"ความฝันของลูกชายผมหลังจากเข้าสู่วงการเอฟวัน คือหนึ่งคว้าแชมป์ที่โมนาโก และสองคือคว้าแชมป์โลก นับจากนี้เหลือเพียงสิ่งเดียวที่เขาต้องเดินหน้าคว้ามันให้ได้" แอนโทนี่ แฮมิลตัน ให้สัมภาษณ์ หลังเห็นลูกชายตัวเองคว้าชัยชนะได้อย่างยิ่งใหญ่ ณ สังเวียนแข่งโมนาโก
ไม่น่าแปลกใจที่ ลูอิส แฮมิลตัน จะแสดงอาการดีใจอย่างหลุดโลก หลังนำรถรับธงตราหมากรุกเป็นคันแรก ในศึกโมนาโกกรังด์ปรีซ์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะนี่คือความฝันก้าวแรกของนักขับหนุ่มจากทีมแม็คลาเรน ที่จะกรุยทางไปสู่ตำแหน่งแชมป์โลกรถสูตรหนึ่งที่ตัวเองปรารถนาในช่วงท้ายฤดูกาล
โมนาโกกรังด์ปรีซ์ ถือเป็นการแข่งขันรายการเก่าแก่ ที่ว่ากันว่านักขับทุกคนต้องการจะคว้าแชมป์มาครองให้ได้สักครั้งในชีวิต มากกว่าการได้ตำแหน่งแชมป์โลก เนื่องจากเป็น “สตรีทเซอร์กิต” ที่แคบและคดเคี้ยวมากที่สุด นักขับแต่ละคนต้องใช้ทักษะและสมาธิในการควบคุมรถให้ได้ตลอด 78 รอบสนาม ซึ่งนั่นทำให้แฮมิลตันเชื่อว่า จุดเริ่มต้นของการที่จะก้าวไปเป็นแชมป์โลกเอฟวัน จะต้องพิสูจน์ฝีมือด้วยการคว้าแชมป์ในสนามแห่งนี้ให้ได้เสียก่อน
"นี่คือสนามที่ไอร์ตัน (เซนนา) ชนะได้เกือบทุกครั้งที่ลงแข่งขัน ส่วนมิชาเอล(ชูมัคเกอร์)ก็เคยมีผลงานดีต่อเนื่องในสนามนี้ เช่นเดียวกับอแล็ง พรอสต์ ที่คว้าแชมป์ได้หลายสมัย ที่นี่คือที่จะพิสูจน์ฝีมือในการก้าวไปเป็นยอดนักขับของโลกอย่างแท้จริง" ลูอิสเผยก่อนที่โมนาโกจีพีจะเปิดฉากขึ้นเพียงไม่กี่วัน
ท่ามกลางสภาพอากาศที่มีฝนเทลงมาในวันแข่งขัน รถแข่งหมายเลข 23 ของลูอิส ออกสตาร์ทจากกริดที่ 3 โดยมี ฟิลิปเป้ มาสซ่า และ คิมี่ ไรค์โคเน่น 2 นักขับเฟอร์รารี่ขวางอยู่ข้างหน้า แต่นักซิ่งอังกฤษก็สามารถออกตัวได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการแซงแชมป์โลกชาวฟินน์ได้ตั้งแต่โค้งแรก
แต่แล้วเพียงรอบที่ 5 ขวัญใจชาวเมืองผู้ดีก็พลาดขับรถไปถูกำแพงจนยางล้อหลังขวาแตก ต้องนำรถเข้าพิตจนอันดับรูดลงไปหลายตำแหน่ง จนไม่มีใครคาดคิดว่าแฮมิลตัน จะกลับมาได้แม้การยืนแป้นบนโพเดียมเมื่อจบการแข่งขัน แต่ด้วยกลยุทธ์ที่เหมาะเจาะของทีมงานแม็คลาเรน บวกกับฝีมือของนักขับวัย 23 ปี ทำให้ แฮมิลตัน พลิกสถานการณ์กลับมาคว้าแชมป์โมนาโกกรังด์ปรีซ์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
"นี่คือไฮไลท์สำคัญในชีวิตนักขับของผมเลยทีเดียว เพราะมันคือสนามที่ผมต้องการชนะมากกว่าสนามใดๆในโลกนี้ ตำนานนักขับของโลกล้วนคว้าแชมป์ที่นี่ได้ทั้งสิ้น"เด็กหนุ่มจากสตีฟเนจเผยความรู้สึกหลังคว้าแชมป์
ขณะเดียวกันรองแชมป์โลกปี2007 ยังส่งตัวเองขึ้นไปนำในตารางคะแนนสะสมชิงแชมป์โลกประเภทนักขับ เหนือ คิมี่ ไรค์โคเน่น แชมป์โลกคนปัจจุบันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยการมี 38 คะแนน นำหน้า “ดิไอซ์แมน”อยู่ 3 แต้ม
นอกจากนี้แฮมิลตันยังถือเป็นชาวอังกฤษคนแรกที่คว้าแชมป์บนดินแดนโมนาโกได้ในรอบเกือบ 40 ปี หลังจากเกรแฮม ฮิลล์ นักซิ่งรุ่นปู่เป็นอิงลิชแมนคนสุดท้ายที่ทำได้ในปี 1969 นั่นทำให้เซอร์ แจ็กกี สจ๊วต อดีตแชมป์โลก 3 สมัย อดไม่ได้ที่จะออกมายกย่องนักซิ่งวัย 23 ปี
"แม้คุณอาจจะต้องมีโชคช่วยบ้างในการชนะที่โมนาโก แต่สิ่งที่ลูอิสแสดงให้เห็น ผมบอกได้ว่านี่คือพรสวรรค์ล้วนๆ มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับวงการมอเตอร์สปอร์ตของอังกฤษที่มีนักขับยอดฝีมือเกิดผุดมาอีกครั้ง ด้วยอายุของเขาในตอนนี้มันเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้นเอง" อดีตแชมป์โลกชาวเมืองผู้ดีเผย
ขณะที่เซอร์ แฟรงค์ วิลเลียมส์ เจ้าของทีมวิลเลียมส์ ผู้คร่ำหวอดแห่งวงการรถสูตรหนึ่งมากกว่า 600 เรซ ถึงกับนำแฮมิลตันไปเทียบเคียงกับ มิชาเอล ชูมัคเกอร์ ตำนานแชมป์โลก 7 สมัย ชาวเยอรมัน
"ลูอิสชนะได้ด้วยสไตล์ของตัวเอง เขาเป็นนักขับประเภทมันสมอง ท่ามกลางสภาพฝนตกในมอนติคาร์โล ท่ามกลางความกดดัน ท่ามกลางอุบัติเหตุมากมาย แต่เขากลับควบคุมทุกอย่างได้อย่างง่ายดายจริงๆ ยุคทองของมิชาเอล ชูมัคเกอร์ผ่านพ้นไปแล้ว บางทีเขาอาจจะกลายเป็นตำนานนักขับคนต่อไปก็ได้"
ย้อนกลับไปในปี 2007 เจ้าหนูลูอิสที่ลงขับเอฟวันเพียงปีแรกก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในตารางสะสมคะแนนโลก หลังผ่านไป 7 สนาม ทว่าปีนี้ นักขับมือหนึ่งทีมแม็คลาเรนสามารถขึ้นมาเป็นผู้นำในตารางแชมเปียนชิปได้หลังจบสนามที่ 6 เท่านั้น
นับจากนี้ 12 สนามการแข่งขันที่เหลือของฤดูกาล จะเป็นบทพิสูจน์ว่า ลูอิส แฮมิลตัน จะทำฝันที่สองของตัวเองได้สำเร็จด้วยการรักษาตำแหน่งผู้นำไปจบสนามสุดท้ายที่บราซิลได้หรือไม่ หรือจะตกม้าตายอีกครั้งเฉกเช่นฤดูกาลที่ผ่านมา