ภายหลังการเทกโอเวอร์สโมสร “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ได้ส่ง สเวน โกรัน อีริคส์สัน ผู้จัดการทีม เดินทางข้ามน้ำ ข้ามทะเลมาจับเอา 3 นักเตะไทย อันประกอบด้วย สุรีย์ สุขะ, ธีรศิลป์ แดงดา และ เกียรติประวุฒิ สายแวว เซ็นสัญญาคว้ามาเป็นนักเตะในสังกัดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2550
โดยผู้เล่นทั้ง 3 รายมีสัญญาผูกพันกับต้นสังกัดในอังกฤษถึง 3 ปี ก่อให้เกิดความคาดหวังในหมู่แฟนลูกหนังชาวไทย ที่จะได้เห็นนักเตะเพื่อนร่วมชาติลงโชว์ฝีเท้าในศึกพรีเมียร์ชิป อังกฤษ เทียบเคียงกับยอดดาวเตะชั้นนำของโลก
ทว่าวันเวลาผ่านไปไม่นานปัญหาต่างๆ ก็เริ่มผุดตามมาหลอกหลอน 3 นักเตะทีมชาติไทย ไล่มาตั้งแต่เรื่องการไม่ได้รับค่าเหนื่อยร่วม 2 เดือน รวมทั้งการออกมายอมรับตามตรงของ "เสี่ยแม้ว" ว่าระดับฝีเท้าของ 3 ดาวเตะทีมชาติไทยไม่ถึงระดับพรีเมียร์ลีก อย่างที่เคยคาดเอาไว้ ทำให้ไม่สามารถก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ของทีมเรือใบ หมดหวังจะได้ลงฟาดแข้งบนเวทีลีกเบอร์ 1 ของโลก
ก่อนที่สุดท้ายจะแก้ปัญหาด้วยการส่งเอา สุรีย์ และ ธีรศิลป์ ไปฝึกซ้อมกับทีมสำรองของสโมสรกลาสฮอปเปอร์ ซูริก ในสวิตเซอร์แลนด์ ขณะที่ เกียรติประวุฒิ ถูกส่งไปซ้อมกับทีมสำรองของสโมสรคลับ บรูช แห่งเบลเยียม ด้วยสัญญายืมตัวระยะเวลา 3 เดือนนับจากเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
หลังจบ 3 เดือนบนแผ่นดินยุโรป 3 แข้งไทยก็เดินทางกลับมาแผ่นดินแม่เพื่อฝึกซ้อมกับทีมชาติชุดทำศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือกโซนเอเชีย โดยพี่ใหญ่แห่งทริปอย่าง “หนุ่มเปรม” สุรีย์ สุขะ แบ็กขวาเชิงสูง ถึงกับถอดใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยการเปิดใจถึงสภาพไร้อนาคตในลีกต่างแดนว่า
“สำหรับผมแล้วคิดว่าการได้เล่นแค่ทีมสำรอง หรือระดับดิวิชัน 2 ในลีกยุโรป คงไม่ได้ช่วยให้ฝีเท้าพัฒนาไปไหนได้แน่ ขณะที่ตัวผมเองก็ต้องยอมรับตามตรงว่าเริ่มท้อแล้ว”
“สภาพที่ไปซ้อมกับทีมกลาสฮอปเปอร์ ซูริก ก็ซ้อมแค่ในทีมสำรอง หรือเล่นกับทีมเยาวชนอายุไม่เกิน 21 ปี ซึ่งดูแล้วแนวโน้มขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่คงยาก เพราะไม่มีสตาฟฟ์โค้ชของทีมมาดูแล หรือสนใจอะไรเลย”
ส่วนเรื่องอนาคตนั้น “หนุ่มเปรม” ยืนยันว่าคงต้องรอปรึกษากับหลายฝ่ายอีกครั้งก่อน “นาทีนี้ผมไม่ทราบรายละเอียดว่าเขาวางผมไว้ตรงไหน หากจะให้กลับไปเล่นในสวิสต่อก็ไม่มีปัญหา แต่ส่วนตัวแล้วคิดว่าคงไม่ได้ประโยชน์อะไรมากนัก ซึ่งอนาคตคงต้องรอปรึกษาผู้ใหญ่ก่อนว่าจะเอาอย่างไรต่อไป”
ขณะที่ในส่วนของธีรศิลป์ กับเกียรติประวุฒิ เองนั้นต่างก็มีสภาพไม่แตกต่างกัน เพียงแต่ว่าทั้งคู่ยังพร้อมรอคอยโอกาสอยู่ในทีมสำรองต่อไป โดย ธีรศิลป์ กล่าวว่า “สำหรับผมเองนั้นไม่มีปัญหาอะไรเพราะว่าอายุยังน้อย ต้องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์อยู่แล้ว”
ด้าน เกียรติประวุฒิ ก็เช่นกัน “ตอนนี้ที่มีปัญหาคือเรื่องอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดี แต่ก็ยังอยากกลับไปเล่นทีมสำรองที่เบลเยียมต่อ แม้จะยังไม่ได้ลงเล่นชุดใหญ่ แต่ก็ยังพร้อมที่จะรอโอกาส”
เห็นได้ชัดว่าการเซ็นสัญญากับ แมนฯ ซิตี ไม่ได้ส่งผลให้ 3 นักเตะไทยพัฒนาฝีเท้าขึ้นกว่าที่เคยเป็นอยู่ เนื่องจากต้องลงไปเล่นในทีมสำรองของลีกระดับรองๆ ในยุโรปที่มีมาตรฐานไม่สูงนัก ซึ่ง สุรีย์ เคยเปรียบไว้ว่ามาตรฐานนั้นพอๆ กับฟุตบอลถ้วย ค. ในบ้านเรา อีกทั้งยังส่งผลกระทบกับฟอร์มของผู้เล่นทั้ง 3 ด้วย
ถึงนาทีนี้คงเป็นบทพิสูจน์ที่เห็นได้ชัดแล้วว่าการเซ็นสัญญากับ “เรือใบสีฟ้า” เมื่อปลายปีที่แล้ว ส่งผลร้ายทำลายอนาคตของนักเตะไทย 3 ชีวิต ที่แม้จะได้รับเงินเดือนเรือนแสน แต่ก็อยู่ในสภาพไม่ต่างอะไรกับตายทั้งเป็น เพราะนอกจากไม่ได้ลงเล่นในลีกระดับอาชีพแล้ว ยังเป็นได้แค่เพียงเครื่องมือประชาสัมพันธ์ในการชิงพื้นที่สื่อของท่านอดีตผู้นำเท่านั้น...
