เมาโร ซาราเต้ ดาวยิงอาร์เจนไตน์สวมบทฮีโร่ให้กับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ด้วยการลงมาเป็นตัวสำรองแล้วปั่นฟรีคิกช่วงท้ายเกมช่วยให้ตามตีเสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1 ได้สำเร็จ พร้อมต่อความหวังในการลุ้นหนีตกชั้นให้กับลูกโลกต่อไป
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 12 เมษายน 2551
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1 – 1 เอฟเวอร์ตัน
เปิดฉากมาได้ไม่ทันไร ลูกโลกเกือบเป็นฝ่ายพลาดท่าเสียประตูแบบน่าเขกกะโหลก เมื่อ เมห์ดี้ นาฟติ จ่ายคืนหลังให้ เลียม ริดจ์เวลล์ พยายามสาดโด่งขึ้นหน้า แต่ไปติดตัว แอนดี้ จอห์นสัน ที่โดดเข้ามาขวาง บอลย้อนเข้าหาประตูตัวเอง แต่ยังโชคดีที่ลูกไม่ตรงกรอบ
จากนั้นนาทีที่ 19 ความผิดพลาดของ ริดจ์เวลล์ กับ สตีเฟ่น เคลลี่ ก็เกือบทำให้เจ้าถิ่นตกเป็นรองไปก่อน เมื่อไปลังเลไม่ยอมเข้าบอลจากจังหวะที่ สตีเว่น พีนาร์ โหม่งชงเข้ามาหน้าประตูจนถูก โจลีออน เลสค็อตต์ สอดเข้ามาฉกบอลจากด้านหลังไปได้แล้วแตะหนี ไมค์ เทย์เลอร์ ที่ออกมาปิดมุม แต่จังหวะยิงหลักไม่ดีจึงซัดไปเข้าข้างตาข่าย
ผ่านมาถึงนาทีที่ 36 เบอร์มิงแฮม ได้โอกาสลุ้นเข้าทำบ้างโดย แม็คฟาดเด้น ได้บอลขึ้นมาทางกราบขวาแล้วอาศัยความแข็งแกร่งเบียด เลห์ตัน เบนส์ ก่อนพลิกหาเหลี่ยมยิงแถวมุมเขตโทษ บอลพุ่งไปถูก ทิม ฮาวเวิร์ด ล้มตัวรับได้ที่เสาแรก
เจ้าถิ่นน่าจะได้ประตูขึ้นนำอย่างยิ่งในนาทีที่ 40โดย แม็คฟาดเด้น พยายามยิงจากหน้าเขตโทษสองครั้งแต่ก็ไปติดบล็อก แต่บอลยังกระดอนมาเข้าทาง หนที่ 3 จึงตัดสินใจตวัดโด่งไปที่เสาสองให้ คาเมรอน เจอโรม เบียด เบนส์ ขึ้นโขกหนีมือ ฮาวเวิร์ด ไปที่เสาสอง แต่ลูกกลับไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง เบอร์มิงแฮม เดินหน้าบุกอย่างไม่ลดละ นาทีที่ 52 แกรี่ แม็คเชฟฟรีย์ เปิดลูกเตะมุมจากด้านขวา ลูกหลุดมาถึง ริดจ์เวลล์ แปจ่อๆ ในกรอบ 6 หลาข้ามคานอย่างเหลือเชื่อ จากนั้น ราดี้ จาอิดี้ ได้โหม่งลูกเตะมุมใน 2 นาทีต่อมา แต่ก็ไม่ผ่านมือ ฮาวเวิร์ด
นาทีที่ 67 ลูกโลกได้โอกาสเข้าทำแบบจะแจ้งถึง 2 ครั้งซ้อนจากลูกฟรีคิกทางด้านซ้ายที่ เดวิด เมอร์ฟี่ โยนเข้าไปถูกโหม่งสกัด บอลมาเข้าทาง ราดี้ จาอิดี้ เอี้ยวตัววอลเลย์ด้วยขวาทำท่าจะเสียบเสาสอง แต่ถูก ฮาวเวิร์ด พุ่งปัดได้อย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนที่ แม็คฟาดเด้น จะตามไปเก็บบอลที่เส้นหลังแล้วหักเข้ามาตะบันด้วยขวา ทว่า ฮาวเวิร์ด ยังมือไวเซฟไว้ได้ก่อนเสียบเสาแรก
กระทั่งนาทีที่ 78 ทอฟฟี่สีน้ำเงินกลับเป็นฝ่ายได้ประตูออกนำ 1-0 จากจังหวะชุลมุนหน้าประตูแล้วบอลทำท่าจะหลุดออกหลัง แต่ ลี คาร์สลีย์ ตามไปหยุดลูกบนเส้นได้ทันแล้วหยอดไปที่เสาสองอย่างแม่นยำให้ ยาคูบู โขกชงมาเข้าทาง เลสค็อตต์ สะบัดศีรษะส่งลูกย้อนศรย้อยไปเสียบตาข่ายที่เสาไกล
ทว่า เดอะ บรัมมี่ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ก่อนจะมาตามตีเสมอเป็น 1-1 ได้สำเร็จในนาทีที่ 83 จากการปั่นฟรีคิกอันงดงามของ เมาโร ซาราเต้ ดาวยิงชาวอาร์เจนติน่าที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาได้ไม่กี่นาที จบเกม เบอร์มิงแฮม เสมอ เอฟเวอร์ตัน ไป 1-1 แบ่งไปทีมละ 1 คะแนน ทำให้ลูกโลกเก็บเพิ่มเป็น 31 คะแนน มีแต้มมากกว่า โบลตัน วันเดอเรอร์ส ที่อยู่ในโซนตกชั้นซึ่งเอาชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 เพียง 2 คะแนน ส่วน เอฟเวอร์ตัน มีอยู่ 61 คะแนน รั้งอันดับ 5 ของตาราง ตามหลัง ลิเวอร์พูล คู่แข่งแย่งโควตาไปเตะยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่ 2 คะแนน
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ – ไมค์ เทย์เลอร์, สตีเฟ่น เคลลี่, ราดี้ จาอิดี้, เลียม ริดจ์เวลล์, เดวิด เมอร์ฟี่, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, ฟาบริซ มูอัมบ้า, เมห์ดี้ นาฟติ, แกรี่ แม็คเชฟฟรีย์, มิคาเอล ฟอร์สเซลล์, เจมส์ แม็คฟาดเด้น
เอฟเวอร์ตัน – ทิม ฮาวเวิร์ด, โทนี่ ฮิบเบิร์ต, ฟิล ยากีลก้า, โจลีออน เลสค็อตต์, เลห์ตัน เบนส์, ฟิล เนวิลล์, ลี คาร์สลีย์, มานูเอล เฟอร์นานเดส, สตีเว่น พีนาร์, แอนดี้ จอห์นสัน, ยาคูบู อเย็กเบนี่
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1 (โจลีออน เลสค็อตต์ 0-1 นาที 78), (เมาโร ซาราเต้ 1-1 นาที 83)
โบลตัน วันเดอเรอร์ส ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 (เควิน เดวีส์ 1-0 นาที 47)
ดาร์บี้ เคาน์ตี้ แพ้ แอสตัน วิลล่า 0-6 (แอชลีย์ ยัง 0-1 นาที 25), (ยอห์น คาริว 0-2 นาที 27), (สติลิยัน เปตรอฟ 0-3 นาที 36), (แกเร็ธ แบร์รี่ 0-4 นาที 58), (กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ 0-5 นาที 76), (มาร์ลอน แฮร์วู้ด 0-6 นาที 85)
เรดดิ้ง แพ้ ฟูแล่ม 0-2 (ไบรอัน แม็คไบรด์ 0-1 นาที 24), (เอริก เนฟแลนด์ 0-2 นาที 90)
ซันเดอร์แลนด์ แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-2 (เอลาโน่ บลูแมร์ 0-1 จุดโทษ นาที 79), (ดีน ไวท์เฮด 1-1 นาที 82), (ดาริอุส วาสเซลล์ 1-2 นาที 87)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ มิดเดิลสโบรช์ 1-1 (โจนาธาน กราวน์ดส 1-0 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 27), (สจ๊วร์ต ดาวนิง 1-1 นาที 70)
ปอร์ทสมัธ เสมอ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 0-0
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 12 เมษายน 2551
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 1 – 1 เอฟเวอร์ตัน
เปิดฉากมาได้ไม่ทันไร ลูกโลกเกือบเป็นฝ่ายพลาดท่าเสียประตูแบบน่าเขกกะโหลก เมื่อ เมห์ดี้ นาฟติ จ่ายคืนหลังให้ เลียม ริดจ์เวลล์ พยายามสาดโด่งขึ้นหน้า แต่ไปติดตัว แอนดี้ จอห์นสัน ที่โดดเข้ามาขวาง บอลย้อนเข้าหาประตูตัวเอง แต่ยังโชคดีที่ลูกไม่ตรงกรอบ
จากนั้นนาทีที่ 19 ความผิดพลาดของ ริดจ์เวลล์ กับ สตีเฟ่น เคลลี่ ก็เกือบทำให้เจ้าถิ่นตกเป็นรองไปก่อน เมื่อไปลังเลไม่ยอมเข้าบอลจากจังหวะที่ สตีเว่น พีนาร์ โหม่งชงเข้ามาหน้าประตูจนถูก โจลีออน เลสค็อตต์ สอดเข้ามาฉกบอลจากด้านหลังไปได้แล้วแตะหนี ไมค์ เทย์เลอร์ ที่ออกมาปิดมุม แต่จังหวะยิงหลักไม่ดีจึงซัดไปเข้าข้างตาข่าย
ผ่านมาถึงนาทีที่ 36 เบอร์มิงแฮม ได้โอกาสลุ้นเข้าทำบ้างโดย แม็คฟาดเด้น ได้บอลขึ้นมาทางกราบขวาแล้วอาศัยความแข็งแกร่งเบียด เลห์ตัน เบนส์ ก่อนพลิกหาเหลี่ยมยิงแถวมุมเขตโทษ บอลพุ่งไปถูก ทิม ฮาวเวิร์ด ล้มตัวรับได้ที่เสาแรก
เจ้าถิ่นน่าจะได้ประตูขึ้นนำอย่างยิ่งในนาทีที่ 40โดย แม็คฟาดเด้น พยายามยิงจากหน้าเขตโทษสองครั้งแต่ก็ไปติดบล็อก แต่บอลยังกระดอนมาเข้าทาง หนที่ 3 จึงตัดสินใจตวัดโด่งไปที่เสาสองให้ คาเมรอน เจอโรม เบียด เบนส์ ขึ้นโขกหนีมือ ฮาวเวิร์ด ไปที่เสาสอง แต่ลูกกลับไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย จบครึ่งแรกยังเสมอกันอยู่ที่ 0-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง เบอร์มิงแฮม เดินหน้าบุกอย่างไม่ลดละ นาทีที่ 52 แกรี่ แม็คเชฟฟรีย์ เปิดลูกเตะมุมจากด้านขวา ลูกหลุดมาถึง ริดจ์เวลล์ แปจ่อๆ ในกรอบ 6 หลาข้ามคานอย่างเหลือเชื่อ จากนั้น ราดี้ จาอิดี้ ได้โหม่งลูกเตะมุมใน 2 นาทีต่อมา แต่ก็ไม่ผ่านมือ ฮาวเวิร์ด
นาทีที่ 67 ลูกโลกได้โอกาสเข้าทำแบบจะแจ้งถึง 2 ครั้งซ้อนจากลูกฟรีคิกทางด้านซ้ายที่ เดวิด เมอร์ฟี่ โยนเข้าไปถูกโหม่งสกัด บอลมาเข้าทาง ราดี้ จาอิดี้ เอี้ยวตัววอลเลย์ด้วยขวาทำท่าจะเสียบเสาสอง แต่ถูก ฮาวเวิร์ด พุ่งปัดได้อย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนที่ แม็คฟาดเด้น จะตามไปเก็บบอลที่เส้นหลังแล้วหักเข้ามาตะบันด้วยขวา ทว่า ฮาวเวิร์ด ยังมือไวเซฟไว้ได้ก่อนเสียบเสาแรก
กระทั่งนาทีที่ 78 ทอฟฟี่สีน้ำเงินกลับเป็นฝ่ายได้ประตูออกนำ 1-0 จากจังหวะชุลมุนหน้าประตูแล้วบอลทำท่าจะหลุดออกหลัง แต่ ลี คาร์สลีย์ ตามไปหยุดลูกบนเส้นได้ทันแล้วหยอดไปที่เสาสองอย่างแม่นยำให้ ยาคูบู โขกชงมาเข้าทาง เลสค็อตต์ สะบัดศีรษะส่งลูกย้อนศรย้อยไปเสียบตาข่ายที่เสาไกล
ทว่า เดอะ บรัมมี่ ไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ก่อนจะมาตามตีเสมอเป็น 1-1 ได้สำเร็จในนาทีที่ 83 จากการปั่นฟรีคิกอันงดงามของ เมาโร ซาราเต้ ดาวยิงชาวอาร์เจนติน่าที่เพิ่งถูกเปลี่ยนตัวลงมาได้ไม่กี่นาที จบเกม เบอร์มิงแฮม เสมอ เอฟเวอร์ตัน ไป 1-1 แบ่งไปทีมละ 1 คะแนน ทำให้ลูกโลกเก็บเพิ่มเป็น 31 คะแนน มีแต้มมากกว่า โบลตัน วันเดอเรอร์ส ที่อยู่ในโซนตกชั้นซึ่งเอาชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 เพียง 2 คะแนน ส่วน เอฟเวอร์ตัน มีอยู่ 61 คะแนน รั้งอันดับ 5 ของตาราง ตามหลัง ลิเวอร์พูล คู่แข่งแย่งโควตาไปเตะยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่ 2 คะแนน
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ – ไมค์ เทย์เลอร์, สตีเฟ่น เคลลี่, ราดี้ จาอิดี้, เลียม ริดจ์เวลล์, เดวิด เมอร์ฟี่, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, ฟาบริซ มูอัมบ้า, เมห์ดี้ นาฟติ, แกรี่ แม็คเชฟฟรีย์, มิคาเอล ฟอร์สเซลล์, เจมส์ แม็คฟาดเด้น
เอฟเวอร์ตัน – ทิม ฮาวเวิร์ด, โทนี่ ฮิบเบิร์ต, ฟิล ยากีลก้า, โจลีออน เลสค็อตต์, เลห์ตัน เบนส์, ฟิล เนวิลล์, ลี คาร์สลีย์, มานูเอล เฟอร์นานเดส, สตีเว่น พีนาร์, แอนดี้ จอห์นสัน, ยาคูบู อเย็กเบนี่
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
เบอร์มิงแฮม ซิตี้ เสมอ เอฟเวอร์ตัน 1-1 (โจลีออน เลสค็อตต์ 0-1 นาที 78), (เมาโร ซาราเต้ 1-1 นาที 83)
โบลตัน วันเดอเรอร์ส ชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 1-0 (เควิน เดวีส์ 1-0 นาที 47)
ดาร์บี้ เคาน์ตี้ แพ้ แอสตัน วิลล่า 0-6 (แอชลีย์ ยัง 0-1 นาที 25), (ยอห์น คาริว 0-2 นาที 27), (สติลิยัน เปตรอฟ 0-3 นาที 36), (แกเร็ธ แบร์รี่ 0-4 นาที 58), (กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ 0-5 นาที 76), (มาร์ลอน แฮร์วู้ด 0-6 นาที 85)
เรดดิ้ง แพ้ ฟูแล่ม 0-2 (ไบรอัน แม็คไบรด์ 0-1 นาที 24), (เอริก เนฟแลนด์ 0-2 นาที 90)
ซันเดอร์แลนด์ แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-2 (เอลาโน่ บลูแมร์ 0-1 จุดโทษ นาที 79), (ดีน ไวท์เฮด 1-1 นาที 82), (ดาริอุส วาสเซลล์ 1-2 นาที 87)
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เสมอ มิดเดิลสโบรช์ 1-1 (โจนาธาน กราวน์ดส 1-0 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 27), (สจ๊วร์ต ดาวนิง 1-1 นาที 70)
ปอร์ทสมัธ เสมอ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 0-0
