คอลัมน์ "หัวใจในกีฬา" โดย จำลอง ฝั่งชลจิตร
ด้วยเหตุทีมจากพรีเมียร์ชิปพาเหรดเข้าไปเตะแหกด่านรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึง 4 ทีม ได้แก่ แมนฯ ยูไนเต็ด,เชลซี,อาร์เซนอล และ ลิเวอร์พูล ทุกทีมต่างมุ่งมาดปรารถนาจะเป็นจ้าวยุโรปให้จงได้
ความกังวลที่ ‘บิ๊กโฟร์’ แบกรับอยู่ขณะนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด , เชลซี, อาร์เซนอล ดูหนักหน่วงกว่าลิเวอร์พูล เพราะ 3 ทีมแรกยังต้องห้ำหั่นแย่งแชมป์พรีเมียร์ชิป ส่วน ‘หงส์แดง’ ประคองตัวให้อยู่อันดับที่ 4 เพื่อสิทธิในการเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าก็พอ
อาร์เซนอลแพ้เชลซี 1-2 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 23 มีนา ถูกแมนฯ ยู ฯ ทิ้งห่าง 6 คะแนน เชลซีแซงปาดหน้าขึ้นไปยึดอันดับ 2 ยังเหลือเกมลุ้นแชมป์อีก 7 เกม โดยมีเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เข้ามาแทรก 2 เกม ‘บิ๊กโฟร์’ ต้องเจอเกมที่หนักหน่วงแน่นอน และจาก 2 เกม ชปล. นี่เอง บางทีอาจมีผลดีร้ายต่อการแย่งถ้วยพรีเมียร์ชิป ดังนั้น เวย์น รูนี่ย์ อย่าเพิ่งคุยเขื่องว่าแช้มป์อยู่ในมือเราแล้ว ดีดิเยร์ ดร็อกบา ก็อย่าขู่แมนฯ ยูฯ
ก่อนเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก เลกแรก กลางดึกวันที่ 1-2 เมษา วันที่ 29 มีนา อาร์เซนอลมีเกมบุกเยือนโบลตัน ฯ ที่กำลังหนีตายอย่างสุดเดช อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ ‘ไอ้ปืนใหญ่’ ประกาศไม่ยอมยกธงขาว ยังทุ่มให้กับการแย่งแชมป์พรีเมียร์ฯ อย่างสุดๆ เชส ฟราเบกาส, อเล็กซานเดอร์ คเล็บ,โคโล่ ตูเร่ หรือ มาติเยอ เฟลมินี่ ที่เป็นกำลังสำคัญอาจบาดเจ็บได้ จนกระทบถึงเกม ชปล. ที่จะเปิดบ้านรับต้อนลิเวอร์พูลในวันที่ 2 เมษา และ 5 เมษา คู่นี้ต้องหวดกันอีกครั้งในเกมพรีเมียร์ฯ อาร์เซนอลกดดันแน่ แต่นักเตะลิเวอร์พูลจะไม่กดดันมากนัก (เกมนี้กรรมการต้องตาไว อาจมีการเก็บนักเตะตัวเก่งของอีกฝ่ายได้) เพราะวันที่ 8 เมษา อาร์เซนอลจะไปเยือนแอนฟิลด์เตะเลกสอง ชปล.
หลังสยบอินเตอร์ มิลาน ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ ‘หงส์แดง’ สารภาพว่าแท๊กติกของเขาถูกโฉลกกับ ชปล. มากกว่าพรีเมียร์ฯ ไม่เชื่อต้องไปถามแฟร้งค์ แลมพาร์ด,จอห์น เทอร์รี่ หรือดร็อกบา เอาเองก็แล้วกัน แต่เวนเกอร์ก็ไม่กลัว ขนาดเอซี มิลาน ยังไปอัดถึงถิ่น 2 ประตูมาแล้ว
วันที่ 31 มีนา ‘สิงห์บลู’ เชลซีเปิดบ้านรับมิดเดิ้ลสโบรช์ ที่จะไม่ยอมเป็นสะพานคนข้าม ‘สิงห์แดง’ ต้องมาเล่นเกมบุก เพราะรู้ดีว่าเชลซีห่วงเกมไปเยือนเฟเนร์บาห์เช่ ที่ตุรกีคืนวันที่ 2 เมษา หลังเตะเชลซีมีเวลาพักวันกว่า ๆ ขณะต้องเล่นเอาชนะ ‘สิงห์แดง’ ไล่แซงแมนฯ ยูฯ ให้ใกล้เข้าไปอีกนิด นักเตะตัวหลักบางคนอาจถูกส่งลงสนาม เพราะถ้าผลออกเสมออาจถูกแมนฯ ยูฯ ทิ้งห่างไปอีก เป็นไปได้ว่านักเตะตัวจริงอาจบาดเจ็บ หรือไม่ก็เหนื่อยล้าจากการเล่นและเดินทาง เกม ชปล.กับเฟเนร์บาห์เช่ ไม่ใช่งานเบา ๆ บางทีอาจได้ผลการแข่งขันที่ไม่ถูกใจกลับมา แถมนักเตะบางคนอาจอ่วมก็ได้ จริงอยู่..เชลซีมีนักเตะตัวสำรองเพียบ แต่เกมใหญ่ต้องเน้นตัวจริงเป็นสำคัญ
วันที่ 30 มีนา แมนฯ ยูฯ เปิดบ้านรับแอสตัน วิลล่า งานนี้เชื่อว่าลูกทีมของมาร์ติน โอนีล ใส่เต็มที่เพื่อโควตายูฟ่า คัพ ฤดูกาลหน้าหรืออาจฝันถึง ชปล. ก็เป็นไปได้ จริงอยู่แม้วิลล่าจะเริ่มแผ่วๆ แต่แมนฯ ยูฯ ก็กังวลกับเกมไปเยือนโรม่า ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลีในคืนวันที่ 1 เมษา แมนฯ ยูฯ ได้พักวันกว่า ๆ เช่นเดียวกับเชลซี แม้มีขุมกำลังเยอะ โดยเฉพาะแผงกลาง ถ้าสามารถทุบวิลล่าได้รวดเร็วภายในครึ่งแรก เกม ชลป.ในโรมอาจเบาลงบ้าง
กระนั้น ผมเกรงว่าการเล่นกับโรม่าเป็นงานหนัก อย่างไรเสีย ‘หมาป่าแห่งกรุงโรม’ ต้องไล่ฟัดเอาชนะในถิ่นตัวเองให้จงได้ เพราะการเยือนรังปิศาจไม่ใช่งานพื้น ๆ และแตกต่างจากไปเยือนรีล มาดริดแน่นอน เกมพ่าย 7-1 ฤดูกาลที่แล้วยังหลอกหลอนอยู่เลย เกมนี้นักเตะผีต้องเจ็บบ้าง ถ้าหากโรม่าเป็นฝ่ายไล่ตามตั้งแต่ครึ่งแรก จากนั้นวันที่ 6 เมษา ‘ปิศาจแดง’ จะไปเยือนมิดเดิ้ลสโบรช์ ทีมที่พวกเขาเอาชนะยาก
และ 8 เมษา ‘ปิศาจแดง’ จะเปิดโอลด์ แทร๊ฟฟอร์ดรับการมาเยือนของโรม่า สมมติว่าเลกเรกทีมจากอิตาลีตุนชัยชนะไว้สัก 1-0 งานนี้แหลกกันไปข้าง เช่นเดียวกับเชลซีถ้าเสียรูปเสียฟอร์มมาจากตุรกี เลกสองเล่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้องไล่ทุบเฟเนร์บาห์เช่จนน่วมไปทั้งสองฝ่าย เนื่องจากเฟเนร์ฯ เป็นทีมที่พ่ายยากจริงๆ
ชปล. มีผลต่อการแย่งแชมป์พรีเมียร์ฯ แน่นอน ปัญหาว่าจะเกิดกับแมนฯ ยูฯ,เชลซี หรืออาร์เซนอล
ด้วยเหตุทีมจากพรีเมียร์ชิปพาเหรดเข้าไปเตะแหกด่านรอบ 8 ทีมสุดท้ายฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึง 4 ทีม ได้แก่ แมนฯ ยูไนเต็ด,เชลซี,อาร์เซนอล และ ลิเวอร์พูล ทุกทีมต่างมุ่งมาดปรารถนาจะเป็นจ้าวยุโรปให้จงได้
ความกังวลที่ ‘บิ๊กโฟร์’ แบกรับอยู่ขณะนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด , เชลซี, อาร์เซนอล ดูหนักหน่วงกว่าลิเวอร์พูล เพราะ 3 ทีมแรกยังต้องห้ำหั่นแย่งแชมป์พรีเมียร์ชิป ส่วน ‘หงส์แดง’ ประคองตัวให้อยู่อันดับที่ 4 เพื่อสิทธิในการเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าก็พอ
อาร์เซนอลแพ้เชลซี 1-2 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 23 มีนา ถูกแมนฯ ยู ฯ ทิ้งห่าง 6 คะแนน เชลซีแซงปาดหน้าขึ้นไปยึดอันดับ 2 ยังเหลือเกมลุ้นแชมป์อีก 7 เกม โดยมีเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เข้ามาแทรก 2 เกม ‘บิ๊กโฟร์’ ต้องเจอเกมที่หนักหน่วงแน่นอน และจาก 2 เกม ชปล. นี่เอง บางทีอาจมีผลดีร้ายต่อการแย่งถ้วยพรีเมียร์ชิป ดังนั้น เวย์น รูนี่ย์ อย่าเพิ่งคุยเขื่องว่าแช้มป์อยู่ในมือเราแล้ว ดีดิเยร์ ดร็อกบา ก็อย่าขู่แมนฯ ยูฯ
ก่อนเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีก เลกแรก กลางดึกวันที่ 1-2 เมษา วันที่ 29 มีนา อาร์เซนอลมีเกมบุกเยือนโบลตัน ฯ ที่กำลังหนีตายอย่างสุดเดช อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ ‘ไอ้ปืนใหญ่’ ประกาศไม่ยอมยกธงขาว ยังทุ่มให้กับการแย่งแชมป์พรีเมียร์ฯ อย่างสุดๆ เชส ฟราเบกาส, อเล็กซานเดอร์ คเล็บ,โคโล่ ตูเร่ หรือ มาติเยอ เฟลมินี่ ที่เป็นกำลังสำคัญอาจบาดเจ็บได้ จนกระทบถึงเกม ชปล. ที่จะเปิดบ้านรับต้อนลิเวอร์พูลในวันที่ 2 เมษา และ 5 เมษา คู่นี้ต้องหวดกันอีกครั้งในเกมพรีเมียร์ฯ อาร์เซนอลกดดันแน่ แต่นักเตะลิเวอร์พูลจะไม่กดดันมากนัก (เกมนี้กรรมการต้องตาไว อาจมีการเก็บนักเตะตัวเก่งของอีกฝ่ายได้) เพราะวันที่ 8 เมษา อาร์เซนอลจะไปเยือนแอนฟิลด์เตะเลกสอง ชปล.
หลังสยบอินเตอร์ มิลาน ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือ ‘หงส์แดง’ สารภาพว่าแท๊กติกของเขาถูกโฉลกกับ ชปล. มากกว่าพรีเมียร์ฯ ไม่เชื่อต้องไปถามแฟร้งค์ แลมพาร์ด,จอห์น เทอร์รี่ หรือดร็อกบา เอาเองก็แล้วกัน แต่เวนเกอร์ก็ไม่กลัว ขนาดเอซี มิลาน ยังไปอัดถึงถิ่น 2 ประตูมาแล้ว
วันที่ 31 มีนา ‘สิงห์บลู’ เชลซีเปิดบ้านรับมิดเดิ้ลสโบรช์ ที่จะไม่ยอมเป็นสะพานคนข้าม ‘สิงห์แดง’ ต้องมาเล่นเกมบุก เพราะรู้ดีว่าเชลซีห่วงเกมไปเยือนเฟเนร์บาห์เช่ ที่ตุรกีคืนวันที่ 2 เมษา หลังเตะเชลซีมีเวลาพักวันกว่า ๆ ขณะต้องเล่นเอาชนะ ‘สิงห์แดง’ ไล่แซงแมนฯ ยูฯ ให้ใกล้เข้าไปอีกนิด นักเตะตัวหลักบางคนอาจถูกส่งลงสนาม เพราะถ้าผลออกเสมออาจถูกแมนฯ ยูฯ ทิ้งห่างไปอีก เป็นไปได้ว่านักเตะตัวจริงอาจบาดเจ็บ หรือไม่ก็เหนื่อยล้าจากการเล่นและเดินทาง เกม ชปล.กับเฟเนร์บาห์เช่ ไม่ใช่งานเบา ๆ บางทีอาจได้ผลการแข่งขันที่ไม่ถูกใจกลับมา แถมนักเตะบางคนอาจอ่วมก็ได้ จริงอยู่..เชลซีมีนักเตะตัวสำรองเพียบ แต่เกมใหญ่ต้องเน้นตัวจริงเป็นสำคัญ
วันที่ 30 มีนา แมนฯ ยูฯ เปิดบ้านรับแอสตัน วิลล่า งานนี้เชื่อว่าลูกทีมของมาร์ติน โอนีล ใส่เต็มที่เพื่อโควตายูฟ่า คัพ ฤดูกาลหน้าหรืออาจฝันถึง ชปล. ก็เป็นไปได้ จริงอยู่แม้วิลล่าจะเริ่มแผ่วๆ แต่แมนฯ ยูฯ ก็กังวลกับเกมไปเยือนโรม่า ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลีในคืนวันที่ 1 เมษา แมนฯ ยูฯ ได้พักวันกว่า ๆ เช่นเดียวกับเชลซี แม้มีขุมกำลังเยอะ โดยเฉพาะแผงกลาง ถ้าสามารถทุบวิลล่าได้รวดเร็วภายในครึ่งแรก เกม ชลป.ในโรมอาจเบาลงบ้าง
กระนั้น ผมเกรงว่าการเล่นกับโรม่าเป็นงานหนัก อย่างไรเสีย ‘หมาป่าแห่งกรุงโรม’ ต้องไล่ฟัดเอาชนะในถิ่นตัวเองให้จงได้ เพราะการเยือนรังปิศาจไม่ใช่งานพื้น ๆ และแตกต่างจากไปเยือนรีล มาดริดแน่นอน เกมพ่าย 7-1 ฤดูกาลที่แล้วยังหลอกหลอนอยู่เลย เกมนี้นักเตะผีต้องเจ็บบ้าง ถ้าหากโรม่าเป็นฝ่ายไล่ตามตั้งแต่ครึ่งแรก จากนั้นวันที่ 6 เมษา ‘ปิศาจแดง’ จะไปเยือนมิดเดิ้ลสโบรช์ ทีมที่พวกเขาเอาชนะยาก
และ 8 เมษา ‘ปิศาจแดง’ จะเปิดโอลด์ แทร๊ฟฟอร์ดรับการมาเยือนของโรม่า สมมติว่าเลกเรกทีมจากอิตาลีตุนชัยชนะไว้สัก 1-0 งานนี้แหลกกันไปข้าง เช่นเดียวกับเชลซีถ้าเสียรูปเสียฟอร์มมาจากตุรกี เลกสองเล่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ต้องไล่ทุบเฟเนร์บาห์เช่จนน่วมไปทั้งสองฝ่าย เนื่องจากเฟเนร์ฯ เป็นทีมที่พ่ายยากจริงๆ
ชปล. มีผลต่อการแย่งแชมป์พรีเมียร์ฯ แน่นอน ปัญหาว่าจะเกิดกับแมนฯ ยูฯ,เชลซี หรืออาร์เซนอล