“หมีขาว” รัสเซีย ทำผลงานได้เหนือความคาดหมายหลังถล่มเอาชนะ “อัศวินสีส้ม” ฮอลแลนด์ 3-1 พร้อมทะลุเข้าสู่รอบต่อไป ในเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 2008 เมื่อวันเสาร์ที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา
ศึกฟุตบอลยูโร 2008 รอบ 8 ทีมสุดท้าย คู่ที่ 3
ฮอลแลนด์ 1-3 รัสเซีย
เกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายคู่ที่สาม ระหว่าง “อัศวินสีส้ม” ฮอลแลนด์ ปะทะกับ “หมีขาว” รัสเซีย ลงฟาดแข้งที่สนาม เซนต์ จาคอบ พาร์ค เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
“อัศวินสีส้ม” ฮอลแลนด์ ทำผลงานในรอบแบ่งกลุ่มได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะเกมบุกของทีมที่ทำได้ถึง 9 ประตู ดังนั้น ลูกทีมของ มาร์โก แวน บาสเท่น จะต้องพิสูจน์อีกครั้งว่าพวกเขาแข็งแกร่งจริงหรือไม่สำหรับทัวร์นาเมนท์นี้ สำหรับตัวผู้เล่น เกมนี้ไม่เปลี่ยนแปลงจากการเล่นในสองนัดแรกนำทีมโดย รุด ฟาน นิสเตอรอย กองหน้าของทีม ด้าน “หมีขาว” รัสเซีย ของกุนซือ กุส ฮิดดิงค์ จะอาศัยเกมโต้กลับที่ทำให้คู่ต่อสู้ต้องเจ็บช้ำเหมือนเคย นำทีมโดย กองหน้าฟอร์มฮอตเมื่อนัดที่แล้วอย่าง อังเดร อาร์ชาวิน
เริ่มเกมครึ่งแรก หลังเกมผ่านมาห้านาทีเป็น รัสเซีย ได้โอกาสยิงเข้ากรอบเป็นครั้งแรกก่อนจากการปั่นฟรีคิกระยะ 30 หลาของ เซอร์คอฟ ปั่นด้วยซ้ายเข้าไปแต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ปัดทิ้งออกไปได้ เกมผ่านมา 15 นาทีแรก ฮอลแลนด์ ทำความหนักใจให้กับผู้รักษาประตูของรัสเซียเป็นครั้งแรก เมื่อได้โยนฟรีคิกเข้าไปลุ้นในเขตโทษของรัสเซีย แต่ อาคินเฟเยฟ โกล์หมีขาวออกมารับบอลไว้ หลังจากนั้นอีกห้านาที ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เปิดฟรีคิกอีกครั้งจากริมสนามบอลพุ่งผ่านหน้าประตู นิสเตอรอย เกือบจะแหย่เท้าได้ทัน หลังจากนั้น รัสเซียโต้กลับมาทันทีเมื่อ อาร์ชาวิน หลอกล่อกองหลังฮอลแลนด์ในเขตโทษก่อนที่จะยิงแต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ปัดออกหลังไปและจังหวะเตะมุมต่อเนื่อง โคโลดิน กองหลังรัสเซีย เก็บบอลได้นอกกรอบเขตโทษก่อนซัดระยะ 30 หลาให้ ฟาน เดอร์ ซาร์ ต้องปัดทิ้งออกไปอีกครั้ง
ฮอลแลนด์มาได้โอกาสในนาทีที่ 36 นิสเตอรอย พลิกบอลผ่านกองหลังในเขตโทษก่อนตวัดยิงแต่ไม่ผ่านมือ อาคินเฟเยฟ ก่อนหมดเวลาสองนาที ฮอลแลนด์มาได้จังหวะยิงอีกครั้ง เมื่อกองหลังรัสเซียจ่ายบอลพลาดหน้าเขตโทษตัวเองถูก ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เก็บบอลได้ก่อนยิงเต็มแรงด้วยซ้ายแต่ตรงตัว อาคินเฟเยฟ ปัดไว้ได้ สุดท้ายทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ จบ 45 นาทีเสมอ 0-0
เริ่มเกมครึ่งหลัง เกมผ่านมาสามนาที เป็นจังหวะที่ ฮอลแลนด์ ได้ฟรีคิกอีกครั้งเป็น ฟาน เดอร์ ฟาร์ท คนเดิมที่เปิดบอลเข้ามาแต่ก็ไม่มีเพื่อนเข้ามาชาร์จได้ทันทำให้บอลออกหลังไป จนกระทั่งนาทีที่ 55 รัสเซีย ก็ทำประตูขึ้นนำไปก่อนจากจังหวะที่ เซมัก ได้บอลบริเวณข้างกรอบเขตโทษก่อนจะเปิดมาให้ พาฟลูเชนโก วิ่งเข้ามายิงเข้า
ไป หมดสิทธิ์ที่ ฟาน เดอร์ ซาร์ จะเซฟได้ ทำให้ รัสเซียขึ้นนำ 1-0 หลังจากนั้น รัสเซีย เกือบได้ประตูหนีห่างออกไปอีกในนาทีที่ 65 เมื่ออันยูคอฟ ได้บอลหลุดมาในเขตโทษหลังจาก พาฟลูเชนโก ตวัดเร็วมาให้ ก่อนยิงเข้าไปแต่มุมแคบเกินไป ฟาน เดอร์ ซาร์ ยืนปิดมุมดีปัดไว้ได้ รูปเกมหลังจากเสียประตู ฮอลแลนด์พยายามทำเกมบุกเข้าใส่แต่ก็ไม่สามารถหาโอกาศยิงเข้ากรอบได้
เข้าสู่ 15 นาทีสุดท้าย ฮอลแลนด์มาได้โอกาสยิงนอกกรอบอีกครั้งจาก ฟาน เดอร์ ฟาร์ท แต่ก็ยังไม่ผ่านมือ อาคินเฟเยฟ หลังจากนั้นอีกห้านาที เวสลีย์ สไนเดอร์ ลองยิงไกลระยะ 30 หลาอีกครั้ง บอลพุ่งแรงทีเดียวแต่ก็ข้ามคานออกไป จนกระทั่งนาทีที่ 86 รุด ฟาน นิสเตอรอย ทำประตูตีเสมอให้ทีมได้สำเร็จเมื่อได้โหม่งบอลจากลูกฟรีคิกเข้าไปเต็มๆทำให้ทีมฮอลแลนด์ตีเสมอ 1-1 หลังจากนั้นทั้งสองทีมทำประตูเพิ่มไม่ได้ จบ 90 นาทีเสมอ 1-1
ช่วงต่อเวลาครึ่งแรก สไนเดอร์ ได้โอกาสทำประตูให้ทีมขึ้นนำเมื่อลุยผ่านกองหลังของรัสเซียเข้ามาในเขตโทษก่อนยิงด้วยซ้ายแต่ไม่ผ่านมือ อาคินเฟเยฟ หลังจากนั้นรัสเซีย ตอบโต้ได้เช่นกัน เมื่อ อาร์ชาวิน ได้ครองบอลในเขตโทษคู่แข่งเตะกึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าไปแต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ยังไม่พลาด ก่อนที่อีกสามนาทีต่อมา พาฟลูเชนโก ได้ซัดเต็มๆตรงกรอบเขตโทษบอลพุ่งไปโดนสามเหลี่ยมประตูพลาดทำประตูขึ้นนำ
ช่วงต่อเวลาครึ่งหลัง รัสเซีย เกือบได้จุดโทษหลังจาก เซอร์คอฟ โดนทำฟาล์วในเขตโทษล้มลงไปแต่ผู้ตัดสินไม่ให้ ก่อนที่ อีกสองนาทีต่อมา พาฟลูเชนโก ได้ยิงจากจังหวะที่เพื่อนเปิดบอลเลยมาถึงตัวแต่ก็ยิงออกไปเอง แต่แล้วในนาทีที่ 111 รัสเซียทำประตูขึ้นนำจนได้ เมื่อ อาร์ชาวิน หลุดไปถึงเส้นหลังก่อนผ่านให้ ทอร์บินสกี ตัวสำรองวิ่งที่เสาสองซัลโวเข้าไปได้ รัสเซียนำ 2-1 หลังจากนั้นสองนาที อาร์ชาวิน ได้บอลจากการทุ่มของเพื่อนในเขตโทษก่อนซัดลอดขา ฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าไปให้ทีมรัสเซียหนีห่าง 3-1 จบเกม 120 นาที ผลสุดท้าย รัสเซียชนะ 3-1
ทีม “หมีขาว” รัสเซีย ผู้ชนะของเกมนี้ ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศก่อนเพื่อรอพบกับผู้ชนะระหว่าง “กระทิงดุ” สเปนหรือ “อัซซูรี” อิตาลี และจะลงฟาดแข้งนัดอีกครั้งในวันที่ 26 มิถุนายนเพื่อตัดสินว่าทีมใดจะเข้าไปชิงชนะเลิศต่อไป
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ฮอลแลนด์ : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , คาลิด บูลาห์รูซ , อังเดร ออยเยอร์ , โยริส มาไธจ์เซน , จิโอวานนี ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ , ไนเจล เดอ ยอง , ออร์ลันโด เองเกลาร์ , เดิร์ค เคาท์ , ราฟาเอล ฟาน เดอ ฟาร์ท , เวสลีย์ สไนเดอร์ , รุด ฟาน นิสเตอรอย
รัสเซีย : อีกอร์ อาคินเฟเยฟ , อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ , เดนิส โคโลดิน , เซอร์ไก อิกนาเชวิช , ยูริ เซอร์คอฟ , คอนสแตนติน ซูริยานอฟ , เซอร์ไก เซมัก , อีกอร์ เซมชอฟ , อีวาน ซาเอนโก , อังเดร อาร์ชาวิน , โรมัน พาฟลูเชนโก
ศึกฟุตบอลยูโร 2008 รอบ 8 ทีมสุดท้าย คู่ที่ 3
ฮอลแลนด์ 1-3 รัสเซีย
เกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายคู่ที่สาม ระหว่าง “อัศวินสีส้ม” ฮอลแลนด์ ปะทะกับ “หมีขาว” รัสเซีย ลงฟาดแข้งที่สนาม เซนต์ จาคอบ พาร์ค เมืองบาเซิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
“อัศวินสีส้ม” ฮอลแลนด์ ทำผลงานในรอบแบ่งกลุ่มได้อย่างยอดเยี่ยมโดยเฉพาะเกมบุกของทีมที่ทำได้ถึง 9 ประตู ดังนั้น ลูกทีมของ มาร์โก แวน บาสเท่น จะต้องพิสูจน์อีกครั้งว่าพวกเขาแข็งแกร่งจริงหรือไม่สำหรับทัวร์นาเมนท์นี้ สำหรับตัวผู้เล่น เกมนี้ไม่เปลี่ยนแปลงจากการเล่นในสองนัดแรกนำทีมโดย รุด ฟาน นิสเตอรอย กองหน้าของทีม ด้าน “หมีขาว” รัสเซีย ของกุนซือ กุส ฮิดดิงค์ จะอาศัยเกมโต้กลับที่ทำให้คู่ต่อสู้ต้องเจ็บช้ำเหมือนเคย นำทีมโดย กองหน้าฟอร์มฮอตเมื่อนัดที่แล้วอย่าง อังเดร อาร์ชาวิน
เริ่มเกมครึ่งแรก หลังเกมผ่านมาห้านาทีเป็น รัสเซีย ได้โอกาสยิงเข้ากรอบเป็นครั้งแรกก่อนจากการปั่นฟรีคิกระยะ 30 หลาของ เซอร์คอฟ ปั่นด้วยซ้ายเข้าไปแต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ปัดทิ้งออกไปได้ เกมผ่านมา 15 นาทีแรก ฮอลแลนด์ ทำความหนักใจให้กับผู้รักษาประตูของรัสเซียเป็นครั้งแรก เมื่อได้โยนฟรีคิกเข้าไปลุ้นในเขตโทษของรัสเซีย แต่ อาคินเฟเยฟ โกล์หมีขาวออกมารับบอลไว้ หลังจากนั้นอีกห้านาที ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เปิดฟรีคิกอีกครั้งจากริมสนามบอลพุ่งผ่านหน้าประตู นิสเตอรอย เกือบจะแหย่เท้าได้ทัน หลังจากนั้น รัสเซียโต้กลับมาทันทีเมื่อ อาร์ชาวิน หลอกล่อกองหลังฮอลแลนด์ในเขตโทษก่อนที่จะยิงแต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ปัดออกหลังไปและจังหวะเตะมุมต่อเนื่อง โคโลดิน กองหลังรัสเซีย เก็บบอลได้นอกกรอบเขตโทษก่อนซัดระยะ 30 หลาให้ ฟาน เดอร์ ซาร์ ต้องปัดทิ้งออกไปอีกครั้ง
ฮอลแลนด์มาได้โอกาสในนาทีที่ 36 นิสเตอรอย พลิกบอลผ่านกองหลังในเขตโทษก่อนตวัดยิงแต่ไม่ผ่านมือ อาคินเฟเยฟ ก่อนหมดเวลาสองนาที ฮอลแลนด์มาได้จังหวะยิงอีกครั้ง เมื่อกองหลังรัสเซียจ่ายบอลพลาดหน้าเขตโทษตัวเองถูก ฟาน เดอร์ ฟาร์ท เก็บบอลได้ก่อนยิงเต็มแรงด้วยซ้ายแต่ตรงตัว อาคินเฟเยฟ ปัดไว้ได้ สุดท้ายทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ จบ 45 นาทีเสมอ 0-0
เริ่มเกมครึ่งหลัง เกมผ่านมาสามนาที เป็นจังหวะที่ ฮอลแลนด์ ได้ฟรีคิกอีกครั้งเป็น ฟาน เดอร์ ฟาร์ท คนเดิมที่เปิดบอลเข้ามาแต่ก็ไม่มีเพื่อนเข้ามาชาร์จได้ทันทำให้บอลออกหลังไป จนกระทั่งนาทีที่ 55 รัสเซีย ก็ทำประตูขึ้นนำไปก่อนจากจังหวะที่ เซมัก ได้บอลบริเวณข้างกรอบเขตโทษก่อนจะเปิดมาให้ พาฟลูเชนโก วิ่งเข้ามายิงเข้า
ไป หมดสิทธิ์ที่ ฟาน เดอร์ ซาร์ จะเซฟได้ ทำให้ รัสเซียขึ้นนำ 1-0 หลังจากนั้น รัสเซีย เกือบได้ประตูหนีห่างออกไปอีกในนาทีที่ 65 เมื่ออันยูคอฟ ได้บอลหลุดมาในเขตโทษหลังจาก พาฟลูเชนโก ตวัดเร็วมาให้ ก่อนยิงเข้าไปแต่มุมแคบเกินไป ฟาน เดอร์ ซาร์ ยืนปิดมุมดีปัดไว้ได้ รูปเกมหลังจากเสียประตู ฮอลแลนด์พยายามทำเกมบุกเข้าใส่แต่ก็ไม่สามารถหาโอกาศยิงเข้ากรอบได้
เข้าสู่ 15 นาทีสุดท้าย ฮอลแลนด์มาได้โอกาสยิงนอกกรอบอีกครั้งจาก ฟาน เดอร์ ฟาร์ท แต่ก็ยังไม่ผ่านมือ อาคินเฟเยฟ หลังจากนั้นอีกห้านาที เวสลีย์ สไนเดอร์ ลองยิงไกลระยะ 30 หลาอีกครั้ง บอลพุ่งแรงทีเดียวแต่ก็ข้ามคานออกไป จนกระทั่งนาทีที่ 86 รุด ฟาน นิสเตอรอย ทำประตูตีเสมอให้ทีมได้สำเร็จเมื่อได้โหม่งบอลจากลูกฟรีคิกเข้าไปเต็มๆทำให้ทีมฮอลแลนด์ตีเสมอ 1-1 หลังจากนั้นทั้งสองทีมทำประตูเพิ่มไม่ได้ จบ 90 นาทีเสมอ 1-1
ช่วงต่อเวลาครึ่งแรก สไนเดอร์ ได้โอกาสทำประตูให้ทีมขึ้นนำเมื่อลุยผ่านกองหลังของรัสเซียเข้ามาในเขตโทษก่อนยิงด้วยซ้ายแต่ไม่ผ่านมือ อาคินเฟเยฟ หลังจากนั้นรัสเซีย ตอบโต้ได้เช่นกัน เมื่อ อาร์ชาวิน ได้ครองบอลในเขตโทษคู่แข่งเตะกึ่งยิงกึ่งผ่านเข้าไปแต่ ฟาน เดอร์ ซาร์ ยังไม่พลาด ก่อนที่อีกสามนาทีต่อมา พาฟลูเชนโก ได้ซัดเต็มๆตรงกรอบเขตโทษบอลพุ่งไปโดนสามเหลี่ยมประตูพลาดทำประตูขึ้นนำ
ช่วงต่อเวลาครึ่งหลัง รัสเซีย เกือบได้จุดโทษหลังจาก เซอร์คอฟ โดนทำฟาล์วในเขตโทษล้มลงไปแต่ผู้ตัดสินไม่ให้ ก่อนที่ อีกสองนาทีต่อมา พาฟลูเชนโก ได้ยิงจากจังหวะที่เพื่อนเปิดบอลเลยมาถึงตัวแต่ก็ยิงออกไปเอง แต่แล้วในนาทีที่ 111 รัสเซียทำประตูขึ้นนำจนได้ เมื่อ อาร์ชาวิน หลุดไปถึงเส้นหลังก่อนผ่านให้ ทอร์บินสกี ตัวสำรองวิ่งที่เสาสองซัลโวเข้าไปได้ รัสเซียนำ 2-1 หลังจากนั้นสองนาที อาร์ชาวิน ได้บอลจากการทุ่มของเพื่อนในเขตโทษก่อนซัดลอดขา ฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าไปให้ทีมรัสเซียหนีห่าง 3-1 จบเกม 120 นาที ผลสุดท้าย รัสเซียชนะ 3-1
ทีม “หมีขาว” รัสเซีย ผู้ชนะของเกมนี้ ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศก่อนเพื่อรอพบกับผู้ชนะระหว่าง “กระทิงดุ” สเปนหรือ “อัซซูรี” อิตาลี และจะลงฟาดแข้งนัดอีกครั้งในวันที่ 26 มิถุนายนเพื่อตัดสินว่าทีมใดจะเข้าไปชิงชนะเลิศต่อไป
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ฮอลแลนด์ : เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ , คาลิด บูลาห์รูซ , อังเดร ออยเยอร์ , โยริส มาไธจ์เซน , จิโอวานนี ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ , ไนเจล เดอ ยอง , ออร์ลันโด เองเกลาร์ , เดิร์ค เคาท์ , ราฟาเอล ฟาน เดอ ฟาร์ท , เวสลีย์ สไนเดอร์ , รุด ฟาน นิสเตอรอย
รัสเซีย : อีกอร์ อาคินเฟเยฟ , อเล็กซานเดอร์ อันยูคอฟ , เดนิส โคโลดิน , เซอร์ไก อิกนาเชวิช , ยูริ เซอร์คอฟ , คอนสแตนติน ซูริยานอฟ , เซอร์ไก เซมัก , อีกอร์ เซมชอฟ , อีวาน ซาเอนโก , อังเดร อาร์ชาวิน , โรมัน พาฟลูเชนโก