ลิเวอร์พูล ซึ่งพักตัวหลักหลายรายพลิกสถานการณ์จากที่ตามหลัง เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 2 ลูกกลับมาตีเสมอเป็น 2-2 ได้สำเร็จ ทำให้จ่อคว้าอันดับ 4 พรีเมียร์ชิปเต็มแก่โดยทิ้งห่าง เอฟเวอร์ตัน 9 คะแนน ส่วน ฟูแล่ม ต่อลมหายใจในการลุ้นหนีตายอีกเฮือกโดยบุกไปพิชิต แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงถิ่น 3-2
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2551
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 2 – 2 ลิเวอร์พูล
ที่สนามเซนต์ แอนดรูว์ส เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ที่กำลังดิ้นรนหนีการตกชั้นเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล นัดนี้เจ้าถิ่นได้ โอลิวิเยร์ กาโป กลับมาทำเกมทางกราบซ้ายอีกครั้ง พร้อมทั้ง มิคาเอล ฟอร์สเซลล์ ที่ได้ยืนหัวหอกตัวจริงแทน เมาโร ซาราเต้ ด้านทีมเยือนเก็บ เฟอร์นานโด ตอร์เรส กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไว้สำหรับเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลางสัปดาห์ ทำให้ ปีเตอร์ เคราช์ กับ อังเดร โวโรนิน ได้ยืนเป็นศูนย์หน้าคู่กัน
เริ่มต้นมาได้ 4 นาที ลูคัส เลว่า ได้โอกาสลุ้นทำประตูครั้งแรกของเกมให้กับหงส์แดง แต่ลูกยิงไกลกว่า 30 หลาไม่ตรงกรอบ ก่อนที่ ลูคัส จะได้ซัดอีกครั้งจากจังหวะที่ได้บอลจาก โวโรนิน ที่หักจากด้านซ้ายย้อนมาหน้าเขตโทษ แต่หนนี้โดนไม่เต็มเท้า ไมค์ เทย์เลอร์ จึงรับได้สบาย
ลูกโลกหาทางโต้ตอบบ้างในนาทีที่ 15 เมห์ดี้ นาฟติ โยนยาวขึ้นหน้าให้ ฟอร์สเซลล์ บัง ซามี่ ฮูเปีย หน้าเขตโทษแล้วกระดกบอลหมุนตัวหาจังหวะยิงได้เยี่ยม แต่บอลไปเข้ามือ โฮเซ่ เรน่า จังหวะต่อมา โอลิวิเยร์ กาโป ครองบอลหลอกล่อ สตีฟ ฟินแนน ทางด้านซ้ายก่อนสลัดหนีมาได้ แต่ลูกกึ่งยิงกึ่งผ่านไม่สัมผัสโดนใคร ก่อนผ่านหน้าประตูหลุดไปออกไปทางริมเส้นอีกฟาก
กระทั่งนาทีที่ 34 เบอร์มิงแฮม ที่ครองบอลได้น้อยกว่าสามารถใส่สกอร์ขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ เจมส์ แม็คฟาดเด้น กระชากหนีขึ้นไปทางกราบขวาก่อนตักเข้ากลาง กาโป โฉบเข้ามาให้ ฟินแนน ตามมาประกบ ทำให้บอลเลยไปถึง ฟอร์สเซลล์ จับบอลลงก่อนหวดสวน เรน่า ที่ผวาออกมาปิดมุมตุงตาข่ายทางเสาแรก
ลิเวอร์พูล พยายามทวงประตูตีเสมอก่อนได้โอกาสลุ้นในอีก 5 นาทีถัดมา เมื่อ ปีเตอร์ เคราช์ อาศัยรูปร่างสูงใหญ่บังบอลได้ก่อนพลิกยิงจากระยะประมาณ 25 หลา บอลกระดอนพื้นเข้าหาเสาแรก แต่ ไมค์ เทย์เลอร์ ยังล้มตัวทุบทิ้งออกไปได้ ก่อนที่ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ จะปั่นฟรีคิกในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรกเฉี่ยวคานนิดเดียว จบ 45 นาทีแรก ลูกโลก นำ หงส์แดง อยู่ 1-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง กองเชียร์เจ้าถิ่นได้ดีใจกันลั่นสนามอีกครั้งในนาทีที่ 55 เมื่อ มาร์ติน สเคอร์เทล ทำฟาวล์ใส่ เจมส์ แม็คฟาดเด้น หน้าเขตโทษ เซบาสเตียน ลาร์สสัน รับอาสาปั่นลูกฟรีคิกระยะหวังผลโค้งข้ามข้ามกำแพงหนีมือ เรน่า เสียบสามเหลี่ยมงามหยดให้ เบอร์มิงแฮม หนีห่างเป็น 2-0
หงส์แดงตีไข่แตกไล่ขึ้นมาเป็น 1-2 ในนาทีที่ 63 จากความยอดเยี่ยมของ เจอร์เมน เพนแนนท์ ที่ลากบอลหนีผู้เล่นลูกโลกจากด้านขวาตัดเข้ามาตรงกลางก่อนจ่ายเข้าเขตโทษให้ โวโรนิน ล้มตัวดีดต่อไปให้ เคราช์ สอดเข้ามาแปเล่นทางหนีมือ ไมค์ เทย์เลอร์ เสียบเสาไกล
6 นาทีต่อมา ทีมเยือนเกือบตามตีเสมอได้จากจังหวะที่ เบนายูน โหม่งให้ โวโรนิน พักบอลก่อนแตะหนี สตีเฟ่น เคลลี่ แล้วได้ซัดบอลสะกิดข้างตาข่ายเสาแรกออกหลัง จากนั้น เบนายูน จะได้วอลเลย์ตามน้ำจากลูกเปิดทางขวาของ ฟินแนน ในนาทีที่ 71 แต่ก็หลุดออกไปทางเสาสอง ก่อนที่จะทำได้สำเร็จเป็น 2-2 ในนาทีที่ 76 โดย ลูคัส ตักโด่งมาหน้าประตูให้ เบนายูน โขกไปแฉลบหลัง ราดี้ จาอิดี้ เปลี่ยนทางเข้าประตูไป ก่อนจบเกมด้วยสกอร์นี้ ทำให้ เบอร์มิงแฮม ได้เพิ่มแค่แต้มเดียวเป็น 32 คะแนน รั้งที่ 18 นำ ฟูแล่ม ที่บุกไปเฉือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงถิ่น 3-2 แค่ 2แต้ม ส่วน ลิเวอร์พูล มี 70 คะแนน อยู่อันดับ 4 ของตารางทิ้งห่าง เอฟเวอร์ตัน เพิ่มเป็น 9 แต้มแต่แข่งมากกว่า 1 นัด
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ – ไมค์ เทย์เลอร์, สตีเฟ่น เคลลี่, ราดี้ จาอิดี้, เลียม ริดจ์เวลล์, เดวิด เมอร์ฟี่, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, ฟาบริซ มูอัมบ้า, เมห์ดี้ นาฟติ, โอลิวิเยร์ กาโป, มิคาเอล ฟอร์สเซลล์, เจมส์ แม็คฟาดเด้น
ลิเวอร์พูล – โฮเซ่ เรน่า, สตีฟ ฟินแนน, ซามี่ ฮูเปีย, มาร์ติน สเคอร์เทล, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, เจอร์เมน เพนแนนท์, ดาเมียง เปลสซีส์, ลูคัส เลว่า, ยอสซี่ เบนายูน, ปีเตอร์ เคราช์, อังเดร โวโรนิน
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เชลซี ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 (มิชาเอล บัลลัค 1-0 นาที 45), (เวย์น รูนีย์ 1-1 นาที 56), (มิชาเอล บัลลัค 2-1 จุดโทษ นาที 85)
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 (มิคาเอล ฟอร์สเซลล์ 1-0 นาที 34), (เซบาสเตียน ลาร์สสัน 1-1 นาที 55), (ปีเตอร์ เคราช์ 2-1 นาที 63), (ยอสซี่ เบนายูน 2-2 นาที 76)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้ ฟูแล่ม 2-3 (สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ 1-0 นาที 10), (เบนจานี่ เอ็มวารูวารี 2-0 นาที 21), (ดิโอมองซี่ กามาร่า 2-1 นาที 70), (แดนนี่ เมอร์ฟี่ 2-2 นาที 79), (ดิโอมองซี่ กามาร่า 2-3 นาที 90)
ซันเดอร์แลนด์ ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 3-2 (ตุนชาย ซานลี่ 0-1 นาที 4), (แดนนี่ ฮิกกินบอทแธม 1-1 นาที 6), (ไมเคิล โชปรา 2-1 นาที 45), (อฟอนโซ่ อัลเวส 2-2 นาที 73), (เอมานูเอล โปกาเตทซ์ 3-2 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 90)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 1-1 (สเตลิออส จานนาโคปูลอส 0-1 นาที 46), (สตีด มัลบรองก์ 1-1 นาที 52)
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เสมอ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-2 (มาร์ค โนเบิล 1-0 นาที 10), (ดีน แอชตัน 2-0 นาที 23), (โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ 2-1 นาที 42), (เฌเรมี่ เอ็นฌิตั๊ป 2-2 นาที 45)
วีแกน แอธเลติก เสมอ เรดดิ้ง 0-0
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 26 เมษายน 2551
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 2 – 2 ลิเวอร์พูล
ที่สนามเซนต์ แอนดรูว์ส เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ที่กำลังดิ้นรนหนีการตกชั้นเปิดบ้านรับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล นัดนี้เจ้าถิ่นได้ โอลิวิเยร์ กาโป กลับมาทำเกมทางกราบซ้ายอีกครั้ง พร้อมทั้ง มิคาเอล ฟอร์สเซลล์ ที่ได้ยืนหัวหอกตัวจริงแทน เมาโร ซาราเต้ ด้านทีมเยือนเก็บ เฟอร์นานโด ตอร์เรส กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ไว้สำหรับเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กลางสัปดาห์ ทำให้ ปีเตอร์ เคราช์ กับ อังเดร โวโรนิน ได้ยืนเป็นศูนย์หน้าคู่กัน
เริ่มต้นมาได้ 4 นาที ลูคัส เลว่า ได้โอกาสลุ้นทำประตูครั้งแรกของเกมให้กับหงส์แดง แต่ลูกยิงไกลกว่า 30 หลาไม่ตรงกรอบ ก่อนที่ ลูคัส จะได้ซัดอีกครั้งจากจังหวะที่ได้บอลจาก โวโรนิน ที่หักจากด้านซ้ายย้อนมาหน้าเขตโทษ แต่หนนี้โดนไม่เต็มเท้า ไมค์ เทย์เลอร์ จึงรับได้สบาย
ลูกโลกหาทางโต้ตอบบ้างในนาทีที่ 15 เมห์ดี้ นาฟติ โยนยาวขึ้นหน้าให้ ฟอร์สเซลล์ บัง ซามี่ ฮูเปีย หน้าเขตโทษแล้วกระดกบอลหมุนตัวหาจังหวะยิงได้เยี่ยม แต่บอลไปเข้ามือ โฮเซ่ เรน่า จังหวะต่อมา โอลิวิเยร์ กาโป ครองบอลหลอกล่อ สตีฟ ฟินแนน ทางด้านซ้ายก่อนสลัดหนีมาได้ แต่ลูกกึ่งยิงกึ่งผ่านไม่สัมผัสโดนใคร ก่อนผ่านหน้าประตูหลุดไปออกไปทางริมเส้นอีกฟาก
กระทั่งนาทีที่ 34 เบอร์มิงแฮม ที่ครองบอลได้น้อยกว่าสามารถใส่สกอร์ขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากจังหวะที่ เจมส์ แม็คฟาดเด้น กระชากหนีขึ้นไปทางกราบขวาก่อนตักเข้ากลาง กาโป โฉบเข้ามาให้ ฟินแนน ตามมาประกบ ทำให้บอลเลยไปถึง ฟอร์สเซลล์ จับบอลลงก่อนหวดสวน เรน่า ที่ผวาออกมาปิดมุมตุงตาข่ายทางเสาแรก
ลิเวอร์พูล พยายามทวงประตูตีเสมอก่อนได้โอกาสลุ้นในอีก 5 นาทีถัดมา เมื่อ ปีเตอร์ เคราช์ อาศัยรูปร่างสูงใหญ่บังบอลได้ก่อนพลิกยิงจากระยะประมาณ 25 หลา บอลกระดอนพื้นเข้าหาเสาแรก แต่ ไมค์ เทย์เลอร์ ยังล้มตัวทุบทิ้งออกไปได้ ก่อนที่ ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่ จะปั่นฟรีคิกในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรกเฉี่ยวคานนิดเดียว จบ 45 นาทีแรก ลูกโลก นำ หงส์แดง อยู่ 1-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง กองเชียร์เจ้าถิ่นได้ดีใจกันลั่นสนามอีกครั้งในนาทีที่ 55 เมื่อ มาร์ติน สเคอร์เทล ทำฟาวล์ใส่ เจมส์ แม็คฟาดเด้น หน้าเขตโทษ เซบาสเตียน ลาร์สสัน รับอาสาปั่นลูกฟรีคิกระยะหวังผลโค้งข้ามข้ามกำแพงหนีมือ เรน่า เสียบสามเหลี่ยมงามหยดให้ เบอร์มิงแฮม หนีห่างเป็น 2-0
หงส์แดงตีไข่แตกไล่ขึ้นมาเป็น 1-2 ในนาทีที่ 63 จากความยอดเยี่ยมของ เจอร์เมน เพนแนนท์ ที่ลากบอลหนีผู้เล่นลูกโลกจากด้านขวาตัดเข้ามาตรงกลางก่อนจ่ายเข้าเขตโทษให้ โวโรนิน ล้มตัวดีดต่อไปให้ เคราช์ สอดเข้ามาแปเล่นทางหนีมือ ไมค์ เทย์เลอร์ เสียบเสาไกล
6 นาทีต่อมา ทีมเยือนเกือบตามตีเสมอได้จากจังหวะที่ เบนายูน โหม่งให้ โวโรนิน พักบอลก่อนแตะหนี สตีเฟ่น เคลลี่ แล้วได้ซัดบอลสะกิดข้างตาข่ายเสาแรกออกหลัง จากนั้น เบนายูน จะได้วอลเลย์ตามน้ำจากลูกเปิดทางขวาของ ฟินแนน ในนาทีที่ 71 แต่ก็หลุดออกไปทางเสาสอง ก่อนที่จะทำได้สำเร็จเป็น 2-2 ในนาทีที่ 76 โดย ลูคัส ตักโด่งมาหน้าประตูให้ เบนายูน โขกไปแฉลบหลัง ราดี้ จาอิดี้ เปลี่ยนทางเข้าประตูไป ก่อนจบเกมด้วยสกอร์นี้ ทำให้ เบอร์มิงแฮม ได้เพิ่มแค่แต้มเดียวเป็น 32 คะแนน รั้งที่ 18 นำ ฟูแล่ม ที่บุกไปเฉือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถึงถิ่น 3-2 แค่ 2แต้ม ส่วน ลิเวอร์พูล มี 70 คะแนน อยู่อันดับ 4 ของตารางทิ้งห่าง เอฟเวอร์ตัน เพิ่มเป็น 9 แต้มแต่แข่งมากกว่า 1 นัด
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ – ไมค์ เทย์เลอร์, สตีเฟ่น เคลลี่, ราดี้ จาอิดี้, เลียม ริดจ์เวลล์, เดวิด เมอร์ฟี่, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, ฟาบริซ มูอัมบ้า, เมห์ดี้ นาฟติ, โอลิวิเยร์ กาโป, มิคาเอล ฟอร์สเซลล์, เจมส์ แม็คฟาดเด้น
ลิเวอร์พูล – โฮเซ่ เรน่า, สตีฟ ฟินแนน, ซามี่ ฮูเปีย, มาร์ติน สเคอร์เทล, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, เจอร์เมน เพนแนนท์, ดาเมียง เปลสซีส์, ลูคัส เลว่า, ยอสซี่ เบนายูน, ปีเตอร์ เคราช์, อังเดร โวโรนิน
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เชลซี ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-1 (มิชาเอล บัลลัค 1-0 นาที 45), (เวย์น รูนีย์ 1-1 นาที 56), (มิชาเอล บัลลัค 2-1 จุดโทษ นาที 85)
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ เสมอ ลิเวอร์พูล 2-2 (มิคาเอล ฟอร์สเซลล์ 1-0 นาที 34), (เซบาสเตียน ลาร์สสัน 1-1 นาที 55), (ปีเตอร์ เคราช์ 2-1 นาที 63), (ยอสซี่ เบนายูน 2-2 นาที 76)
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แพ้ ฟูแล่ม 2-3 (สตีเฟ่น ไอร์แลนด์ 1-0 นาที 10), (เบนจานี่ เอ็มวารูวารี 2-0 นาที 21), (ดิโอมองซี่ กามาร่า 2-1 นาที 70), (แดนนี่ เมอร์ฟี่ 2-2 นาที 79), (ดิโอมองซี่ กามาร่า 2-3 นาที 90)
ซันเดอร์แลนด์ ชนะ มิดเดิลสโบรช์ 3-2 (ตุนชาย ซานลี่ 0-1 นาที 4), (แดนนี่ ฮิกกินบอทแธม 1-1 นาที 6), (ไมเคิล โชปรา 2-1 นาที 45), (อฟอนโซ่ อัลเวส 2-2 นาที 73), (เอมานูเอล โปกาเตทซ์ 3-2 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 90)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ โบลตัน วันเดอเรอร์ส 1-1 (สเตลิออส จานนาโคปูลอส 0-1 นาที 46), (สตีด มัลบรองก์ 1-1 นาที 52)
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เสมอ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 2-2 (มาร์ค โนเบิล 1-0 นาที 10), (ดีน แอชตัน 2-0 นาที 23), (โอบาเฟมี่ มาร์ตินส์ 2-1 นาที 42), (เฌเรมี่ เอ็นฌิตั๊ป 2-2 นาที 45)
วีแกน แอธเลติก เสมอ เรดดิ้ง 0-0