูกเรียกติดทีมบาสเกตบอลชายสหรัฐฯ ในการแข่งขันลอสแองเจลิส เกมส์ ปี 1984 ซึ่ง “เอ็มเจ” ก็ฉายแววเจิดจรัสด้วยการเป็นผู้เล่นที่มีค่าเฉลี่ยทำสกอร์สูงสุดในทีมที่ 17.1 แต้มต่อเกม

ด้วยความฉกาจฉกรรจ์ของขุนพลยัดห่วงมะกันจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะคว้าเหรียญทองมาครองได้โดยมีสถิติสวยหรูไม่แพ้ใครตลอดทัวร์นาเมนต์ ก่อนที่ จอร์แดน จะก้าวขึ้นเป็นนักบาสฯ อาชีพอย่างเต็มตัวในเวลาต่อมา จนกระทั่งไต่สู่จุดสูงสุดในฐานะผู้เล่นที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงการยัดห่วงโลกอย่างไร้ข้อกังขา

นอกจากฝีไม้ลายมืออันเก่งกาจจนเป็นที่ยอมรับแล้ว เขายังได้รับการการันตีด้วยรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่าของศึก NBA มากถึง 5 สมัย เป็นผู้ทำสกอร์สูงสุดของลีก 10 ฤดูกาล และเป็นคีย์แมนในการนำทีม “กระทิงเปลี่ยว” ชิคาโก บูลส์ คว้าแชมป์ NBA มาครองได้ถึง 6 สมัย ยิ่งไปกว่านั้น ในปี 2003 จอร์แดน ยังได้รับการบันทึกว่าเป็นผู้เล่นที่ทำแต้มสูงสุดในประวัติศาสตร์ NBA ด้วยค่าเฉลี่ย 30.1 ต่อเกม

เมื่อบรรดาจอมยัดห่วงอาชีพได้รับไฟเขียวให้ลงเล่นได้ในบาร์เซโลน่าเกมส์ ปี 1992 “เอ็มเจ” ก็ไม่พลาดที่จะมีชื่อติดโผทีมสหรัฐฯ ร่วมกับเหล่าสตาร์อย่าง เมจิก จอห์นสัน, ลาร์รี่ เบิร์ด และ เดวิด โรบินสัน ซึ่งได้รับการขนานนามว่า “ดรีมทีม” และในมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติหนนี้ เขาก็ทำในสิ่งที่คุ้นเคยด้วยการกดแต้มสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของทีมโดยมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 14.9 แต้มต่อเกม และยังขโมยบอลได้มากที่สุดในการแข่งขันถึง 37 ครั้ง

ทันทีที่จบแมตช์ชิงชนะเลิศซึ่ง สหรัฐฯ เอาชนะ โครเอเชีย ไป 117-85 นั่นหมายความว่า ไมเคิล จอร์แดน คว้าเหรียญทองโอลิมปิกได้เป็นสมัยที่ 2 ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นประวัติศาสตร์ของทีมยัดห่วงมะกันที่ได้เหรียญทองมาคล้องคอทั้งในระดับสมัครเล่นและอาชีพร่วมกับ พาทริค อีวิง และ คริส มัลลิน เพื่อนร่วมทีมชุดปี 1984