เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายกันแล้วสำหรับ “ยูโร 2008” โดยในคืนวันพุธที่ 25 มิถุนายน คอลูกหนังจะได้ทราบว่าระหว่าง “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี กับ “ไก่งวง” ตุรกี ทีมใดสามารถคว้าตั๋วไปเวียนนา ก้าวเท้าเข้ารอบชิงชนะเลิศไปยืนรอพบผู้ชนะระหว่าง “กระทิงดุ” สเปน หรือ “หมีขาว” รัสเซีย
เยอรมนี VS ตุรกี ที่สนามเซนต์ ยาค็อบ พาร์ค ในเมืองบาเซิล
โยอาคิม เลิฟ บุนเดสเทรนเนอร์เตรียมกลับมาบัญชาทัพอยู่ขอบสนามอีกครั้งหลังปล่อยให้ผู้ช่วยอย่าง ฮันส์-ดีเตอร์ ฟลิกค์ นำ เยอรมนี เบียดชัย โปรตุเกส 3-2 พร้อมก้าวเข้าสู่รอบรองชนะเลิศศึกลูกหนังชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเป็นหนแรกนับตั้งแต่ปี 1996 โดย 5 สมัยก่อนหน้านี้ “อินทรีเหล็ก” ตกเป็นฝ่ายปราชัยแค่หนเดียวในปี 1988 ที่เสียท่าแก่ “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ ด้าน ตุรกี ชัยชนะอันเหลือเชื่อ (อีกครั้ง) ในการดวลจุดโทษกับ โครเอเชีย ทำให้ทีมเข้าถึงรอบตัดเชือกในทัวร์นาเมนต์ใหญ่เป็นครั้งที่สองต่อจากฟุตบอลโลก 2002 ที่พ่าย บราซิล 0-1 ทว่าอีกเพียงก้าวเดียว ฟาติห์ เตริม ก็จะสร้างประวัติศาสตร์พา “ไก่งวง” ฉลุยเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรก
สภาพความพร้อม : เยอรมนี ค่อนข้างพร้อมทีเดียวสำหรับเกมในคืนวันพุธนี้เนื่องจาก เยนส์ เลห์มันน์, ฟิลิปป์ ลาห์ม, มิชาเอล บัลลัค รวมถึง บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ได้รับการล้างใบเหลืองจากยูฟ่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยปัญหาเพียงจุดเดียวของทีมคือสภาพความฟิตของ ทอร์สเทน ฟริงก์ส กองกลางตัวเก่งที่ซี่โครงร้าวมาจากนัดเฉือน ออสเตรีย เจ้าภาพร่วมตั้งแต่รอบแรก ซึ่งตรงนี้ เลิฟ จะเป็นผู้ตัดสินใจอีกครั้งว่าควรส่งดาวเตะจากสโมสรแวร์เดอร์ เบรเมน ลงสนาม ? หรือยังมอบความไว้วางใจให้แก่ ไซมอน โรลเฟส ที่ทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องในรอบ 8 ทีมสุดท้ายปักหลักร่วมกับ บัลลัค และโธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์ ต่อไป
ขณะที่ ตุรกี สถานการณ์ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง จากรายชื่อนักเตะบาดเจ็บยาวเป็นหางว่าวทั้ง เซอร์เวต เซติน, เอ็มเร กุนกอร์, เอ็มเร เบโลโซกลู, ตูเมอร์ เมติน ล่าสุดก็ นิฮัต คาห์เวซี รวมกับที่ติดโทษแบนอีก 4 รายอย่าง โวลคาน เดมิเรล, เอ็มเร อาซิค, อาร์ดา ตูราน และตุนกาย ซานลี ทำให้ เตริม มีผู้เล่นให้เลือกใช้สอยแค่ 13 ราย ซึ่งการที่ยูฟ่าไม่อนุญาตให้มีการเรียกกำลังเสริมกลางครัน กุนซือเติร์กอาจต้องงัดไม้เด็ดใส่ชื่อ โทลกา เซนกิน นายทวารมือ 3 เตรียมพร้อมอยู่ข้างสนามเผื่อเหลือเผื่อขาดต้องลงไปเล่นเป็นกองหลังหรือศูนย์หน้า (จำเป็น) อย่างไรก็ตาม ทีมยังมีข่าวดีบ้างเมื่อ เมห์เม็ต ออเรลิโอ มิดฟิลด์ตัวรับเชื้อสายบราซิเลียนพ้นโทษแบนกลับมาแล้ว
สถิติการพบกันในอดีต : เจอกันมา 17 ครั้งปรากฏว่า เยอรมนี คว้าชัยได้ถึง 11 หน ตุรกี ได้เฮแค่สามครั้งเท่านั้น โดย “อินทรีเหล็ก” กระหน่ำได้ถึง 40 ประตูเสียเพียงแค่ 10 ลูก อย่างไรก็ดี การพบกันสามหนหลังสุด “ไก่งวง” ไม่มีพ่าย พิชิตชัยในรอบคัดเลือกยูโร 2000 ที่บ้าน 1-0 เกมเยือนยันเสมอ 0-0 และแมตช์กระชับมิตรล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมปี 2005 ตุรกี เฉือนชัยไป 2-1 ส่วน “อินทรีเหล็ก” ชัยชนะเหนือแข้งเติร์กหนสุดท้ายเกิดขึ้นที่เกลเซนเคียร์เชน ในเกมอุ่นเครื่อง “เจ้าเป็ดน้อย” รูดี โฟลเลอร์ ยิงประตูโทนให้ทีมเฉือนหวิว 1-0 เมื่อเดือนพฤษภาคม 16 ปีก่อน
จุดเด่น-จุดด้อย : การกลับมาของ ชไวน์สไตเกอร์ ทำให้เกมรุกทางกราบของ เยอรมนี ทรงประสิทธิภาพขึ้นเป็นกอง และเลิฟ มาเจอระบบการเล่นแบบใหม่ถูกใจใช่เลย 4-2-3-1 ลูคัส โพดอลสกี ยังถูกถ่างไปเล่นทางซ้ายต่อไปโดยมี มิโรสลาฟ โคลเซ ยืนเป็นหน้าเป้า ส่วนกัปตันทีม บัลลัค มีอิสระในเกมรุกมากขึ้นแต่ก็ลงไปเล่นเกมรับตามแท็คติกได้ด้วย ซึ่งจุดเด่นที่ชัดเจนขึ้นมาของ “อินทรีเหล็ก” คือลูกเซตพีช รุสตู เร็คเบอร์ นายทวาร “ไก่งวง” อาจตกเป็นเหยื่อเหมือนกับแข้งโปรตุกีส ส่วนจุดด้อยของ เยอรมนี เป็นเรื่องของความแน่นอน เลห์มันน์ ดูมั่นใจขึ้นแต่ก็พร้อมผิดพลาดได้เสมอกับจังหวะออกมาตัดลูกโด่ง ขณะที่ เพอร์ แมร์แตร์ซัคเกอร์ กับ คริสตอฟ เม็ตเซลเดอร์ ยังค่อนข้างเชื่องช้า ทว่าการที่ ตุรกี ขาดแนวรุกเร็วจัดจ้านอย่าง นิฮัต และตุนกาย ทำให้งานของคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเยอรมนี น่าจะเบาขึ้นเป็นกอง
ด้านของ ตุรกี โกงความตายมาแล้ว 3 ครั้งด้วยการพลิกสถานการณ์ล้ม สวิตเซอร์แลนด์ (เจ้าภาพร่วม), สาธารณรัฐเช็ก และโครเอเชีย นั่นแสดงให้เห็นถึงความเป็นนักสู้ของนักเตะผนวกกับกึ๋นของ เตริม ที่วางแท็คติกไม่น่าต่างจากนัดที่ผ่านๆ มาคือเน้นเล่นให้ช้าปลอดภัยไว้ก่อนในช่วงแรก ก่อนอาศัยจังหวะสวนกลับหาโอกาสให้ตัวเอง อย่างไรก็ดี การขาดหายไปของ ตุนกาย และอาร์ดา ตูราน รวมถึง นิฮัต ทำให้การเชื่อมต่อเกมบุกอาจสะดุด โคลิน คาซิม-ริชาร์ดส ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงไอเดียในการสร้างสรรค์เกมเท่าที่ควร ดังนั้น เซมีห์ เซนเติร์ก ดาวซัลโวร่วมของทีม (2 ประตู) ส่อกลายเป็นโดดเดี่ยวผู้น่ารักโดนบรรดาแผงรับ “อินทรีเหล็ก” รุมทึ้ง
ผลการแข่งขันที่คาด : เยอรมนี แชมป์ยูโรสามสมัย (1972, 1980 และ 1996) จัดเป็นทีมประเภทเขี้ยวลากดินเมื่อเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ จากสถิติและความพร้อมในด้านต่างๆ ค่อนข้างเหนือกว่า ตุรกี อย่างชัดเจน “อินทรีเหล็ก” คงไม่ปล่อยโอกาสทองหลุดมือไป สกอร์ที่คาด เยอรมนี เชือดนิ่ม 2-0
เยอรมนี VS ตุรกี ที่สนามเซนต์ ยาค็อบ พาร์ค ในเมืองบาเซิล
โยอาคิม เลิฟ บุนเดสเทรนเนอร์เตรียมกลับมาบัญชาทัพอยู่ขอบสนามอีกครั้งหลังปล่อยให้ผู้ช่วยอย่าง ฮันส์-ดีเตอร์ ฟลิกค์ นำ เยอรมนี เบียดชัย โปรตุเกส 3-2 พร้อมก้าวเข้าสู่รอบรองชนะเลิศศึกลูกหนังชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปเป็นหนแรกนับตั้งแต่ปี 1996 โดย 5 สมัยก่อนหน้านี้ “อินทรีเหล็ก” ตกเป็นฝ่ายปราชัยแค่หนเดียวในปี 1988 ที่เสียท่าแก่ “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ ด้าน ตุรกี ชัยชนะอันเหลือเชื่อ (อีกครั้ง) ในการดวลจุดโทษกับ โครเอเชีย ทำให้ทีมเข้าถึงรอบตัดเชือกในทัวร์นาเมนต์ใหญ่เป็นครั้งที่สองต่อจากฟุตบอลโลก 2002 ที่พ่าย บราซิล 0-1 ทว่าอีกเพียงก้าวเดียว ฟาติห์ เตริม ก็จะสร้างประวัติศาสตร์พา “ไก่งวง” ฉลุยเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรก
สภาพความพร้อม : เยอรมนี ค่อนข้างพร้อมทีเดียวสำหรับเกมในคืนวันพุธนี้เนื่องจาก เยนส์ เลห์มันน์, ฟิลิปป์ ลาห์ม, มิชาเอล บัลลัค รวมถึง บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ได้รับการล้างใบเหลืองจากยูฟ่าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยปัญหาเพียงจุดเดียวของทีมคือสภาพความฟิตของ ทอร์สเทน ฟริงก์ส กองกลางตัวเก่งที่ซี่โครงร้าวมาจากนัดเฉือน ออสเตรีย เจ้าภาพร่วมตั้งแต่รอบแรก ซึ่งตรงนี้ เลิฟ จะเป็นผู้ตัดสินใจอีกครั้งว่าควรส่งดาวเตะจากสโมสรแวร์เดอร์ เบรเมน ลงสนาม ? หรือยังมอบความไว้วางใจให้แก่ ไซมอน โรลเฟส ที่ทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องในรอบ 8 ทีมสุดท้ายปักหลักร่วมกับ บัลลัค และโธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์ ต่อไป
ขณะที่ ตุรกี สถานการณ์ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง จากรายชื่อนักเตะบาดเจ็บยาวเป็นหางว่าวทั้ง เซอร์เวต เซติน, เอ็มเร กุนกอร์, เอ็มเร เบโลโซกลู, ตูเมอร์ เมติน ล่าสุดก็ นิฮัต คาห์เวซี รวมกับที่ติดโทษแบนอีก 4 รายอย่าง โวลคาน เดมิเรล, เอ็มเร อาซิค, อาร์ดา ตูราน และตุนกาย ซานลี ทำให้ เตริม มีผู้เล่นให้เลือกใช้สอยแค่ 13 ราย ซึ่งการที่ยูฟ่าไม่อนุญาตให้มีการเรียกกำลังเสริมกลางครัน กุนซือเติร์กอาจต้องงัดไม้เด็ดใส่ชื่อ โทลกา เซนกิน นายทวารมือ 3 เตรียมพร้อมอยู่ข้างสนามเผื่อเหลือเผื่อขาดต้องลงไปเล่นเป็นกองหลังหรือศูนย์หน้า (จำเป็น) อย่างไรก็ตาม ทีมยังมีข่าวดีบ้างเมื่อ เมห์เม็ต ออเรลิโอ มิดฟิลด์ตัวรับเชื้อสายบราซิเลียนพ้นโทษแบนกลับมาแล้ว
สถิติการพบกันในอดีต : เจอกันมา 17 ครั้งปรากฏว่า เยอรมนี คว้าชัยได้ถึง 11 หน ตุรกี ได้เฮแค่สามครั้งเท่านั้น โดย “อินทรีเหล็ก” กระหน่ำได้ถึง 40 ประตูเสียเพียงแค่ 10 ลูก อย่างไรก็ดี การพบกันสามหนหลังสุด “ไก่งวง” ไม่มีพ่าย พิชิตชัยในรอบคัดเลือกยูโร 2000 ที่บ้าน 1-0 เกมเยือนยันเสมอ 0-0 และแมตช์กระชับมิตรล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมปี 2005 ตุรกี เฉือนชัยไป 2-1 ส่วน “อินทรีเหล็ก” ชัยชนะเหนือแข้งเติร์กหนสุดท้ายเกิดขึ้นที่เกลเซนเคียร์เชน ในเกมอุ่นเครื่อง “เจ้าเป็ดน้อย” รูดี โฟลเลอร์ ยิงประตูโทนให้ทีมเฉือนหวิว 1-0 เมื่อเดือนพฤษภาคม 16 ปีก่อน
จุดเด่น-จุดด้อย : การกลับมาของ ชไวน์สไตเกอร์ ทำให้เกมรุกทางกราบของ เยอรมนี ทรงประสิทธิภาพขึ้นเป็นกอง และเลิฟ มาเจอระบบการเล่นแบบใหม่ถูกใจใช่เลย 4-2-3-1 ลูคัส โพดอลสกี ยังถูกถ่างไปเล่นทางซ้ายต่อไปโดยมี มิโรสลาฟ โคลเซ ยืนเป็นหน้าเป้า ส่วนกัปตันทีม บัลลัค มีอิสระในเกมรุกมากขึ้นแต่ก็ลงไปเล่นเกมรับตามแท็คติกได้ด้วย ซึ่งจุดเด่นที่ชัดเจนขึ้นมาของ “อินทรีเหล็ก” คือลูกเซตพีช รุสตู เร็คเบอร์ นายทวาร “ไก่งวง” อาจตกเป็นเหยื่อเหมือนกับแข้งโปรตุกีส ส่วนจุดด้อยของ เยอรมนี เป็นเรื่องของความแน่นอน เลห์มันน์ ดูมั่นใจขึ้นแต่ก็พร้อมผิดพลาดได้เสมอกับจังหวะออกมาตัดลูกโด่ง ขณะที่ เพอร์ แมร์แตร์ซัคเกอร์ กับ คริสตอฟ เม็ตเซลเดอร์ ยังค่อนข้างเชื่องช้า ทว่าการที่ ตุรกี ขาดแนวรุกเร็วจัดจ้านอย่าง นิฮัต และตุนกาย ทำให้งานของคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเยอรมนี น่าจะเบาขึ้นเป็นกอง
ด้านของ ตุรกี โกงความตายมาแล้ว 3 ครั้งด้วยการพลิกสถานการณ์ล้ม สวิตเซอร์แลนด์ (เจ้าภาพร่วม), สาธารณรัฐเช็ก และโครเอเชีย นั่นแสดงให้เห็นถึงความเป็นนักสู้ของนักเตะผนวกกับกึ๋นของ เตริม ที่วางแท็คติกไม่น่าต่างจากนัดที่ผ่านๆ มาคือเน้นเล่นให้ช้าปลอดภัยไว้ก่อนในช่วงแรก ก่อนอาศัยจังหวะสวนกลับหาโอกาสให้ตัวเอง อย่างไรก็ดี การขาดหายไปของ ตุนกาย และอาร์ดา ตูราน รวมถึง นิฮัต ทำให้การเชื่อมต่อเกมบุกอาจสะดุด โคลิน คาซิม-ริชาร์ดส ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงไอเดียในการสร้างสรรค์เกมเท่าที่ควร ดังนั้น เซมีห์ เซนเติร์ก ดาวซัลโวร่วมของทีม (2 ประตู) ส่อกลายเป็นโดดเดี่ยวผู้น่ารักโดนบรรดาแผงรับ “อินทรีเหล็ก” รุมทึ้ง
ผลการแข่งขันที่คาด : เยอรมนี แชมป์ยูโรสามสมัย (1972, 1980 และ 1996) จัดเป็นทีมประเภทเขี้ยวลากดินเมื่อเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ จากสถิติและความพร้อมในด้านต่างๆ ค่อนข้างเหนือกว่า ตุรกี อย่างชัดเจน “อินทรีเหล็ก” คงไม่ปล่อยโอกาสทองหลุดมือไป สกอร์ที่คาด เยอรมนี เชือดนิ่ม 2-0