"มาดามมล" นฤมล ศิริวัฒน์ กุนซือทีมบอลหญิง จับมือ "บิ๊กป๋อม" อดิศักดิ์ เบญจศิริวรรณ กุนซือทีมฟุตซอล ติงสมาคมลูกหนังไทยให้บริหารงานด้วยความโปร่งใส โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณ พร้อมส่งจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องการทำงานเพื่อให้สมาคมฯนำไปแก้ไขปรับปรุง
เมื่อเวลา 10.00 น. ของวันพุธที่ 30 เมษายน 2551 ที่ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ หนองจอก "บิ๊กยี" นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เป็นประธานในการประชุมใหญ่ประจำปี 2550 โดยมีสภากรรมการ 12 คนเข้าร่วมประชุม ขาดไป 7 คน เนื่องจากติดภารกิจ ส่วนสโมสรสมาชิก 121 แห่ง มาร่วมการประชุมครั้งนี้ 98 สโมสร
นายวรวีร์ ได้รายงานให้ที่ประชุมทราบว่า จากการจัดกิจกรรมต่างๆ ในปี 2550 ปรากฏว่า มีรายรับ 110,546,744.45 บาท, รายจ่าย 109,936,922.30 บาท ทำให้มีเงินเหลือ 609,822.15 บาท เมื่อรวมรายได้ที่เหลือจากปีที่แล้ว จำนวน 45,875,278.51 บาท ทำให้สมาคมฯมีรายได้สะสม 46,485,100.66 บาท พร้อมกับบอกให้สโมสรสมาชิกทราบว่า ได้มีการเชิญนายสุวัจน์ ลิปตภัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานที่ปรึกษาสมาคมฟุตบอลฯ เนื่องจาก นายสุวัจน์ ได้ช่วยเหลือวงการฟุตบอลมาตลอด นอกจากนี้ยังได้ส่งมอบโฉนดที่ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติให้เป็นสมบัติของทางสมาคมฯ และมีการแยกโฉนดที่จะก่อสร้างที่ทำการของสมาคมฯออกมาชัดเจน
โดยการประชุมในครั้งนี้ก่อเกิดบรรยากาศตึงเครียด หลังจากที่ "เจ๊มล" นางนฤมล ศิริวัฒน์ ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ออกมาแสดงความเห็นเรื่องการจัดสรรงบประมาณของสมาคมฟุตบอลว่าไม่มีความชัดเจน ด้วยการไม่ระบุถึงที่มาที่ไปของเงินสนับสนุน พร้อมทั้งยกตัวอย่างเงินงบประมาณสนับสนุนจากสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ที่แม้จะนำมาสนับสนุนจริง และทีมฟุตบอลหญิงได้รับแล้ว เพียงแต่ไม่ทราบว่าฟีฟ่าได้ระบุว่าให้เงินดังกล่าวในการทำทีมฟุตบอลเป็นจำนวนหญิงเท่าไหร่ เช่นเดียวกับผู้สนับสนุนจากภาคเอกชนรายต่างๆ เนื่องจากทางสมาคมฟุตบอลนำทุกส่วนมารวมกัน แล้วจัดสรรแบ่งไปให้ทีมฟุตบอลแต่ละชุดทำอีกที ซึ่งสิ่งที่พูดนี้ไม่ได้ต้องการทำให้ใครเสียหาย แต่อยากให้การทำงานในสมาคมฯดีขึ้น มีการบริหารงานแบบ “ธรรมาภิบาล” จริงๆ
ด้าน "บิ๊กป๋อม" นายอดิศักดิ์ เบญจศิริวรรณ ผู้จัดการทีมฟุตซอลไทย กล่าวว่า "อยากให้สมาคมฟุตบอลฯ บริหารงานให้เป็นระบบมากขึ้น เช่น ออกมาประกาศตัวเลขงบประมาณการทำทีมในแต่ละชุดให้ชัดเจนว่าจะได้เท่าไหร่ ไม่ใช่ให้มารอจนถึงช่วงใกล้การแข่งขันแล้วค่อยมาช่วยเหลือกัน นอกจากนี้ยังมีเรื่องการประสานงานขอเอกสารต่างๆ ไป ก็ไม่ได้รับความร่วมมือเท่าที่ควรอยากให้ทำงานกันแบบมืออาชีพกันจริงๆ ที่ผมพูดแบบนี้ ไม่ใช่ต้องการดิสเครดิต สมาคมฟุตบอลฯ แต่ต้องการให้ปรับการทำงานกันใหม่"
ด้าน "บังยี" กล่าวตอบโต้อย่างดุเดือดว่า “เรื่องของงบดุลนั้น ถือเป็นประเพณีและวัฒนธรรมที่สมาคมฯฟุตบอลฯปฏิบัติกันมาแบบนี้ ซึ่งรายละเอียดก็แจงไว้แล้วในรายงานการประชุม ส่วนเรื่องรายรับต้องเข้าใจว่า สมาคมฯเพิ่งจะได้สปอนเซอร์เข้ามาสนับสนุนเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว คือ พานาโซนิค, ปตท.,ช้าง และ ไนกี้ ตอนที่สมาคมฯไม่มีเงิน ไม่มีใครเข้ามาสนับสนุน ไม่เห็นใครจะมาพูดอะไร สำหรับเรื่องเงินฟีฟ่าและเงินรายได้จากสิทธิประโยชน์นั้น ต้องเข้าใจว่า สมาคมฯมีเงินไม่มาก ดังนั้นเมื่อมีรายรับเข้ามาต้องนำมาไว้เป็นส่วนกลาง จากนั้นจัดการแบ่งใช้ในการทำทีมแต่ละชุดตามความจำเป็น เรื่องนี้น่าจะพูดคุยกันภายใน ไม่น่าจะมีการให้ข่าวกับสื่อ ซึ่งทำให้องค์กรเกิดความเสียหาย”
นอกจากนี้ นางนฤมล ยังได้ส่งจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องการทำงาน 3 ข้อที่ได้พูดไป เพื่อให้สมาคมฯนำไปแก้ไขปรับปรุง โดยมีใจความ ดังนี้ 1.ควรจัดให้ผู้จัดการทีมแต่ละชุด มีการเสนอแผนการเตรียมทีมและงบประมาณที่จะใช้ เพื่อให้กรรมการบริหารเป็นผู้อนุมัติ, 2.แสดงที่มาหรือระบุรายได้จากสิทธิประโยชน์ เช่น รายได้จากรัฐ คือ เงินสนับสนุนในการเตรียมทีมเข้าแข่งกีฬาเอเชี่ยนอินดอร์เกมส์, ซีเกมส์, เอเชี่ยนเกมส์ โดยจัดทำบัญชีแยกประเภทของทีมชาติให้ชัดเจน, 3.เสนอรายงานสถานะทางการเงินของสมาคมฯในการประชุมสภากรรมการทุกเดือน จะได้ประเมินและวางแผนการทำงานได้ถูกต้อง