สมจิตร จงจอหอ, พิชัย สาโยธา และอังคาร ชมภูพวง สามนักชกไทย โชว์ฟอร์มสุดยอดต้อนคู่แข่งกระเจิงผ่านเข้ารอบรองฯ ด้าน สายลม อาดี ออกหมัดสุดอืดก่อนพ่ายร่วงในศึกมวยคิงส์คัพ
การแข่งขันชกมวยสากลสมัครเล่นชิงถ้วยพระราชทาน "คิงส์คัพ" ครั้งที่ 30 ที่เดอะ มอลล์ งามวงศ์วาน ประจำวันจันทร์ที่ 7 เมษายน 2551 เป็นการแข่งขันในวันที่สอง ในรอบ 8 คนสุดท้าย
โดยการชกคู่แรกของวันนี้เป็นการแข่งขันในรุ่นไฟลเวต 51 กิโลกรัม ระหว่าง สมจิตร จงจอหอ กำปั้นจอมเก๋าทีมไทยเอ ที่ผ่านโอลิมปิกมาแล้วหลายสมัยพบกับ เคียวสุเกะ ซาวาดะ จากญี่ปุ่น ซึ่งเริ่มเกมในยกแรกหมัดไทยก็ดักชิงจังหวะชกเข้าเป้าได้หลายหมัด ก่อนทำคะแนนทิ้งห่างไปถึง 7-0 เข้าสู่ยกที่ 2 สมจิตรยิ่งออกหมัดได้สบายขึ้น เมื่อทำคะแนนนำไป 12-0 เข้าสู่ยกที่ 3 นักชกชาวไทย ออกลูกเล่นลีลามากขึ้น ไม่เน้นออกหมัดทำคะแนน แต่ยังนำ 17-2 ถึงยกสุดท้าย การยกยังคงเป็นไปในรูปแบบเดิมก่อนที่จะจบการชกในยกนี้ด้วยชัยชนะของ สมจิตร จงจอหอ เหนือคู่แข่งไป 25-2 คะแนน ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศได้อย่างสบาย
ขณะที่การแข่งขันในรุ่นเดียวกันของ ฉัตรชัย บุตรดี กำปั้นดาวรุ่งในทีมไทยบี สามารถเอาชนะ เดวิด ไอราเพตยาน จากรัสเซีย 17-11 คะแนน ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้แล้วเช่นกัน
ถัดมาเป็นการชกในรุ่นเฟเธอร์เวต 57 กิโลกรัม ระหว่าง สายลม อาดี นักชกทีมไทยเอ ที่ผ่านเข้าสู่การแข่งขันโอลิมปิก 2008 ได้แล้ว พบกับ ดี ออตกอนดาไล นักชกจากมองโกเลีย ที่ลดน้ำหนักลงมาจากรุ่น 60 กิโลกรัม ซึ่งเริ่มยกแรกนักชกไทยก็เป็นรองเสียแล้ว เมื่อออกหมัดช้ากว่าคู่แข่งอย่างเห็นได้ชัด จนตกเป็นรองอยู่ 2-7 คะแนน ต่อมาในยกที่ 2 แม้นักชกไทยจะพยายามเดินหน้าเข้าหามากเพียงใด แต่ก็ยังไล่ ออตกอนดาไล ไม่จน แถมยังโดนหมัดสวนออกมาเป็นระยะจนตามอยู่ 2-11 คะแนน ส่วนในยก 3 สายลม ยิ่งเดินหน้าก็ยิ่งโดนอยู่ฝ่ายเดียวจนตามห่างเป็น 3-15 คะแนน ยกสุดท้ายนักชกไทยพยายามอย่างหนัก แต่ก็ไร้ผลสุดท้ายพ่ายไป 6-18 คะแนน
จากนั้นเป็นการแข่งขันในรุ่นเดียวกัน ระหว่าง อิศรายุทธ จันทราพร นักชกดาวรุ่งจากทีมไทยบี กับ หยาง ลี นักชกชาวจีน ซึ่งนักชกไทยที่อ่อนประสบการณ์กว่าก็แพ้ไปตามคาด 5-25 คะแนน ตกรอบ 8 คนสุดท้ายไปอีกราย
สำหรับในรุ่นถัดมาเป็นการชกในรุ่นไลต์เวต 60 กิโลกรัม ระหว่าง พิชัย สาโยธา นักชกไทยที่ได้โควตาสู่โอลิมปิกเกมส์แล้ว พบกับ ฉีห์ โป ฮัง นักชกจากไต้หวัน ซึ่งตลอดการชก พิชัย โชว์การออกหมัดหนึ่งสองได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งประสบการณ์บนเวทีที่เหนือว่า รวมทั้งยังยิงหมัดเรียกนับจากผู้ตัดสินได้อีกด้วย ก่อนจบการชกด้วยชัยชนะที่สกอร์ 17-0 คะแนน ได้ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ พบกับ หลง
ต่อมาเป็นการชกในรุ่นไลต์เวตเช่นกัน โดย อัจฉริยะ แห้วสุโน หลานชายแท้ๆ ของ สมจิตร จงจอหอ เป็นนักชกดาวรุ่งอีกหนึ่งรายของทีมชาติไทยชุดบี ขึ้นสังเวียนพบกับ บัต-ออชิร์ อายูร์ซานา จากมองโกเลีย ซึ่งกำปั้นวัยเพียง 20 ปีชายไทยก็แพ้ไปตามคาด 6-12 คะแนน
จากนั้นคู่สุดท้ายของวันเป็นการแข่งขันในรุ่นมิดเดิลเวต 75 กิโลกรัม ระหว่าง อังคาร ชมภูพวง นักชกชาวไทย พบกับ ชิน กั๋ว ไต นักมวยจากไต้หวัน ซึ่ง อังคาร มีจังหวะการชกที่รวดเร็วและแม่นยำกว่าคู่แข่งตลอดการชก ก่อนที่พี่เลี้ยงคู่แข่งจะยอมแพ้ในยกที่ 3 เมื่อ อังคาร มีคะแนนนำคู่แข่งอยู่ถึง 12-0 คะแนน เอาชนะไปแบบไม่เจ็บตัว
สำหรับการแข่งขันรอบรองชนะเลิศ จะเริ่มแข่งขันกันในเวลา 15.00 น. ของวันอังคารที่ 8 เมษายนนี้ โดยนักชกไทยที่ผ่านเข้าสู่รอบนี้จะลงแข่งขันกันทั้งหมด ประกอบด้วย อำนาจ รุ่งเรือง, สมจิตร จงจอหอ, ฉัตรชัย บุตรดี (ไทยบี), วรพจน์ เพชรขุ้ม, พิชัย สาโยธา และ อังคาร ชมภูพวง