ผลเสมอจากนัดก่อนทำให้ ออสเตรีย ยังมีหวังในการเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายศึกยูโร 2008 แต่ข้อแม้เดียวของเจ้าภาพร่วมคือการหักปีก “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ซึ่งไม่ง่ายเลย ขณะที่ โปแลนด์ ชัยชนะเหนือ โครเอเชีย แมตช์สุดท้ายของกลุ่มบี คืนวันจันทร์ที่ 16 มิ.ย.อาจไม่มีความหมาย ในเมื่อชะตากรรมการเข้ารอบไม่ได้อยู่ในมือของพวกเขา
ออสเตรีย VS เยอรมนี ที่สนามแอร์นส์ท ฮัปเปิล ในกรุงเวียนนา
โจเซฟ ฮิคเกอร์สแบร์เกอร์ ยอมรับว่า ออสเตรีย โชคดีเหลือหลายที่มีหนึ่งคะแนนติดมือจากการได้ลูกจุดโทษช่วงทดเจ็บตีเจ๊า โปแลนด์ 1-1 การที่ทีมซึ่งมีอยู่หนึ่งแต้มจะผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ข้อแม้เดียวของเจ้าภาพร่วมคือการหักปีก “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ในนัดสุดท้ายและก็วอนให้ โครเอเชีย แชมป์กลุ่มบีช่วยล้มแข้งโปล อย่างไรก็ตาม คงไม่ใช้เรื่องง่ายสำหรับขุนพลแข้งแห่งลุ่มแม่น้ำดานูบ เมื่อศึกใหญ่ครั้งสุดท้ายที่ ออสเตรีย เผด็จศึก เยอรมนี (ตะวันตก) ลงได้ต้องย้อนกลับไปในฟุตบอลโลก 1978 ที่อาร์เจนตินาโน้นเลย (ที่สกอร์ 3-2)
อีกทั้งการประลองฝีแข้งในนัดอุ่นเครื่องล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปรากฏว่าเป็น “อินทรีเหล็ก” บินมาจิกชัยเหนือ ออสเตรีย ที่กรุงเวียนนา 3-0 โดยได้ประตูจาก โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์, มิโรสลาฟ โคลเซ และมาริโอ โกเมซ โดยการพบกันของทั้งสองทีม 34 นัดนับตั้งแต่อดีต ออสเตรีย กำชัยเพียง 8 ครั้ง เสมอกัน 6 หน ขณะที่ เยอรมนี ซิวไป 20 ครั้ง เป็นการบุกกระชากชัยถึงถิ่น ออสเตรีย ถึงเก้าหนด้วยกันจากโอกาสมาเยือน 15 ครั้งด้วยกัน
ในส่วนของสภาพความพร้อม ฮิคเกอร์สแบร์เกอร์ ต้องปรับหนึ่งตำแหน่งแน่ๆ ในแผงรับเมื่อ เซบาสเตียน โพรเดิล ซึ่งทำให้ทีมได้จุดโทษนัดก่อนดันมาติดโทษแบนพอดี โรนัลด์ แกร์กาลิว อาจถูกส่งลงไปอุดรอยโหว่แทน แดนกลางยังให้ อูมิต คอร์คมาซ ทำเกมรุกทางกราบซ้ายดังเดิมหลังโชว์ฟอร์มได้เยี่ยมจากแมตช์เจ๊าโปล ขณะที่แดนหน้ายึดทาง โรลันด์ ลินซ์ คอยสอดประสานกับ มาร์ติน ฮาร์นิค โดยมี อิวิกา วาสติช ตัวเก๋าวัย 38 ปีรอเปลี่ยนเกมอยู่ข้างสนาม
ด้าน บุนเดสเทรนเนอร์ โยอาคิม เลิฟ รับสภาพความปราชัยต่อ โครเอเชีย 1-2 แต่ “อินทรีเหล็ก” ยังมีโอกาสเป็นทีมอันดับ 2 ของกลุ่มตามเข้ารอบไป เนื่องจากมีตุนในกระเป๋า 3 แต้ม ผลเสมอก็เพียงพอถึงแม้ โปแลนด์ สามารถเอาชนะโครแอต แต่ก็ยังเป็นเยอรมนี ที่มีเฮดทูเฮดเหนือกว่า โดยนัดนี้ เลิฟ อาจมีการปรับ 1-2 ตำแหน่ง การที่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ติดโทษแบนทำให้ ลูคัส โพดอลสกี ต้องปักหลักขึ้นเกมทางซ้ายต่อไป แต่ถ้าทีมตัดสินใจขยับ “โพลดี้” ไปยืนล่าตาข่ายร่วมกับ มิโรสลาฟ โคลเซ ก็จะเติมทาง โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์ มายืนแทน อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ปรับแดนกลาง เลิฟ อาจสร้างเซอร์ไพรส์หยอด โอลิเวอร์ นอยวิลล์ หอกตัวเก๋าไปเล่นแทน มาริโอ โกเมซ ที่ยังหาความคมไม่เจอ
ผลการแข่งขันที่คาด : แม้ เยอรมนี ต้องการแค่แต้มเดียวแต่คงไม่ลงไปเน้นเกมรับเพราะผิดธรรมชาติของทีม อีกทั้งการที่ ออสเตรีย ต้องเป็นฝ่ายเดินหน้าเข้าแลกจึงเป็นการเปิดช่องให้ “อินทรีเหล็ก” ที่มีแผงรุกที่คมกว่าจิกชนะไป 2-0
โครเอเชีย VS โปแลนด์ ที่สนามวอร์เธอร์ซี ในเมืองคลาเกนเฟิร์ต
สลาเวน บิลิช พึงพอใจฟอร์มนักเตะ “ตราหมากรุก” เป็นอย่างยิ่งหลังโชว์ฟอร์มเด็ดปีก “อินทรีเหล็ก” โดยในเกมทิ้งท้ายรอบแรก โครเอเชีย แชมป์กลุ่มบีอาจมีการปรับทัพหลายตำแหน่งเนื่องจากมีผู้เล่นติดคาดโทษใบเหลืองอยู่ถึง 5 รายได้แก่ โรเบิร์ต โควัช, โจซิป ซิมูนิช, ดาริโอ เซอร์นา, เยอร์โก เลโก และ ลูกา โมดริช จึงเป็นโอกาสให้แข้งสำรองอย่าง ดาริโอ ซิมิช, ดาริโอ คเนเซวิช, อ็อกเยน วูโคเยวิช รวมถึง อีวาน คลาสนิช ลงมายืดเส้นยืดสาย ขณะที่ มลาเดน เปทริช น่าจะถูกส่งลงไปสร้างสรรค์เกมรุกอีกครั้งหลังโดนดร็อปเป็นสำรองในนัดก่อน
ด้าน ลีโอ บีคฮัคเกอร์ ออกอาการถอดใจหลังจากที่ โปแลนด์ โดนผู้ตัดสินชาวอังกฤษ ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ ปล้นชัยชนะแบ่งแต้มให้เจ้าภาพร่วม ออสเตรีย เนื่องจากหนทางเดียวที่แข้งโปลจะได้ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ คือการเอาชนะโครแอต และลุ้นให้ ออสเตรีย พลิกล็อกล้ม เยอรมนี ก่อนไปวัดประตู-ได้เสียกับเจ้าภาพ แม้โอกาสไม่มากแต่ก็ยังไม่หมดไป กุนซือชาวดัตช์จึงเตรียมจัดทัพใหญ่เต็มสูบนำโดย 3 ประสานแนวรุก โรเจอร์ เกอร์เรโร, เอบี สโมลาเร็ค และมาเร็ค ซากานอฟสกี
ผลการแข่งขันที่คาด : โปแลนด์ บดเอาชนะ โครเอเชีย มาได้ 1-0 ในเกมอุ่นเครื่องล่าสุดที่เจอกันเมื่อสองปีก่อนที่เยอรมนี มาในนัดนี้แข้งโปลเตรียมเปิดเกมรุกเต็มตัวและด้วยความมุ่งมั่นประกอบกับ โครเอเชีย ต้องการเก็บความสดให้พร้อมก่อนลุยรอบ 8 ทีมสุดท้ายในอีกสี่วันข้างหน้า โปแลนด์ จึงน่าเบียดชัย 1-0
ออสเตรีย VS เยอรมนี ที่สนามแอร์นส์ท ฮัปเปิล ในกรุงเวียนนา
โจเซฟ ฮิคเกอร์สแบร์เกอร์ ยอมรับว่า ออสเตรีย โชคดีเหลือหลายที่มีหนึ่งคะแนนติดมือจากการได้ลูกจุดโทษช่วงทดเจ็บตีเจ๊า โปแลนด์ 1-1 การที่ทีมซึ่งมีอยู่หนึ่งแต้มจะผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ข้อแม้เดียวของเจ้าภาพร่วมคือการหักปีก “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ในนัดสุดท้ายและก็วอนให้ โครเอเชีย แชมป์กลุ่มบีช่วยล้มแข้งโปล อย่างไรก็ตาม คงไม่ใช้เรื่องง่ายสำหรับขุนพลแข้งแห่งลุ่มแม่น้ำดานูบ เมื่อศึกใหญ่ครั้งสุดท้ายที่ ออสเตรีย เผด็จศึก เยอรมนี (ตะวันตก) ลงได้ต้องย้อนกลับไปในฟุตบอลโลก 1978 ที่อาร์เจนตินาโน้นเลย (ที่สกอร์ 3-2)
อีกทั้งการประลองฝีแข้งในนัดอุ่นเครื่องล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ปรากฏว่าเป็น “อินทรีเหล็ก” บินมาจิกชัยเหนือ ออสเตรีย ที่กรุงเวียนนา 3-0 โดยได้ประตูจาก โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์, มิโรสลาฟ โคลเซ และมาริโอ โกเมซ โดยการพบกันของทั้งสองทีม 34 นัดนับตั้งแต่อดีต ออสเตรีย กำชัยเพียง 8 ครั้ง เสมอกัน 6 หน ขณะที่ เยอรมนี ซิวไป 20 ครั้ง เป็นการบุกกระชากชัยถึงถิ่น ออสเตรีย ถึงเก้าหนด้วยกันจากโอกาสมาเยือน 15 ครั้งด้วยกัน
ในส่วนของสภาพความพร้อม ฮิคเกอร์สแบร์เกอร์ ต้องปรับหนึ่งตำแหน่งแน่ๆ ในแผงรับเมื่อ เซบาสเตียน โพรเดิล ซึ่งทำให้ทีมได้จุดโทษนัดก่อนดันมาติดโทษแบนพอดี โรนัลด์ แกร์กาลิว อาจถูกส่งลงไปอุดรอยโหว่แทน แดนกลางยังให้ อูมิต คอร์คมาซ ทำเกมรุกทางกราบซ้ายดังเดิมหลังโชว์ฟอร์มได้เยี่ยมจากแมตช์เจ๊าโปล ขณะที่แดนหน้ายึดทาง โรลันด์ ลินซ์ คอยสอดประสานกับ มาร์ติน ฮาร์นิค โดยมี อิวิกา วาสติช ตัวเก๋าวัย 38 ปีรอเปลี่ยนเกมอยู่ข้างสนาม
ด้าน บุนเดสเทรนเนอร์ โยอาคิม เลิฟ รับสภาพความปราชัยต่อ โครเอเชีย 1-2 แต่ “อินทรีเหล็ก” ยังมีโอกาสเป็นทีมอันดับ 2 ของกลุ่มตามเข้ารอบไป เนื่องจากมีตุนในกระเป๋า 3 แต้ม ผลเสมอก็เพียงพอถึงแม้ โปแลนด์ สามารถเอาชนะโครแอต แต่ก็ยังเป็นเยอรมนี ที่มีเฮดทูเฮดเหนือกว่า โดยนัดนี้ เลิฟ อาจมีการปรับ 1-2 ตำแหน่ง การที่ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ติดโทษแบนทำให้ ลูคัส โพดอลสกี ต้องปักหลักขึ้นเกมทางซ้ายต่อไป แต่ถ้าทีมตัดสินใจขยับ “โพลดี้” ไปยืนล่าตาข่ายร่วมกับ มิโรสลาฟ โคลเซ ก็จะเติมทาง โธมัส ฮิตเซิลสแปร์เกอร์ มายืนแทน อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่ปรับแดนกลาง เลิฟ อาจสร้างเซอร์ไพรส์หยอด โอลิเวอร์ นอยวิลล์ หอกตัวเก๋าไปเล่นแทน มาริโอ โกเมซ ที่ยังหาความคมไม่เจอ
ผลการแข่งขันที่คาด : แม้ เยอรมนี ต้องการแค่แต้มเดียวแต่คงไม่ลงไปเน้นเกมรับเพราะผิดธรรมชาติของทีม อีกทั้งการที่ ออสเตรีย ต้องเป็นฝ่ายเดินหน้าเข้าแลกจึงเป็นการเปิดช่องให้ “อินทรีเหล็ก” ที่มีแผงรุกที่คมกว่าจิกชนะไป 2-0
โครเอเชีย VS โปแลนด์ ที่สนามวอร์เธอร์ซี ในเมืองคลาเกนเฟิร์ต
สลาเวน บิลิช พึงพอใจฟอร์มนักเตะ “ตราหมากรุก” เป็นอย่างยิ่งหลังโชว์ฟอร์มเด็ดปีก “อินทรีเหล็ก” โดยในเกมทิ้งท้ายรอบแรก โครเอเชีย แชมป์กลุ่มบีอาจมีการปรับทัพหลายตำแหน่งเนื่องจากมีผู้เล่นติดคาดโทษใบเหลืองอยู่ถึง 5 รายได้แก่ โรเบิร์ต โควัช, โจซิป ซิมูนิช, ดาริโอ เซอร์นา, เยอร์โก เลโก และ ลูกา โมดริช จึงเป็นโอกาสให้แข้งสำรองอย่าง ดาริโอ ซิมิช, ดาริโอ คเนเซวิช, อ็อกเยน วูโคเยวิช รวมถึง อีวาน คลาสนิช ลงมายืดเส้นยืดสาย ขณะที่ มลาเดน เปทริช น่าจะถูกส่งลงไปสร้างสรรค์เกมรุกอีกครั้งหลังโดนดร็อปเป็นสำรองในนัดก่อน
ด้าน ลีโอ บีคฮัคเกอร์ ออกอาการถอดใจหลังจากที่ โปแลนด์ โดนผู้ตัดสินชาวอังกฤษ ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ ปล้นชัยชนะแบ่งแต้มให้เจ้าภาพร่วม ออสเตรีย เนื่องจากหนทางเดียวที่แข้งโปลจะได้ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศ คือการเอาชนะโครแอต และลุ้นให้ ออสเตรีย พลิกล็อกล้ม เยอรมนี ก่อนไปวัดประตู-ได้เสียกับเจ้าภาพ แม้โอกาสไม่มากแต่ก็ยังไม่หมดไป กุนซือชาวดัตช์จึงเตรียมจัดทัพใหญ่เต็มสูบนำโดย 3 ประสานแนวรุก โรเจอร์ เกอร์เรโร, เอบี สโมลาเร็ค และมาเร็ค ซากานอฟสกี
ผลการแข่งขันที่คาด : โปแลนด์ บดเอาชนะ โครเอเชีย มาได้ 1-0 ในเกมอุ่นเครื่องล่าสุดที่เจอกันเมื่อสองปีก่อนที่เยอรมนี มาในนัดนี้แข้งโปลเตรียมเปิดเกมรุกเต็มตัวและด้วยความมุ่งมั่นประกอบกับ โครเอเชีย ต้องการเก็บความสดให้พร้อมก่อนลุยรอบ 8 ทีมสุดท้ายในอีกสี่วันข้างหน้า โปแลนด์ จึงน่าเบียดชัย 1-0