เดินทางมาถึงนัดสุดท้ายของรอบแรกศึกยูโร 2008 ซึ่งตั๋วใบสุดท้ายในการกรุยทางเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายจะตกอยู่ในมือของ “ไวกิ้งส์” สวีเดน หรือ “หมีขาว” รัสเซีย ต้องติดตามดูกันในคืนวันพุธที่ 18 มิถุนายน ส่วนอีกหนึ่งคู่ของกลุ่มดี “กระทิงดุ” สเปน เข้ารอบและคว้าแชมป์กลุ่มไปแล้วเตรียมจัดทัพสำรองชน “แชมป์เก่า” กรีซ
สวีเดน VS รัสเซีย ที่สนามทิโวลี เนอู ในเมืองอินน์สบรูค
สวีเดน และ รัสเซีย ต่างตุนไว้ในกระเป๋าทีมละ 3 คะแนนจากชัยชนะที่มีเหนือ “แชมป์เก่า” กรีซ และการปราชัยต่อ “กระทิงดุ” สเปน เหมือนกันทั้งคู่ อย่างไรก็ตาม ขุนพล “ไวกิ้งส์” มีโอกาสก้าวเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศมากกว่านักเตะ “หมีขาว” อยู่เล็กน้อย ผลเสมอก็เพียงพอสืบ เนื่องจากลูกทีมของ ลาร์ส ลาเกอร์บัค มีประตูได้-เสีย + 1 ขณะที่เด็กๆ ของ กุส ฮิดดิงก์ ติดลบอยู่ 2
ดังนั้น แทกติกที่ ลาร์ส ลาเกอร์บัค เตรียมวางให้ สวีเดน ลงไปใช้ทำศึกนัดชี้ชะตาอาจไม่แตกต่างจากนัดก่อนหน้านี้ที่ “เน้นเกมรับอย่างเหนียวแน่น” ก่อนพ่าย สเปน 1-2 แบบโชคร้ายช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ในเรื่องของรูปแบบการเล่นของ สวีเดน ไม่น่าหนักใจเท่าปัญหาบาดเจ็บของนักเตะ โดยเฉพาะในรายของ ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช ศูนย์หน้าความหวังของทีมที่โดนอาการเจ็บเข่าซ้ายทำพิษฟิตลงสนามเพียงแค่ครึ่งเดียว ภาระหนักจึงไปอยู่กับ เฮนริค ลาร์สสัน จอมเก๋าที่ต้องพักบอลให้ได้ ขณะที่ มาร์คุส โรเซนเบิร์ก ตัวสำรองต้องมีทีเด็ดมากกว่าที่เป็นอยู่
ในส่วนของการจัดทัพ ลาเกอร์บัค ไม่น่าปรับทีมจากนัดที่ผ่านมา เนื่องจากเล่นกันได้ค่อนข้างรัดกุมอยู่แล้ว โดยในแผงรับนำโดย โอลอฟ เมลเบิร์ก ซึ่งใช้ความเก๋าเล่นงานจน เฟอร์นานโด ตอร์เรส และ ดาวิด บีญา คู่หู “กระทิงดุ” เกือบไปไม่เป็น ขณะที่แดนกลาง โยฮัน เอลมันเดอร์ น่าจะได้โอกาสขึ้นเกมทางขวาเหมือนเดิมแทนที่ คริสเตียน วิลเฮล์มสสัน ที่บาดเจ็บหนัก ตรงกลางใช้ ดาเนียล แอนเดอร์สสัน และอันเดรียส สเวนส์สัน คอยตัดเกม ขณะที่ เฟรดริก ลุงเบิร์ก คอยสอดหาโอกาสขึ้นไปช่วยงาน อิบราฮิมโมวิช และลาร์สสัน
ด้าน รัสเซีย อาศัยประตูชัยเฉือน กรีซ 1-0 ของ คอนสแตนติน ซีรียานอฟ ต่อลมหายใจให้มีโอกาสเข้ารอบ ซึ่งทางเลือกของ ฮิดดิงก์ คงมีไม่มากนักนอกจากการเปิดเกมรุกแบบเต็มตัวใส่ทาง สวีเดน โดยนัดนี้ “หมีขาว” ได้ข่าวดีเมื่อ อังเดร อาร์ชาวิน ศูนย์หน้าตัวเก่งพ้นโทษแบนกลับมา อย่างไรก็ดี การที่สตาร์ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ยังไม่ได้ลงสัมผัสเกมในยูโร 2008 เลยอาจต้องออกสตาร์ทบนม้านั่งสำรองไปก่อน เนื่องจากกุนซือชาวดัตช์ดูพึงพอใจผลงานของ โรมัน พาฟลูเชนโก ที่ปั่นป่วนแผงรับแชมป์เก่าในนัดก่อนจนแกว่งไปแกว่งมา
สำหรับการจัดทัพ ฮิดดิงก์ ต้องเช็กสภาพความฟิตของทั้ง ยูริ เซียร์คอฟ, เซอร์เก เซมัค รวมถึง ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ ที่มีอาการบาดเจ็บติดตัวคนละเล็กน้อย แต่คาดว่าไม่น่ามีปัญหาสำหรับการลงสนามมาช่วยปั้นเกมในแดนกลาง ขณะที่แผงหลัง เซอร์เก อิกนาเชวิช โดดเด่นในลูกกลางอากาศน่าจะได้จับคู่เป็นปราการหลังตัวกลางร่วมกับ เดนิส โกโลดิน ต่อไป
ผลการแข่งขันที่คาด : จากสถิติเก่าๆ ปรากฏว่า เจอกันมา 23 ครั้ง สวีเดน คว้าชัยได้ 8 ครั้ง รัสเซีย มีเฮอยู่ 7 หน การมาเจอกันในสถานการณ์ลุ้นเข้ารอบแบบนี้ “หมีขาว” คงเดินเกมรุกใส่แบบเต็มสูบ โดยมี อาร์ชาวิน เป็นโจ๊กเกอร์ อย่างไรก็ตาม “ไวกิ้งส์” เต็มไปด้วยแข้งประสบการณ์ที่พร้อมใช้ความเก๋าค้ำยัน สกอร์ที่คาด 1-1
สเปน VS กรีซ ที่สนามวิลส์-ซีเซนไฮม์ ในเมืองซัลซบวร์ก
ชัยชนะอย่างสวยงามเหนือ รัสเซีย 4-1 และการเฉือน สวีเดน ทำให้ “กระทิงดุ” ทะลุเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในฐานะแชมป์กลุ่มดี ดังนั้น หลุยส์ อราโกเนส จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องเสี่ยงส่งผู้เล่นตัวหลักลงสนามนัดปิดท้ายรอบแรกกับ กรีซ เนื่องจากต้องไม่ลืมว่ามีเกมหนักกับ “อัซซูรี” อิตาลี ดีกรีแชมป์โลกรออยู่ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายคืนวันอาทิตย์ที่ 22 มิ.ย.
เกมนี้ “ขรัวเฒ่า” เตรียมพัก เฟอร์นานโด ตอร์เรส และ ดาวิด บีญา โอกาสล่าสกอร์จึงไปตกอยู่กับ ดาเนียล กีซา และ เซอร์จิโอ การ์เซีย ขณะที่แดนกลาง ดาวิด ซิลบา และ ซานติ คาซอร์ลา เจ็บจนไม่ได้ซ้อมช่วงต้นสัปดาห์ ดังนั้น ทีมน่าจะให้โอกาส ชาบี อลอนโซ รวมถึง เชส ฟาเบรกาส ลงเล่นเป็นตัวจริงบ้าง ด้านแผงรับ อราโกเนส ไม่เสี่ยงใช้ คาร์เลส ปูโยล ที่เจ็บเท้าจากนัดก่อนแน่นอน อีกทั้ง คาร์ลอส มาร์เชนา ติดคาดโทษใบเหลือง ราอูล อัลบิโอล และ ฮวนนิโต จะสตาร์ทเป็นคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ โดยมี โฮเซ เรนา ยืนเฝ้าเสาแทน อีเคร์ คาซิยาส
ด้านของ กรีซ เป็นเพียงทีมเดียวที่ยังทำประตูไม่ได้ในยูโร 2008 อ็อตโต เรห์ฮาเกล จึงต้องการให้ทีมเก็บชัยทิ้งทวน เพื่อรักษาศักดิ์ศรีแชมป์เก่าเอาไว้ อย่างไรก็ดี กุนซือชาวเยอรมันเตรียมให้โอกาสนักเตะสำรองลงยืดเส้นยืดสายบ้าง อาทิเช่น นิกอส สปายโรปูลอส (กองหลัง), ลูคัส วินทรา (กองกลาง) และดิมิทริส ซัลปากิดิส (กองหน้า) ขณะที่ตัวหลักอย่าง จิออร์คัส ไซตาริดิส, จอร์จอส คารากูนิส และธีโอฟานิส เกคัส ซึ่งประสบปัญหาบาดเจ็บคงได้พัก
ผลการแข่งขันที่คาด : แม้อาจปรับใช้สำรองเกือบทั้งทีมลงสนามแต่ชื่อชั้นและกระดูกของนักเตะสเปนยังมีดีกว่ากรีซ ซึ่งปัญหาหลักอยู่ที่การขึ้นเกมบุกและการจบสกอร์ อีกทั้งจากการพบกันมา 9 ครั้ง “กระทิงดุ” คว้าชัยไปได้ถึง 6 หน เสียท่าเพียงแค่ครั้งเดียวเมื่อปี 2003 สกอร์ที่คาด สเปน น่าเฉือนชัย 1-0
สวีเดน VS รัสเซีย ที่สนามทิโวลี เนอู ในเมืองอินน์สบรูค
สวีเดน และ รัสเซีย ต่างตุนไว้ในกระเป๋าทีมละ 3 คะแนนจากชัยชนะที่มีเหนือ “แชมป์เก่า” กรีซ และการปราชัยต่อ “กระทิงดุ” สเปน เหมือนกันทั้งคู่ อย่างไรก็ตาม ขุนพล “ไวกิ้งส์” มีโอกาสก้าวเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศมากกว่านักเตะ “หมีขาว” อยู่เล็กน้อย ผลเสมอก็เพียงพอสืบ เนื่องจากลูกทีมของ ลาร์ส ลาเกอร์บัค มีประตูได้-เสีย + 1 ขณะที่เด็กๆ ของ กุส ฮิดดิงก์ ติดลบอยู่ 2
ดังนั้น แทกติกที่ ลาร์ส ลาเกอร์บัค เตรียมวางให้ สวีเดน ลงไปใช้ทำศึกนัดชี้ชะตาอาจไม่แตกต่างจากนัดก่อนหน้านี้ที่ “เน้นเกมรับอย่างเหนียวแน่น” ก่อนพ่าย สเปน 1-2 แบบโชคร้ายช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ในเรื่องของรูปแบบการเล่นของ สวีเดน ไม่น่าหนักใจเท่าปัญหาบาดเจ็บของนักเตะ โดยเฉพาะในรายของ ซลาตัน อิบราฮิมโมวิช ศูนย์หน้าความหวังของทีมที่โดนอาการเจ็บเข่าซ้ายทำพิษฟิตลงสนามเพียงแค่ครึ่งเดียว ภาระหนักจึงไปอยู่กับ เฮนริค ลาร์สสัน จอมเก๋าที่ต้องพักบอลให้ได้ ขณะที่ มาร์คุส โรเซนเบิร์ก ตัวสำรองต้องมีทีเด็ดมากกว่าที่เป็นอยู่
ในส่วนของการจัดทัพ ลาเกอร์บัค ไม่น่าปรับทีมจากนัดที่ผ่านมา เนื่องจากเล่นกันได้ค่อนข้างรัดกุมอยู่แล้ว โดยในแผงรับนำโดย โอลอฟ เมลเบิร์ก ซึ่งใช้ความเก๋าเล่นงานจน เฟอร์นานโด ตอร์เรส และ ดาวิด บีญา คู่หู “กระทิงดุ” เกือบไปไม่เป็น ขณะที่แดนกลาง โยฮัน เอลมันเดอร์ น่าจะได้โอกาสขึ้นเกมทางขวาเหมือนเดิมแทนที่ คริสเตียน วิลเฮล์มสสัน ที่บาดเจ็บหนัก ตรงกลางใช้ ดาเนียล แอนเดอร์สสัน และอันเดรียส สเวนส์สัน คอยตัดเกม ขณะที่ เฟรดริก ลุงเบิร์ก คอยสอดหาโอกาสขึ้นไปช่วยงาน อิบราฮิมโมวิช และลาร์สสัน
ด้าน รัสเซีย อาศัยประตูชัยเฉือน กรีซ 1-0 ของ คอนสแตนติน ซีรียานอฟ ต่อลมหายใจให้มีโอกาสเข้ารอบ ซึ่งทางเลือกของ ฮิดดิงก์ คงมีไม่มากนักนอกจากการเปิดเกมรุกแบบเต็มตัวใส่ทาง สวีเดน โดยนัดนี้ “หมีขาว” ได้ข่าวดีเมื่อ อังเดร อาร์ชาวิน ศูนย์หน้าตัวเก่งพ้นโทษแบนกลับมา อย่างไรก็ดี การที่สตาร์ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ยังไม่ได้ลงสัมผัสเกมในยูโร 2008 เลยอาจต้องออกสตาร์ทบนม้านั่งสำรองไปก่อน เนื่องจากกุนซือชาวดัตช์ดูพึงพอใจผลงานของ โรมัน พาฟลูเชนโก ที่ปั่นป่วนแผงรับแชมป์เก่าในนัดก่อนจนแกว่งไปแกว่งมา
สำหรับการจัดทัพ ฮิดดิงก์ ต้องเช็กสภาพความฟิตของทั้ง ยูริ เซียร์คอฟ, เซอร์เก เซมัค รวมถึง ดินิยาร์ บิลยาเลตดินอฟ ที่มีอาการบาดเจ็บติดตัวคนละเล็กน้อย แต่คาดว่าไม่น่ามีปัญหาสำหรับการลงสนามมาช่วยปั้นเกมในแดนกลาง ขณะที่แผงหลัง เซอร์เก อิกนาเชวิช โดดเด่นในลูกกลางอากาศน่าจะได้จับคู่เป็นปราการหลังตัวกลางร่วมกับ เดนิส โกโลดิน ต่อไป
ผลการแข่งขันที่คาด : จากสถิติเก่าๆ ปรากฏว่า เจอกันมา 23 ครั้ง สวีเดน คว้าชัยได้ 8 ครั้ง รัสเซีย มีเฮอยู่ 7 หน การมาเจอกันในสถานการณ์ลุ้นเข้ารอบแบบนี้ “หมีขาว” คงเดินเกมรุกใส่แบบเต็มสูบ โดยมี อาร์ชาวิน เป็นโจ๊กเกอร์ อย่างไรก็ตาม “ไวกิ้งส์” เต็มไปด้วยแข้งประสบการณ์ที่พร้อมใช้ความเก๋าค้ำยัน สกอร์ที่คาด 1-1
สเปน VS กรีซ ที่สนามวิลส์-ซีเซนไฮม์ ในเมืองซัลซบวร์ก
ชัยชนะอย่างสวยงามเหนือ รัสเซีย 4-1 และการเฉือน สวีเดน ทำให้ “กระทิงดุ” ทะลุเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศในฐานะแชมป์กลุ่มดี ดังนั้น หลุยส์ อราโกเนส จึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ต้องเสี่ยงส่งผู้เล่นตัวหลักลงสนามนัดปิดท้ายรอบแรกกับ กรีซ เนื่องจากต้องไม่ลืมว่ามีเกมหนักกับ “อัซซูรี” อิตาลี ดีกรีแชมป์โลกรออยู่ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายคืนวันอาทิตย์ที่ 22 มิ.ย.
เกมนี้ “ขรัวเฒ่า” เตรียมพัก เฟอร์นานโด ตอร์เรส และ ดาวิด บีญา โอกาสล่าสกอร์จึงไปตกอยู่กับ ดาเนียล กีซา และ เซอร์จิโอ การ์เซีย ขณะที่แดนกลาง ดาวิด ซิลบา และ ซานติ คาซอร์ลา เจ็บจนไม่ได้ซ้อมช่วงต้นสัปดาห์ ดังนั้น ทีมน่าจะให้โอกาส ชาบี อลอนโซ รวมถึง เชส ฟาเบรกาส ลงเล่นเป็นตัวจริงบ้าง ด้านแผงรับ อราโกเนส ไม่เสี่ยงใช้ คาร์เลส ปูโยล ที่เจ็บเท้าจากนัดก่อนแน่นอน อีกทั้ง คาร์ลอส มาร์เชนา ติดคาดโทษใบเหลือง ราอูล อัลบิโอล และ ฮวนนิโต จะสตาร์ทเป็นคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ โดยมี โฮเซ เรนา ยืนเฝ้าเสาแทน อีเคร์ คาซิยาส
ด้านของ กรีซ เป็นเพียงทีมเดียวที่ยังทำประตูไม่ได้ในยูโร 2008 อ็อตโต เรห์ฮาเกล จึงต้องการให้ทีมเก็บชัยทิ้งทวน เพื่อรักษาศักดิ์ศรีแชมป์เก่าเอาไว้ อย่างไรก็ดี กุนซือชาวเยอรมันเตรียมให้โอกาสนักเตะสำรองลงยืดเส้นยืดสายบ้าง อาทิเช่น นิกอส สปายโรปูลอส (กองหลัง), ลูคัส วินทรา (กองกลาง) และดิมิทริส ซัลปากิดิส (กองหน้า) ขณะที่ตัวหลักอย่าง จิออร์คัส ไซตาริดิส, จอร์จอส คารากูนิส และธีโอฟานิส เกคัส ซึ่งประสบปัญหาบาดเจ็บคงได้พัก
ผลการแข่งขันที่คาด : แม้อาจปรับใช้สำรองเกือบทั้งทีมลงสนามแต่ชื่อชั้นและกระดูกของนักเตะสเปนยังมีดีกว่ากรีซ ซึ่งปัญหาหลักอยู่ที่การขึ้นเกมบุกและการจบสกอร์ อีกทั้งจากการพบกันมา 9 ครั้ง “กระทิงดุ” คว้าชัยไปได้ถึง 6 หน เสียท่าเพียงแค่ครั้งเดียวเมื่อปี 2003 สกอร์ที่คาด สเปน น่าเฉือนชัย 1-0
