พอล เพียร์ซ ฟอร์เวิร์ดตัวเก่ง บอสตัน เซลติกส์ รับฝันเป็นจริงที่พาต้นสังกัดเข้าไปเผชิญหน้า แอลเอ เลเกอร์ส ในศึกบาสเกตบอลเอ็นบีเอ (NBA) ประจำฤดูกาล 2007/08
หลังกดไปคนเดียว 27 แต้ม 8 รีบาวด์ พอล เพียร์ซ ผสานงานกับ เควิน การ์เนตต์, เรย์ อัลเลน เป็น “บิ๊กทรี” ผนวกกับ ราฮอน รอนโด และเคนดริก เพอร์กินส์ 2 ดาวรุ่งของเฟรนไชส์ ช่วยให้ บอสตัน เซลติกส์ พลิกสถานการณ์ในควอเตอร์ที่ 4 บุกเล่นงาน ดีทรอยต์ พิสตันส์ 89-81 คะแนน ปิดซีรีส์ 4-2 เกมพร้อมผงาดคว้าแชมป์ฝั่งตะวันออกมาครอง
จากชัยชนะดังกล่าวทำให้ เซลติกส์ ผงาดเข้าชิงแชมป์ NBA เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1986 ที่ “บิ๊กทรี” ฉบับดั้งเดิมอย่าง แลร์รี เบิร์ด, เควิน แม็คเฮล และโรเบิร์ต แพริช นำทีมปราบ ฮุสตัน (ร็อคเก็ตส์) คว้าแชมป์ไปได้ แต่คู่แข่งในปีนี้ค่อนข้างแข็งแกร่งทีเดียว เนื่องจาก แอลเอ เลเกอร์ส โชว์ฟอร์มเก่งเผด็จศึก “แชมป์เก่า” ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ขาดลอย 4-1 เกมซิวแชมป์ฝั่งตะวันตกมาได้
โดย เพียร์ซ ออกมาเผย “ มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับแฟนๆ บอสตัน (เซลติกส์) สำหรับผมเป็นอะไรที่วิเศษยิ่ง ผมเริ่มเล่นบาสเกตบอลและเติบโตในลอสแองเจลิส ดูการเผชิญหน้ากันระหว่างเลเกอร์สกับเซลติกส์มานักต่อนัก ตอนนี้ผมมาโตกับเซลติกส์และกำลังพาทีมเข้าไปชิงแชมป์กับเลเกอร์ส ”
“ มันเหมือนฝันที่เป็นจริงก็ว่าได้ ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ ผมเชื่อว่านี่เป็นการพบกันของคู่อริในศึกบาสเกตบอลที่หวนกลับมาอีกครั้ง ตอนนี้ผมกำลังจะเป็นส่วนหนึ่งของเกม ” ฟอร์เวิร์ดวัย 30 ปีซึ่งเกิดในโอคแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เผยปิดท้าย
สำหรับในยุค 80 คงไม่มีอริคู่ใดดวลกันได้สนุกเทียบเท่าการเผชิญหน้ากันระหว่าง เบิร์ด, แม็คเฮล และแพริช ของเซลติกส์ กับ เลเกอร์ส ที่นำมาโดย เมจิก จอห์นสัน, เจมส์ เวิร์ทธี และคารีม อับดุล-จาบบาร์ ซึ่งการพบกันในรอบชิงสองครั้งหลังสุดเป็น เลเกอร์ส ที่เฮทั้งในปี 1985 และ 1987 อย่างไรก็ตาม เซลติกส์ คือทีมที่เป็นแชมป์ NBA มากสุดในประวัติศาสตร์ 16 สมัย ขณะที่ เลเกอร์ส เถลิงแชมป์รองลงมาที่ 14 สมัย
ในส่วนของการเจอกันในปี 2008 ยังเล่นในระบบทีมใดที่ชนะ 4 จาก 7 เกมก่อนเป็นแชมป์ แต่ซีรีส์จะแตกต่างออกไปจากรอบก่อนๆ โดย เซลติกส์ เล่นในบ้านสองเกมแรกก่อน (เริ่มเกมแรกเช้าวันศุกร์ที่ 6 มิ.ย.ตามวัน-เวลาประเทศไทย) จากนั้น เลเกอร์ส จะกลับไปเล่นในถิ่นบ้างติดต่อกัน 3 เกม หากยังยืดเยื้อเกมที่ 6-7 จะไปตัดสินที่บ้านของ เซลติกส์ ทีมซึ่งมีสถิติดีที่สุดในฤดูกาลปกติ
หลังกดไปคนเดียว 27 แต้ม 8 รีบาวด์ พอล เพียร์ซ ผสานงานกับ เควิน การ์เนตต์, เรย์ อัลเลน เป็น “บิ๊กทรี” ผนวกกับ ราฮอน รอนโด และเคนดริก เพอร์กินส์ 2 ดาวรุ่งของเฟรนไชส์ ช่วยให้ บอสตัน เซลติกส์ พลิกสถานการณ์ในควอเตอร์ที่ 4 บุกเล่นงาน ดีทรอยต์ พิสตันส์ 89-81 คะแนน ปิดซีรีส์ 4-2 เกมพร้อมผงาดคว้าแชมป์ฝั่งตะวันออกมาครอง
จากชัยชนะดังกล่าวทำให้ เซลติกส์ ผงาดเข้าชิงแชมป์ NBA เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1986 ที่ “บิ๊กทรี” ฉบับดั้งเดิมอย่าง แลร์รี เบิร์ด, เควิน แม็คเฮล และโรเบิร์ต แพริช นำทีมปราบ ฮุสตัน (ร็อคเก็ตส์) คว้าแชมป์ไปได้ แต่คู่แข่งในปีนี้ค่อนข้างแข็งแกร่งทีเดียว เนื่องจาก แอลเอ เลเกอร์ส โชว์ฟอร์มเก่งเผด็จศึก “แชมป์เก่า” ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส ขาดลอย 4-1 เกมซิวแชมป์ฝั่งตะวันตกมาได้
โดย เพียร์ซ ออกมาเผย “ มันเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับแฟนๆ บอสตัน (เซลติกส์) สำหรับผมเป็นอะไรที่วิเศษยิ่ง ผมเริ่มเล่นบาสเกตบอลและเติบโตในลอสแองเจลิส ดูการเผชิญหน้ากันระหว่างเลเกอร์สกับเซลติกส์มานักต่อนัก ตอนนี้ผมมาโตกับเซลติกส์และกำลังพาทีมเข้าไปชิงแชมป์กับเลเกอร์ส ”
“ มันเหมือนฝันที่เป็นจริงก็ว่าได้ ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ ผมเชื่อว่านี่เป็นการพบกันของคู่อริในศึกบาสเกตบอลที่หวนกลับมาอีกครั้ง ตอนนี้ผมกำลังจะเป็นส่วนหนึ่งของเกม ” ฟอร์เวิร์ดวัย 30 ปีซึ่งเกิดในโอคแลนด์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เผยปิดท้าย
สำหรับในยุค 80 คงไม่มีอริคู่ใดดวลกันได้สนุกเทียบเท่าการเผชิญหน้ากันระหว่าง เบิร์ด, แม็คเฮล และแพริช ของเซลติกส์ กับ เลเกอร์ส ที่นำมาโดย เมจิก จอห์นสัน, เจมส์ เวิร์ทธี และคารีม อับดุล-จาบบาร์ ซึ่งการพบกันในรอบชิงสองครั้งหลังสุดเป็น เลเกอร์ส ที่เฮทั้งในปี 1985 และ 1987 อย่างไรก็ตาม เซลติกส์ คือทีมที่เป็นแชมป์ NBA มากสุดในประวัติศาสตร์ 16 สมัย ขณะที่ เลเกอร์ส เถลิงแชมป์รองลงมาที่ 14 สมัย
ในส่วนของการเจอกันในปี 2008 ยังเล่นในระบบทีมใดที่ชนะ 4 จาก 7 เกมก่อนเป็นแชมป์ แต่ซีรีส์จะแตกต่างออกไปจากรอบก่อนๆ โดย เซลติกส์ เล่นในบ้านสองเกมแรกก่อน (เริ่มเกมแรกเช้าวันศุกร์ที่ 6 มิ.ย.ตามวัน-เวลาประเทศไทย) จากนั้น เลเกอร์ส จะกลับไปเล่นในถิ่นบ้างติดต่อกัน 3 เกม หากยังยืดเยื้อเกมที่ 6-7 จะไปตัดสินที่บ้านของ เซลติกส์ ทีมซึ่งมีสถิติดีที่สุดในฤดูกาลปกติ