“คงดีเกินไปที่จะเป็นเรื่องจริง” เชื่อว่าหลายคนที่เฝ้าติดตามการแข่งขันกอล์ฟเมเจอร์ ดิ โอเพ่นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาและหวังจะเห็น "ฉลามขาว" เกรก นอร์แมน ในวัย 53 ปีคว้าถ้วยคลาเร็ต จัก สมัยที่สามต่างต้องพากันถอนหายใจ และแสดงความยินดีกับอันดับที่สามของโปรชาวออสเตรเลีย เมื่อศึกเมเจอร์ครั้งนี้ก็จบลงด้วยชัยชนะของแชมป์เก่าชาวไอริช พาเดรก แฮร์ริงตัน ซึ่งดูจะถูกโฉลกเป็นอย่างยิ่งกับเมเจอร์โหดหินบนเกาะอังกฤษราย
การนี้เป็นอย่างดี
แม้ว่า นอร์แมน จะไม่สามารถคว้าแชมป์มาครองได้ แต่อันดับที่สามร่วมหลังจบการแข่งขันก็ทำให้หลายคนเห็นว่าโปรรุ่นใหญ่รายนี้ยังไม่หมดไฟ และพร้อมที่จะวัดวงสวิงกับคลื่นลูกหลังอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผลงานในวัย 53 ปีที่ต้องเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งตำนานที่ โปรชาวออสเตรเลียรายนี้ได้จารึกไว้ในวงการ
หากย้อนกลับไปดูผลงานในช่วงปลายของโปรชื่อดังชาวออสซี่จะพบว่า นอร์แมน แทบจะหยุดลงสนามแข่งในช่วงวัย 50 ปีรายการสุดท้ายที่เขาร่วมดวลสวิงด้วยนั้นคือ ซีเนียร์ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิป ที่ โอค ฮิลล์ คันทรี่ คลับและหลังจากนั้นในช่วงระหว่างปี 2005-2006 เจ้าของฉายา "ฉลามขาว" แห่งวงการกอล์ฟก็มิได้ปรากฏกายเพื่อในสนามการแข่งขันใดอีกเลย
สาเหตุสำคัญที่ทำให้อดีตโปรชื่อดังหมดไฟนั้นส่วนหนึ่งมาจากปัญหาชีวิตครอบครัวที่นอร์แมนได้ตัดสินใจหย่าขาดจากภรรยาเก่า “ลอรา แอนดราสซี่ย์” ในเดือนพฤษภาคมปี 2006 จากนั้นได้ตัดสินใจแต่งงานใหม่กับ คริส เอเวิร์ต อดีตนักเทนนิสหญิงหมายเลขหนึ่งของโลกในเดือนกันยายนปี 2007
ซึ่งการแต่งงานครั้งที่สองนี้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้เจ้าของแชมป์ดิ โอเพ่นสองสมัย (1986, 1993) หันกลับมามุ่งมั่นเพื่อลงสู่สนามแข่งขันอีกครั้งและ คริส เอเวิร์ต ก็ทำหน้าที่ภรรยาผู้สนับสนุนสามีอย่างเต็มที่ซึ่งเธอเคยกล่าวผ่านสื่อว่า “ฉันอยากเห็นเขาได้กลับลงสนามแข่งในกีฬาอันเป็นที่รักอีกครั้งจะเป็นรายการอะไรก็ได้ ผลงานจะแพ้หรือชนะก็ตาม ฉันต้องการเห็นเขากลับมามีชีวิตที่เติมเต็มอีกสักครั้ง”
ด้วยพลังใจจากครอบครัวจึงไม่น่าแปลกใจที่ทุกคนต่างยอมรับในความสำเร็จของเกรก นอร์แมน ที่ไม่เพียงแต่จะเป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่แต่ผลงานครั้งนี้ได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของมนุษย์คนหนึ่งที่ทุ่มเทให้กับกีฬาที่เขารัก
นอกจากภาพวงสวิงอันงดงาม และจิตใจที่สู้เกินร้อยของนอร์แมน บนสนามรอยัล เบิร์กเดลแล้ว สิ่งที่แฟนกอล์ฟเห็นตลอดทั้งสี่วันของการแข่งขันคือ คริส เอเวิร์ต ที่ติดตามผลงานของสามีชนิดก้าวต่อก้าวเพื่อให้ และยิ่งน่าประทับใจเมื่อถึงการแข่งขันในหลุมหนึ่งเจ้าหน้าสนามได้ให้สิทธิพิเศษแก่ เอเวิร์ต เพื่อจะได้ดู นอร์แมน พัตต์ อย่างชัดเจนบนกรีน เธอ กล่าวปฏิเสธพร้อมกับรอยยิ้มว่า "ในสนามกอล์ฟไม่มีใครเป็นวีไอพีเราต่างเป็นผู้ชมที่ติดตามการแข่งขันเหมือนกัน"
นี่คือบุคลิกภาพที่ เอเวิร์ต ได้สร้างความประทับใจเป็นอย่างยิ่งให้กับบรรดาแฟนกอล์ฟในสนาม “รอยัล เบิร์กเดล” และถึงแม้สามีสุดที่รักจะจบสกอร์วันสุดท้ายที่ 77 หลังจากขึ้นเป็นผู้นำในวันแรกถึงสองสโตรก แต่อันดับที่สามร่วมก็ถือได้ว่าเป็นการกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบสำหรับโปรชาวออสเตรเลีย
หลังการแข่งขันโปรวัย 53 ปีให้สัมภาษณ์ว่า "ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่วิเศษสุด เมื่อได้ตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขันเมเจอร์รายการนี้ ผมเดินทางมาถึงสนามด้วยร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์พร้อมจะลงสนาม และทั้งหมดนั้นก็ได้แสดงให้ทุกคนเห็นในผลงานที่ผ่านมาตลอดทั้งสี่วัน แม้วันสุดท้ายสกอร์อาจจะไม่เป็นไปตามที่คาดแต่ ผมและภรรยาก็รู้สึกมีความสุขมากที่ทุกอย่างจบลงได้ด้วยดี"
นอกจากนี้ นอร์แมน ยังกล่าวถึงการลงสนามของตนเองต่อจากนี้ว่า “สำหรับผมแล้วการได้กลับมาแข่งอีกครั้งนับเป็นความสุขอย่างยิ่ง และที่มาถึงวันนี้ได้เกิดจากการสร้างความสมดุลให้กับชีวิตตนเอง ที่ผ่านมาบางครั้งผมทุ่มเทให้กับการฝึกซ้อมแต่ผลงานก็ไม่เป็นดังหวัง แต่ทุกวันนี้ผมทำให้เกมกอล์ฟเป็นเรื่องสนุกเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตและเมื่อลงทำการแข่งขันผมไม่ได้สนใจเป้าหมายแต่ตั้งใจทำให้ดีที่สุด หลังจากนี้มีอีกสองรายการที่ผมเตรียมจะเข้าร่วมคือ ซีเนียร์ บริทิช โอเพ่น และ ซีเนียร์ ยูเอส โอเพ่น เมื่อจบทั้งสองรายการก็จะขอพักผ่อนอีกสักระยะ”
ในวัย 53 ปีเกรก นอร์แมน ผ่านการใช้ชีวิตมาแล้วเกินครึ่งทาง ความสำคัญของการแข่งขันสำหรับ “ฉลามขาว” ณ วันนี้ชัยชนะอาจมิใช่เป้าหมายหลักหากแต่การได้เข้าร่วมและทำในสิ่งที่รักกับเกมกอล์ฟ ทำให้เขาสามารถเรียกศักดิ์ศรีของอดีตแชมป์กลับคืนมาได้อย่างสง่างาม