“อินทรีเหล็ก” เยอรมนี จัดการบอมบ์ใส่ “ฝอยทอง” โปรตุเกส 3-2 พร้อมกับกรุยทางเข้าสู่รอบรองชนะเลิศฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 2008 ได้สำเร็จ
ศึกฟุตบอลยูโร 2008 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
โปรตุเกส 2-3 เยอรมนี
ณ สังเวียนแข้งเซนต์ ยาค็อบ พาร์ค ในเมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลุยซ์ เฟลิเป สโคลารี กลับมาจัดทัพ “ฝอยทอง” โปรตุเกส ชุดใหญ่ลงสนามนำโดย ริคาร์โด คาร์วัลโญ, เดโก ซูซา, คริสเตียโน โรนัลโด รวมถึง นูโน โกเมส ขณะที่ทางฝั่ง เยอรมนี บุนเดสเทรนเนอร์ โยอาคิม เลิฟ ติดโทษแบนห้ามคุมทีมข้างสนามแต่ก็มีการปรับหมากให้ “อินทรีเหล็ก” เนื่องจาก ทอร์สเทน ฟริงก์ส ซี่โครงร้าวเล่นไม่ไหว ไซมอน โรลเฟส ได้มาทำงานแดนกลางแทน ส่วน โธมัส ฮิตเซิลสแบร์เกอร์ ขึ้นเกมทางกราบซ้าย ทางขวามี บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ พ้นโทษแบนกลับมายืน ด้าน ลูคัส โพดอลสกี ก็ถูกดันไปยืนเป็นกองหน้าตามถนัด
เริ่มเกมการแข่งขันโปรตุเกสค่อยๆ เดินเกมบุกเข้าใส่โดยเน้นเกมทางด้านกราบขึ้นโจมตีแต่ลูกเปิดเข้ามากลางยังไม่สร้างปัญหาให้ เยนส์ เลห์มันน์ นายทวารจอมเก๋าเยอรมนีมากนัก นาทีที่ 10 “อินทรีเหล็ก” ได้ลุ้นก่อน โธมัส ฮิตเซิลสแบร์เกอร์ โยกมาอยู่ทางขวาก่อนหักยิงด้วยซ้ายข้างถนัดส่งลูกหนังพุ่งเข้าข้างตาข่าย ห้านาทีถัดมา “ฝอยทอง” สวนกลับไปบ้าง ซิเมา ซาโบรซา ลากขึ้นมาทางขวาเข้าเขตโทษก่อนสับไกทันทีแต่ เลห์มันน์ ยืนคุมเสาแรกรับเอาไว้ได้
นาทีที่ 20 โปรตุเกส พลาดโอกาสได้ประตูนำเมื่อ โฮเซ โบซิงวา เติมขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดเข้ากลางให้ เจา มูตินโญ ตีเข่าส่งลูกหนังข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย แต่อีกสองนาทีถัดมากลายเป็น เยอรมนี ที่ขึ้นนำ 1-0 มิชาเอล บัลลัค แทงทะลุให้ ลูคัส โพดอลสกี ก่อนตบเข้ากลางให้ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ฉีก เปาโล เฟอร์ไรรา ตัวประกบจิ้มบอลด้วยขวาผ่านมือ ริคาร์โด เข้าไปตุงตาข่ายอย่างสวยงาม อีกแค่ 4 นาที “อินทรีเหล็ก” บินหนีเป็น 2-0 จากจังหวะที่ ชไวน์สไตเกอร์ เปิดฟรีคิกให้ มิโรสลาฟ โคลเซ ลอยตัวโขกโล่งๆ เข้าไป
ครึ่งชั่วโมง สโคลารี ต้องถอด มูตินโญ ที่มีอาการเจ็บเข่าออกมาและก็ให้ ราอูล ไมเรยเลส ลงมาเล่นแทน แต่ โปรตุเกส ยังเดินเกมบุกค่อนข้างลำบากทีเดียวเนื่องจาก เยอรมนี ลงไปขึงเกมรับในแดนตัวเอง แต่ถึงนาทีที่ 40 “ฝอยทอง” ตีไข่แตกไล่มา 1-2 คริสเตียโน โรนัลโด หลุดขึ้นไปยิงโดน เลห์มันน์ ปัดมาเข้าทางให้ นูโน โกเมส ซ้ำด้วยซ้ายแฉลบเท้า คริสตอฟ เม็ตเซลเดอร์ เข้าไป ช่วงท้ายทั้งสองฝ่ายผลัดกันได้ลุ้น บัลลัค ซัดเหน่งๆ ด้วยขวาแต่ ริคาร์โด ปัดออกมา จากนั้น “หนูโด้” ล็อกจากซ้ายเข้ามาปั่นด้วยขวาส่งบอลหลุดเสาไกลออกไป จบ 45 นาทีแรกเกมยังสูสี
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง โปรตุเกส เน้นเกมทางกราบมากขึ้นและก็ทำให้ทั้งแบ็กขวา-ซ้าย “อินทรีเหล็ก” อย่าง อาร์เน ฟรีดริช และฟิลิปป์ ลาห์ม ต้องตัดเกมโดนใบเหลืองจาก ปีเตอร์ ฟรอดจ์เฟลด์ท เชิ้ตดำชาวสวีดิชไป นาทีที่ 56 แฟนๆ โปรตุกีสเกือบได้กระโดดเฮเมื่อ เปเป้ เติมขึ้นมาโหม่งลูกเตะมุมโล่งๆ ข้ามคานไป เมื่อทำไม่ได้อีกห้านาทีถัดมา เยอรมนี ก็ทิ้งไปเป็น 3-1 ชไวน์สไตเกอร์ เปิดลูกฟรีคิกให้ บัลลัค ใช้มือผลัก เฟอร์ไรรา เพื่อนร่วมสโมสรเชลซีก่อนขึ้นโขกบอลตัดหน้า ริคาร์โด เข้าไปตุงตาข่าย
นาทีที่ 66 “บิ๊กฟิล” ปรับหมากด้วยการถอด โกเมส ออกมาและก็ให้ หลุยส์ นานี มาช่วยสร้างสรรค์เกมโดยให้ “หนูโด้” ไปยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าแทนกัปตันทีม แต่เกมบุกเริ่มตีบตันแล้วเนื่องจาก เยอรมนี ลงไปแพ็กหลังกันหนาแน่น ต้องอาศัยลูกส่องไกลของ อาร์มันโด เปอตีย์ แต่บอลพุ่งไปเข้าซอง เลห์มันน์ และสิบห้านาทีสุดท้าย เปอตีย์ ก็โดนเปลี่ยนออก สโคลารี เติมทาง เฮลเดอร์ ปอสติกา ไปช่วยล่าตาข่าย “อินทรีเหล็ก” ก็ปรับบ้างให้ ทิม โบรอฟสกี ลงไปไล่บอลแดนกลางแทน ฮิตเซิลสแบร์เกอร์
เกมในช่วง 10 นาทีดูเหมือน “อินทรีเหล็ก” สามารถครองเกมไว้ได้แล้วและก็ได้โอกาสอีก โพดอลสกี ตะบันเต็มข้อส่งลูกหนังแหวกอากาศเบียดเสาออกไป ก่อนหมดเวลา 3 นาที โปรตุเกส ไล่มาเหลือ 2-3 นานี เปิดจากซ้ายให้ ปอสติกา ขวิดผ่านมือ เลห์มันน์ เข้าไปแต่ก็ไล่ไม่ทัน หมดเวลาการแข่งขัน เยอรมนี ทีมอันดับ 2 ของกลุ่มบี ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศแข่งในคืนวันพุธที่ 25 มิถุนายน โดยไปยืนรอพบผู้ชนะระหว่าง “ตราหมากรุก” โครเอเชีย ที่หนึ่งกลุ่มบี หรือ “ไก่งวง” ตุรกี รองแชมป์กลุ่มเอ ซึ่งมีคิวดวลกันในคืนวันศุกร์นี้
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
โปรตุเกส : ริคาร์โด , โฮเซ โบซิงวา , เปเป้ , ริคาร์โด คาร์วัลโญ , เปาโล เฟอร์ไรรา , อาร์มันโด เปอตีย์ , เดโก ซูซา , เจา มูตินโญ , คริสเตียโน โรนัลโด , ซิเมา ซาโบรซา , นูโน โกเมส
เยอรมนี : เยนส์ เลห์มันน์ , อาร์เน ฟรีดริช , คริสตอฟ เม็ตเซลเดอร์ , เพอร์ แมร์แตร์ซัคเกอร์ , ฟิลิปป์ ลาห์ม , บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ , มิชาเอล บัลลัค , ไซมอน โรลเฟส , โธมัส ฮิตเซิลสแบร์เกอร์ , ลูคัส โพดอลสกี , มิโรสลาฟ โคลเซ
ศึกฟุตบอลยูโร 2008 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
โปรตุเกส 2-3 เยอรมนี
ณ สังเวียนแข้งเซนต์ ยาค็อบ พาร์ค ในเมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา หลุยซ์ เฟลิเป สโคลารี กลับมาจัดทัพ “ฝอยทอง” โปรตุเกส ชุดใหญ่ลงสนามนำโดย ริคาร์โด คาร์วัลโญ, เดโก ซูซา, คริสเตียโน โรนัลโด รวมถึง นูโน โกเมส ขณะที่ทางฝั่ง เยอรมนี บุนเดสเทรนเนอร์ โยอาคิม เลิฟ ติดโทษแบนห้ามคุมทีมข้างสนามแต่ก็มีการปรับหมากให้ “อินทรีเหล็ก” เนื่องจาก ทอร์สเทน ฟริงก์ส ซี่โครงร้าวเล่นไม่ไหว ไซมอน โรลเฟส ได้มาทำงานแดนกลางแทน ส่วน โธมัส ฮิตเซิลสแบร์เกอร์ ขึ้นเกมทางกราบซ้าย ทางขวามี บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ พ้นโทษแบนกลับมายืน ด้าน ลูคัส โพดอลสกี ก็ถูกดันไปยืนเป็นกองหน้าตามถนัด
เริ่มเกมการแข่งขันโปรตุเกสค่อยๆ เดินเกมบุกเข้าใส่โดยเน้นเกมทางด้านกราบขึ้นโจมตีแต่ลูกเปิดเข้ามากลางยังไม่สร้างปัญหาให้ เยนส์ เลห์มันน์ นายทวารจอมเก๋าเยอรมนีมากนัก นาทีที่ 10 “อินทรีเหล็ก” ได้ลุ้นก่อน โธมัส ฮิตเซิลสแบร์เกอร์ โยกมาอยู่ทางขวาก่อนหักยิงด้วยซ้ายข้างถนัดส่งลูกหนังพุ่งเข้าข้างตาข่าย ห้านาทีถัดมา “ฝอยทอง” สวนกลับไปบ้าง ซิเมา ซาโบรซา ลากขึ้นมาทางขวาเข้าเขตโทษก่อนสับไกทันทีแต่ เลห์มันน์ ยืนคุมเสาแรกรับเอาไว้ได้
นาทีที่ 20 โปรตุเกส พลาดโอกาสได้ประตูนำเมื่อ โฮเซ โบซิงวา เติมขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดเข้ากลางให้ เจา มูตินโญ ตีเข่าส่งลูกหนังข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย แต่อีกสองนาทีถัดมากลายเป็น เยอรมนี ที่ขึ้นนำ 1-0 มิชาเอล บัลลัค แทงทะลุให้ ลูคัส โพดอลสกี ก่อนตบเข้ากลางให้ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ฉีก เปาโล เฟอร์ไรรา ตัวประกบจิ้มบอลด้วยขวาผ่านมือ ริคาร์โด เข้าไปตุงตาข่ายอย่างสวยงาม อีกแค่ 4 นาที “อินทรีเหล็ก” บินหนีเป็น 2-0 จากจังหวะที่ ชไวน์สไตเกอร์ เปิดฟรีคิกให้ มิโรสลาฟ โคลเซ ลอยตัวโขกโล่งๆ เข้าไป
ครึ่งชั่วโมง สโคลารี ต้องถอด มูตินโญ ที่มีอาการเจ็บเข่าออกมาและก็ให้ ราอูล ไมเรยเลส ลงมาเล่นแทน แต่ โปรตุเกส ยังเดินเกมบุกค่อนข้างลำบากทีเดียวเนื่องจาก เยอรมนี ลงไปขึงเกมรับในแดนตัวเอง แต่ถึงนาทีที่ 40 “ฝอยทอง” ตีไข่แตกไล่มา 1-2 คริสเตียโน โรนัลโด หลุดขึ้นไปยิงโดน เลห์มันน์ ปัดมาเข้าทางให้ นูโน โกเมส ซ้ำด้วยซ้ายแฉลบเท้า คริสตอฟ เม็ตเซลเดอร์ เข้าไป ช่วงท้ายทั้งสองฝ่ายผลัดกันได้ลุ้น บัลลัค ซัดเหน่งๆ ด้วยขวาแต่ ริคาร์โด ปัดออกมา จากนั้น “หนูโด้” ล็อกจากซ้ายเข้ามาปั่นด้วยขวาส่งบอลหลุดเสาไกลออกไป จบ 45 นาทีแรกเกมยังสูสี
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง โปรตุเกส เน้นเกมทางกราบมากขึ้นและก็ทำให้ทั้งแบ็กขวา-ซ้าย “อินทรีเหล็ก” อย่าง อาร์เน ฟรีดริช และฟิลิปป์ ลาห์ม ต้องตัดเกมโดนใบเหลืองจาก ปีเตอร์ ฟรอดจ์เฟลด์ท เชิ้ตดำชาวสวีดิชไป นาทีที่ 56 แฟนๆ โปรตุกีสเกือบได้กระโดดเฮเมื่อ เปเป้ เติมขึ้นมาโหม่งลูกเตะมุมโล่งๆ ข้ามคานไป เมื่อทำไม่ได้อีกห้านาทีถัดมา เยอรมนี ก็ทิ้งไปเป็น 3-1 ชไวน์สไตเกอร์ เปิดลูกฟรีคิกให้ บัลลัค ใช้มือผลัก เฟอร์ไรรา เพื่อนร่วมสโมสรเชลซีก่อนขึ้นโขกบอลตัดหน้า ริคาร์โด เข้าไปตุงตาข่าย
นาทีที่ 66 “บิ๊กฟิล” ปรับหมากด้วยการถอด โกเมส ออกมาและก็ให้ หลุยส์ นานี มาช่วยสร้างสรรค์เกมโดยให้ “หนูโด้” ไปยืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าแทนกัปตันทีม แต่เกมบุกเริ่มตีบตันแล้วเนื่องจาก เยอรมนี ลงไปแพ็กหลังกันหนาแน่น ต้องอาศัยลูกส่องไกลของ อาร์มันโด เปอตีย์ แต่บอลพุ่งไปเข้าซอง เลห์มันน์ และสิบห้านาทีสุดท้าย เปอตีย์ ก็โดนเปลี่ยนออก สโคลารี เติมทาง เฮลเดอร์ ปอสติกา ไปช่วยล่าตาข่าย “อินทรีเหล็ก” ก็ปรับบ้างให้ ทิม โบรอฟสกี ลงไปไล่บอลแดนกลางแทน ฮิตเซิลสแบร์เกอร์
เกมในช่วง 10 นาทีดูเหมือน “อินทรีเหล็ก” สามารถครองเกมไว้ได้แล้วและก็ได้โอกาสอีก โพดอลสกี ตะบันเต็มข้อส่งลูกหนังแหวกอากาศเบียดเสาออกไป ก่อนหมดเวลา 3 นาที โปรตุเกส ไล่มาเหลือ 2-3 นานี เปิดจากซ้ายให้ ปอสติกา ขวิดผ่านมือ เลห์มันน์ เข้าไปแต่ก็ไล่ไม่ทัน หมดเวลาการแข่งขัน เยอรมนี ทีมอันดับ 2 ของกลุ่มบี ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศแข่งในคืนวันพุธที่ 25 มิถุนายน โดยไปยืนรอพบผู้ชนะระหว่าง “ตราหมากรุก” โครเอเชีย ที่หนึ่งกลุ่มบี หรือ “ไก่งวง” ตุรกี รองแชมป์กลุ่มเอ ซึ่งมีคิวดวลกันในคืนวันศุกร์นี้
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
โปรตุเกส : ริคาร์โด , โฮเซ โบซิงวา , เปเป้ , ริคาร์โด คาร์วัลโญ , เปาโล เฟอร์ไรรา , อาร์มันโด เปอตีย์ , เดโก ซูซา , เจา มูตินโญ , คริสเตียโน โรนัลโด , ซิเมา ซาโบรซา , นูโน โกเมส
เยอรมนี : เยนส์ เลห์มันน์ , อาร์เน ฟรีดริช , คริสตอฟ เม็ตเซลเดอร์ , เพอร์ แมร์แตร์ซัคเกอร์ , ฟิลิปป์ ลาห์ม , บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ , มิชาเอล บัลลัค , ไซมอน โรลเฟส , โธมัส ฮิตเซิลสแบร์เกอร์ , ลูคัส โพดอลสกี , มิโรสลาฟ โคลเซ
