ความพ่ายแพ้ของ เยอรมนี ต่อ โครเอเชีย 1-2 ในเกมนัดที่สองของกลุ่ม บี เหมือนสัญญาณที่บ่งบอกว่า "อินทรีเหล็ก" อาจจะยังไม่ตื่นจากฝันร้ายที่ตกรอบแรกใน 2 หนหลังสุด รวมถึงจริงๆ แล้วอดีตแชมป์สูงสุด 3 สมัยไม่ได้แกร่งอย่างที่เกจิหลายสำนักเทใจให้ เรามาดูกันดีกว่าว่ามีเหตุผลใดบ้างที่ ยูโร 2008 ครั้งนี้แชมป์จะไม่ใช่ของพวกเขา
1.เกมรับ
บรรดาแผงกองหลังแบ็กโฟร์ ฟิลิปป์ ลาห์ม แบ็กหน้าละอ่อน ดูจะไว้ใจได้มากที่สุด เซนเตอร์ฮาล์ฟอย่าง คริสตอฟ เม็ตเซลเดอร์ และ เปอร์ เมอร์เตซัคเกอร์ เด่นแค่ในลูกกลางอากาศ เจอกองหน้าเร็วๆ อย่าง อิวิกา โอลิช ก็ป่วนไม่เป็นท่า ส่วนแบ็กซ้าย 2 ลูกที่เสียให้ โครเอเชีย เป็นพื้นที่รับผิดชอบของ มาร์เซล แยนเซน
อีกจุดที่น่ากังวลก็คือด่านสุดท้าย เยนส์ เลห์มันน์ ขนาด ฟรานซ์ เบ็คเคนเบาเออร์ มหาอำนาจในวงการฟุตบอลเยอรมนี ยังบอกว่าถึงเวลาลาทีมชาติได้แล้วหลังจบ ยูโร นายทวารเลือดร้อนพลาดเสียประตูที่ 2 ให้ โครเอเชีย ทิ้งพื้นที่จะออกมาตัดลูกเปิดก่อนแฉลบชนเสาไปเข้าทาง โอลิช ซ้ำเข้าไป ซึ่งเคยเสียประตูลักษณะนี้หลายครั้งตอนเล่นกับ อาร์เซนอล
2.ขุมกำลัง
นักเตะชุดนี้ของ เยอรมนี รูปโฉมไม่ต่างจากตอนคว้าอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2006 มากนัก เพราะ โยอาคิม เลิฟ รับมรดกตกทอดมาจาก เจอร์เกน คลินส์มันน์ แนวทางก็ยังเดิมๆ พวกที่ฝากผีฝากไข้ได้มีแค่ มิโรสลาฟ โคลเซ, มิชาเอล บัลลัค, ฟิลิปป์ ลาห์ม และ ลูคัส โพดอลสกี เท่านั้น ตัวจริงบางตำแหน่งกุนซือยังไม่ได้เบอร์ 1 ในใจเลย
อย่างหัวหอก โคลเซ ยังไม่ได้คู่ขาที่รู้ใจ คลีเมนซ์ ฟริทซ์ ไม่ใช่ปีกขวาธรรมชาติ ตัวรุกอย่าง บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ถูก บาเยิร์น มิวนิค ดองไว้ที่ม้านั่งสำรองจนฟอร์มเก่งหดหายแล้ว ตัวสำรองยิ่งไม่ต้องพูดถึงทั้ง ดาวิด โอดอนคอร์, โทมัส ฮิตเซิลแปร์เกอร์, ปิออเตอร์ โตรชอฟสกี โดยเฉพาะ โอลิเวอร์ นอยวิลล์ ที่อายุอานามมากโขแล้ว
3.กุนซือ
สมัยเป็นนักเตะ เลิฟ เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก จึงไม่น่าสงสัยที่ในรอบคัดเลือก เยอรมนี จะซัดประตูกระจายมากที่สุดถึง 35 ลูก แต่ก็ส่งผลให้เกมรับอ่อนยวบ แม้จะเสียแค่ 7 ประตู แต่ 4 ลูกเป็นการเสียให้ สาธารณรัฐเช็ก ในการเจอกัน 2 นัด ระดับของคู่แข่งที่เหลือในกลุ่มนั้นคงวัดกับอีก 15 อรหันต์ในรอบสุดท้ายของ ยูโร ไม่ได้
เลิฟ เริ่มคุมทัพ สตุ๊ตการ์ท เป็นทีมแรกและพาคว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล แต่ประสบการณ์ความเขี้ยวระดับชาตินั้นเทียบไม่ได้กับ หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี ของ โปรตุเกส การแก้เกมก็ยังทำได้ไม่ดีพอ เปลี่ยนตัวผิดพลาดในเกมแพ้ โครเอเชีย โอดอนคอร์, ชไวน์สไตเกอร์ และ เควิน คูรานยี ไม่ได้ทำให้ทีมยกระดับขึ้นเลย
4.อาถรรพ์
ของอย่างนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ มิชาเอล บัลลัค กัปตันทีมชาติเยอรมนี กลายเป็นนักเตะที่หาไม่ได้อีกแล้ว เมื่อคว้า ทริปเปิลรองแชมป์ กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ในปี 2002 เท่านั้นยังช้ำไม่พอ ในปี 2008 ก็เป็นรองแชมป์ 3 ถ้วยกับ เชลซี ในฤดูกาลก่อนออกสตาร์ท ยูโร อย่างนี้คงต้องเรียกว่า "Treble Horror" แล้วกระมั้ง
สิ่งนี้เองน่าจะสร้างความกังวลใจให้กับ เลิฟ ที่คุมทัพลุยทัวร์นาเมนต์ใหญ่เป็นครั้งแรกไม่มากก็น้อย เพราะอย่าลืมว่าในปี 2002 หลังคว้า 3 รองแชมป์กับ เลเวอร์คูเซน บัลลัค ไปคว้าอีกรองแชมป์กับ เยอรมนี ในศึกฟุตบอลโลก 2002 แน่นอนว่าหาก ยูโร 2008 "อินทรีเหล็ก" แพ้ในนัดชิงอีกครั้ง สงสัยคงต้องพิจารณาเลิกใส่เบอร์ 13 ได้แล้ว
5.คู่แข่ง
แม้ว่า เยอรมนี จะแพ้ โครเอเชีย แต่ว่าโอกาสเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายก็ยังมีสูง เพราะนัดสุดท้ายจะเจอกับเจ้าภาพ ออสเตรีย ที่อ่อนชั้นกว่า แต่ว่าคู่ต่อสู้ในรอบน็อกเอาท์มีอีกหลายทีมที่รับรองว่าจะต้องหวั่นใจและไม่อยากเจอ เมื่อต้องไขว้กับกลุ่มเอ ก็มีสิทธิเจอกับ โปรตุเกส แชมป์กลุ่มเอ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งตัวเต็งในยูโร 2008
จากนั้นขอมองข้ามไปในรอบรองชนะเลิศหาก เยอรมนี เข้ามาถึงก็มีสิทธิเจอกับ อิตาลี คู่ปรับในนัดชิงบอลโลก 2006 ที่เจอกันมา 4 ครั้งไม่ชนะเลยแถมแพ้ไปถึง 3 นัด นอกจากนี้ยังมี ฮอลแลนด์ จาก "กรุ๊ป ออฟ เดธ" เช่นเดียวกัน ที่เจอกันมา 2 หนใน ยูโร "อินทรีเหล็ก" ก็ไม่เคยชนะเลยเช่นเดียวกัน
1.เกมรับ
บรรดาแผงกองหลังแบ็กโฟร์ ฟิลิปป์ ลาห์ม แบ็กหน้าละอ่อน ดูจะไว้ใจได้มากที่สุด เซนเตอร์ฮาล์ฟอย่าง คริสตอฟ เม็ตเซลเดอร์ และ เปอร์ เมอร์เตซัคเกอร์ เด่นแค่ในลูกกลางอากาศ เจอกองหน้าเร็วๆ อย่าง อิวิกา โอลิช ก็ป่วนไม่เป็นท่า ส่วนแบ็กซ้าย 2 ลูกที่เสียให้ โครเอเชีย เป็นพื้นที่รับผิดชอบของ มาร์เซล แยนเซน
อีกจุดที่น่ากังวลก็คือด่านสุดท้าย เยนส์ เลห์มันน์ ขนาด ฟรานซ์ เบ็คเคนเบาเออร์ มหาอำนาจในวงการฟุตบอลเยอรมนี ยังบอกว่าถึงเวลาลาทีมชาติได้แล้วหลังจบ ยูโร นายทวารเลือดร้อนพลาดเสียประตูที่ 2 ให้ โครเอเชีย ทิ้งพื้นที่จะออกมาตัดลูกเปิดก่อนแฉลบชนเสาไปเข้าทาง โอลิช ซ้ำเข้าไป ซึ่งเคยเสียประตูลักษณะนี้หลายครั้งตอนเล่นกับ อาร์เซนอล
2.ขุมกำลัง
นักเตะชุดนี้ของ เยอรมนี รูปโฉมไม่ต่างจากตอนคว้าอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 2006 มากนัก เพราะ โยอาคิม เลิฟ รับมรดกตกทอดมาจาก เจอร์เกน คลินส์มันน์ แนวทางก็ยังเดิมๆ พวกที่ฝากผีฝากไข้ได้มีแค่ มิโรสลาฟ โคลเซ, มิชาเอล บัลลัค, ฟิลิปป์ ลาห์ม และ ลูคัส โพดอลสกี เท่านั้น ตัวจริงบางตำแหน่งกุนซือยังไม่ได้เบอร์ 1 ในใจเลย
อย่างหัวหอก โคลเซ ยังไม่ได้คู่ขาที่รู้ใจ คลีเมนซ์ ฟริทซ์ ไม่ใช่ปีกขวาธรรมชาติ ตัวรุกอย่าง บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ถูก บาเยิร์น มิวนิค ดองไว้ที่ม้านั่งสำรองจนฟอร์มเก่งหดหายแล้ว ตัวสำรองยิ่งไม่ต้องพูดถึงทั้ง ดาวิด โอดอนคอร์, โทมัส ฮิตเซิลแปร์เกอร์, ปิออเตอร์ โตรชอฟสกี โดยเฉพาะ โอลิเวอร์ นอยวิลล์ ที่อายุอานามมากโขแล้ว
3.กุนซือ
สมัยเป็นนักเตะ เลิฟ เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก จึงไม่น่าสงสัยที่ในรอบคัดเลือก เยอรมนี จะซัดประตูกระจายมากที่สุดถึง 35 ลูก แต่ก็ส่งผลให้เกมรับอ่อนยวบ แม้จะเสียแค่ 7 ประตู แต่ 4 ลูกเป็นการเสียให้ สาธารณรัฐเช็ก ในการเจอกัน 2 นัด ระดับของคู่แข่งที่เหลือในกลุ่มนั้นคงวัดกับอีก 15 อรหันต์ในรอบสุดท้ายของ ยูโร ไม่ได้
เลิฟ เริ่มคุมทัพ สตุ๊ตการ์ท เป็นทีมแรกและพาคว้าแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล แต่ประสบการณ์ความเขี้ยวระดับชาตินั้นเทียบไม่ได้กับ หลุยส์ เฟลิเป สโคลารี ของ โปรตุเกส การแก้เกมก็ยังทำได้ไม่ดีพอ เปลี่ยนตัวผิดพลาดในเกมแพ้ โครเอเชีย โอดอนคอร์, ชไวน์สไตเกอร์ และ เควิน คูรานยี ไม่ได้ทำให้ทีมยกระดับขึ้นเลย
4.อาถรรพ์
ของอย่างนี้ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ มิชาเอล บัลลัค กัปตันทีมชาติเยอรมนี กลายเป็นนักเตะที่หาไม่ได้อีกแล้ว เมื่อคว้า ทริปเปิลรองแชมป์ กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ในปี 2002 เท่านั้นยังช้ำไม่พอ ในปี 2008 ก็เป็นรองแชมป์ 3 ถ้วยกับ เชลซี ในฤดูกาลก่อนออกสตาร์ท ยูโร อย่างนี้คงต้องเรียกว่า "Treble Horror" แล้วกระมั้ง
สิ่งนี้เองน่าจะสร้างความกังวลใจให้กับ เลิฟ ที่คุมทัพลุยทัวร์นาเมนต์ใหญ่เป็นครั้งแรกไม่มากก็น้อย เพราะอย่าลืมว่าในปี 2002 หลังคว้า 3 รองแชมป์กับ เลเวอร์คูเซน บัลลัค ไปคว้าอีกรองแชมป์กับ เยอรมนี ในศึกฟุตบอลโลก 2002 แน่นอนว่าหาก ยูโร 2008 "อินทรีเหล็ก" แพ้ในนัดชิงอีกครั้ง สงสัยคงต้องพิจารณาเลิกใส่เบอร์ 13 ได้แล้ว
5.คู่แข่ง
แม้ว่า เยอรมนี จะแพ้ โครเอเชีย แต่ว่าโอกาสเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายก็ยังมีสูง เพราะนัดสุดท้ายจะเจอกับเจ้าภาพ ออสเตรีย ที่อ่อนชั้นกว่า แต่ว่าคู่ต่อสู้ในรอบน็อกเอาท์มีอีกหลายทีมที่รับรองว่าจะต้องหวั่นใจและไม่อยากเจอ เมื่อต้องไขว้กับกลุ่มเอ ก็มีสิทธิเจอกับ โปรตุเกส แชมป์กลุ่มเอ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งตัวเต็งในยูโร 2008
จากนั้นขอมองข้ามไปในรอบรองชนะเลิศหาก เยอรมนี เข้ามาถึงก็มีสิทธิเจอกับ อิตาลี คู่ปรับในนัดชิงบอลโลก 2006 ที่เจอกันมา 4 ครั้งไม่ชนะเลยแถมแพ้ไปถึง 3 นัด นอกจากนี้ยังมี ฮอลแลนด์ จาก "กรุ๊ป ออฟ เดธ" เช่นเดียวกัน ที่เจอกันมา 2 หนใน ยูโร "อินทรีเหล็ก" ก็ไม่เคยชนะเลยเช่นเดียวกัน
