8 ขุนพลนักชกทีมชาติไทย เหินฟ้าไปเก็บตัวที่เวียดนามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เตรียมล่าทองปักกิ่งเกมส์ ด้าน “เสธ.ทวีป” มั่นใจ สร้างประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ ขณะที่ นายศักดิ์ชัย วงศ์มาลาสิทธิ์ ผู้จัดการทีม ประกาศเบิลอัดฉีดให้ “มนัส-วรพจน์” ลุ้นให้สร้างประวัติศาสตร์คว้าเหรียญโอลิมปิก 2 สมัยซ้อน
โดยเมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา “เสธ.ทวีป” พลเอกทวีป จันทรโรจน์ นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย และ นายศักดิ์ชัย วงศ์มาลาสิทธิ์ อุปนายกสมาคมมวยฯ และผู้จัดการทีมนักชกทีมชาติไทยชุดโอลิมปิก เดินทางไปส่งและให้โอวาทขุนพลเสื้อกล้ามไทยชุดโอลิมปิก2008 “ปักกิ่งเกมส์” ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้ง 8 คน ได้แก่ อำนาจ รื่นเริง (48กก.), สมจิตร จงจอหอ (51 กก.), วรพจน์ เพชรขุ้ม (54 กก.), สายลม อาดี (57 กก.), พิชัย สาโยธา (60 กก.), มนัส บุญจำนง (64 กก.), นน บุญจำนงค์ (69 กก.) และ อังคาร ชมพูพวง(75 กก.) พร้อมสตาฟฟ์โค้ช กามนิตย์ นารีรักษ์, ชัยชุมพล ชำนาญมาก, สุภาพ บุญรอด, สุบรรณ พันโนน,ชาญณรงค์ ดีแป้น และ โอมาร์ พารากอน จากคิวบา ออกเดินทางด้วยสายการบินบีพีแอร์ ไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม
สำหรับการเดินทางไปเก็บตัวฝึกซ้อมครั้งนี้ “เสธ.ทวีป” ได้ให้โอวาทว่า ขอให้นักชกทุกคนตั้งใจฝึกซ้อมให้ดีที่สุด โดยเฉพาะการควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในพิกัดแต่ละรุ่น เพราะมีเวลาอีกแค่ 2 สัปดาห์ จะต้องลงอุ่นเครื่องในศึกปารีส โอเพ่น ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่าง 14-18 พฤษภาคม นี้ ซึ่งรายการนี้นักชกยุโรป 6 ประเทศ และนักชกคิวบาลงชิงชัย จากนั้นไปอุ่นเครื่องในรายการที่ 2 ศึกเพรสซิเดนท์คัพ ที่ไต้หวัน ระหว่าง 25 พฤษภาคม– 1 มิถุนายน นี้ มีนักชก 120 คน ที่ได้ตั๋วไปโอลิมปิกแล้วลงชิงชัย ทั้ง 2 รายการไม่เน้นผลแพ้ชนะ แต่เน้นการหาประสบการณ์ เพื่อศึกษาคู่แข่งในโอลิมปิก
เสธ.วีป กล่าวต่ออีกว่า “ซึ่งสตาฟฟ์โค้ชทุกคน ต้องศึกษาคู่แข่งของนักชกไทยแต่ละรุ่นให้ดี และนักชกต้องเก็บฟอร์มตัวเองไว้ด้วย ไม่ต้องปล่อยฟอร์มเต็มร้อย เพราะต้องเซฟตัวเองด้วย รวมทั้งระวังไม่ให้คู่ต่อสู้ ลอกเลียนสไตล์การชกไปแก้ทางมวย ที่สำคัญ นับตั้งแต่นี้ไป ต้องพัฒนาฝีมือและเทคนิค ให้ก้าวหน้าไปอีก ถ้าหยุดอยู่กับที่จะพลาดท่าได้ ต้องตระหนักว่าเป้าหมายอยู่ที่โอลิมปิก ไม่ใช่ 2 รายการนี้ เสร็จจาก 2รายการนี้จะเก็บตัวยาวที่เวียดนามจนถึง “ปักกิ่งเกมส์” โดยในช่วง 2 เดือนสุดท้าย ทุกอย่างต้องลงตัวนักชกมีความพร้อมเต็มที่ ทั้งด้านเทคนิค สภาพร่างกายและจิตใจ ตนมั่นใจว่า นักชกชุดนี้ทั้ง 8 รุ่นจะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทยด้วยการเป็นนักชกที่คว้าเหรียญโอลิมปิกได้มากที่สุดด้าน”
ส่วน นายศักดิ์ชัย วงศ์มาลาสิทธิ์ ผู้จัดการนักชกทีมชาติไทยชุด “ปักกิ่งเกมส์” กล่าวว่า “ตนเอง และ “เสธ.ทวีป” จะไปตรวจเยี่ยมชมให้กำลังใจการเก็บตัวฝึกซ้อม ทั้งที่เวียดนาม,ฝรั่งเศส, ไต้หวัน รวมทั้งการล่าเหรียญทอง “ปักกิ่งเกมส์” ซึ่งขณะนี้ตนเองได้จัดการอำนวยความสะดวกเรื่องที่พัก อาหารการกินตามหลักโภชนาการวิทยาศาสตร์กีฬา และที่ฝึกซ้อมให้เรียบร้อยแล้วไม่ต้องเป็นห่วง มั่นใจว่านักชกชุดนี้จะไม่ทำให้ชาวไทยผิดหวัง และยังยืนยันโบนัสอัดฉีดเหรียญทองโอลิมปิก 1 ล้านบาท, เหรียญเงิน 5 แสนบาท, ทองแดง 3 แสนบาท”
“แต่สำหรับ วรพจน์ เพชรขุ้ม เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิก 2004 “เอเธนส์เกมส์” และ มนัส บุญจำนงค์ นักชกเหรียญทองโอลิมปิก 2004 หากสามารถคว้าเหรียญโอลิมปิกได้อีกจะเพิ่มให้เป็น 2 เท่าไม่ว่าเหรียญใด โดยเหรียญทอง 2 ล้านบาท, เงิน 1 ล้านบาท และทองแดง 6 แสนบาท เพราะต้องการให้ทั้งคู่สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักชกไทย ที่สามารถคว้าเหรียญโอลิมปิกได้ 2 สมัยซ้อน โดยรางวัลอัดฉีดที่ตั้งไว้นี้ แค่วางไว้ขั้นต้น ตนยืนยันว่า อาจมีให้มากกว่านี้อีก ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” ผู้จัดการทีมนักชกชุดปักกิ่งเกมส์ กล่าวทิ้งท้าย
โดยเมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา “เสธ.ทวีป” พลเอกทวีป จันทรโรจน์ นายกสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทย และ นายศักดิ์ชัย วงศ์มาลาสิทธิ์ อุปนายกสมาคมมวยฯ และผู้จัดการทีมนักชกทีมชาติไทยชุดโอลิมปิก เดินทางไปส่งและให้โอวาทขุนพลเสื้อกล้ามไทยชุดโอลิมปิก2008 “ปักกิ่งเกมส์” ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้ง 8 คน ได้แก่ อำนาจ รื่นเริง (48กก.), สมจิตร จงจอหอ (51 กก.), วรพจน์ เพชรขุ้ม (54 กก.), สายลม อาดี (57 กก.), พิชัย สาโยธา (60 กก.), มนัส บุญจำนง (64 กก.), นน บุญจำนงค์ (69 กก.) และ อังคาร ชมพูพวง(75 กก.) พร้อมสตาฟฟ์โค้ช กามนิตย์ นารีรักษ์, ชัยชุมพล ชำนาญมาก, สุภาพ บุญรอด, สุบรรณ พันโนน,ชาญณรงค์ ดีแป้น และ โอมาร์ พารากอน จากคิวบา ออกเดินทางด้วยสายการบินบีพีแอร์ ไปเก็บตัวฝึกซ้อมที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม
สำหรับการเดินทางไปเก็บตัวฝึกซ้อมครั้งนี้ “เสธ.ทวีป” ได้ให้โอวาทว่า ขอให้นักชกทุกคนตั้งใจฝึกซ้อมให้ดีที่สุด โดยเฉพาะการควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในพิกัดแต่ละรุ่น เพราะมีเวลาอีกแค่ 2 สัปดาห์ จะต้องลงอุ่นเครื่องในศึกปารีส โอเพ่น ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่าง 14-18 พฤษภาคม นี้ ซึ่งรายการนี้นักชกยุโรป 6 ประเทศ และนักชกคิวบาลงชิงชัย จากนั้นไปอุ่นเครื่องในรายการที่ 2 ศึกเพรสซิเดนท์คัพ ที่ไต้หวัน ระหว่าง 25 พฤษภาคม– 1 มิถุนายน นี้ มีนักชก 120 คน ที่ได้ตั๋วไปโอลิมปิกแล้วลงชิงชัย ทั้ง 2 รายการไม่เน้นผลแพ้ชนะ แต่เน้นการหาประสบการณ์ เพื่อศึกษาคู่แข่งในโอลิมปิก
เสธ.วีป กล่าวต่ออีกว่า “ซึ่งสตาฟฟ์โค้ชทุกคน ต้องศึกษาคู่แข่งของนักชกไทยแต่ละรุ่นให้ดี และนักชกต้องเก็บฟอร์มตัวเองไว้ด้วย ไม่ต้องปล่อยฟอร์มเต็มร้อย เพราะต้องเซฟตัวเองด้วย รวมทั้งระวังไม่ให้คู่ต่อสู้ ลอกเลียนสไตล์การชกไปแก้ทางมวย ที่สำคัญ นับตั้งแต่นี้ไป ต้องพัฒนาฝีมือและเทคนิค ให้ก้าวหน้าไปอีก ถ้าหยุดอยู่กับที่จะพลาดท่าได้ ต้องตระหนักว่าเป้าหมายอยู่ที่โอลิมปิก ไม่ใช่ 2 รายการนี้ เสร็จจาก 2รายการนี้จะเก็บตัวยาวที่เวียดนามจนถึง “ปักกิ่งเกมส์” โดยในช่วง 2 เดือนสุดท้าย ทุกอย่างต้องลงตัวนักชกมีความพร้อมเต็มที่ ทั้งด้านเทคนิค สภาพร่างกายและจิตใจ ตนมั่นใจว่า นักชกชุดนี้ทั้ง 8 รุ่นจะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทยด้วยการเป็นนักชกที่คว้าเหรียญโอลิมปิกได้มากที่สุดด้าน”
ส่วน นายศักดิ์ชัย วงศ์มาลาสิทธิ์ ผู้จัดการนักชกทีมชาติไทยชุด “ปักกิ่งเกมส์” กล่าวว่า “ตนเอง และ “เสธ.ทวีป” จะไปตรวจเยี่ยมชมให้กำลังใจการเก็บตัวฝึกซ้อม ทั้งที่เวียดนาม,ฝรั่งเศส, ไต้หวัน รวมทั้งการล่าเหรียญทอง “ปักกิ่งเกมส์” ซึ่งขณะนี้ตนเองได้จัดการอำนวยความสะดวกเรื่องที่พัก อาหารการกินตามหลักโภชนาการวิทยาศาสตร์กีฬา และที่ฝึกซ้อมให้เรียบร้อยแล้วไม่ต้องเป็นห่วง มั่นใจว่านักชกชุดนี้จะไม่ทำให้ชาวไทยผิดหวัง และยังยืนยันโบนัสอัดฉีดเหรียญทองโอลิมปิก 1 ล้านบาท, เหรียญเงิน 5 แสนบาท, ทองแดง 3 แสนบาท”
“แต่สำหรับ วรพจน์ เพชรขุ้ม เจ้าของเหรียญเงินโอลิมปิก 2004 “เอเธนส์เกมส์” และ มนัส บุญจำนงค์ นักชกเหรียญทองโอลิมปิก 2004 หากสามารถคว้าเหรียญโอลิมปิกได้อีกจะเพิ่มให้เป็น 2 เท่าไม่ว่าเหรียญใด โดยเหรียญทอง 2 ล้านบาท, เงิน 1 ล้านบาท และทองแดง 6 แสนบาท เพราะต้องการให้ทั้งคู่สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักชกไทย ที่สามารถคว้าเหรียญโอลิมปิกได้ 2 สมัยซ้อน โดยรางวัลอัดฉีดที่ตั้งไว้นี้ แค่วางไว้ขั้นต้น ตนยืนยันว่า อาจมีให้มากกว่านี้อีก ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ให้ดีที่สุด” ผู้จัดการทีมนักชกชุดปักกิ่งเกมส์ กล่าวทิ้งท้าย